5 ปัญหาหลักในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ
หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา กล่าวในที่ประชุมถึงวัตถุประสงค์ที่เดินทางมาครั้งนี้ว่า เพื่อต้องการมารับฟังรายละเอียดการแบ่งงานของ ศธ. รวมทั้งหารือถึงปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้องในการปฏิบัติ และแนวทางดำเนินการในอนาคต จากการที่ได้รับฟังข้อมูลและข้อสรุปต่างๆ จาก ศธ. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ได้พบปัญหาหลักในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ 5 ประเด็นหลัก คือ
1) ปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบงาน กลไกการแบ่งงานของ ศธ. มีการแบ่งงานหลายคณะ โดยเฉพาะคณะกรรมการระดับชาติหลายคณะ ซึ่งส่งผลให้การนำนโยบายทางการศึกษาลงไปสู่การปฏิบัติ ไม่ได้ทำงานประสานสอดคล้องกัน
2) การกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงไปสู่ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น โดยเฉพาะการกระจายอำนาจการบริหารจัดการการศึกษา ยังไม่สามารถทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้การบริหารการจัดสรรทรัพยากรเป็นไปในลักษณะส่วนกลางเป็นหลัก ซึ่งไม่สนองตอบต่อความต้องการที่แท้จริงของส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
3) การจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพและการวางระบบเพื่อเพิ่มโอกาสและคุณภาพการศึกษา จากการที่ปลัด ศธ.รายงานคุณภาพการศึกษาของไทยอยู่ในระดับต่ำ โอกาสของผู้เรียนที่ได้รับการศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา หรือจบแล้วมีงานทำ อยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษามากเป็นลำดับที่สองของโลก
4) การบริหารต้นทุนและการจัดการบุคลากรทางการศึกษา จากสัดส่วนงบประมาณของการจัดการศึกษาที่ผ่านมาของ ศธ. ส่วนใหญ่หมดไปกับเงินเดือนและค่าจ้างครูประมาณร้อยละ 58, ค่าเครื่องแบบ อาหาร และการบริหารจัดการ ประมาณร้อยละ 20, ส่วนที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาการเรียนการสอน ค่าครุภัณฑ์ อาคาร และการกู้ยืม ซึ่งจะเห็นได้ว่างบประมาณเพื่อการพัฒนาระบบการศึกษาที่แท้จริง คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
5) ปัญหาการจัดการศึกษาและมาตรฐานการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการทั้งภายในและภายนอกประเทศ ความสามารถในการจัดการศึกษาเพื่อผลิตแรงงานป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน เช่น ตัวเลขแรงงานไทยจากการสำรวจในปี พ.ศ.2551 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เช่น มาเลเซีย มีผลิตภาพของแรงงานมากกว่าไทยถึง 1.6 เท่า ส่งผลต่อผลกระทบโดยรวมต่อศักยภาพในการแข่งขัน และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพราะตัวเลขจะใช้เป็นตัวกำหนดเป้าหมายในการลงทุน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการลงทุน และอีกหลายๆ ด้าน
โครงการเร่งด่วนสำคัญของ ศธ.ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557
ทั้งนี้ ปลัด ศธ.ได้เสนอโครงการเร่งด่วนสำคัญของ ศธ.ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 จำนวน 7 โครงการ คือ
1) การบูรณะหรือซ่อมแซมอาคารเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่ภาคเหนือ
2) การเยียวยาและช่วยเหลือนักเรียน ครู ผู้บริหาร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
3) การขอเพิ่มงบประมาณสำหรับผู้กู้ยืมเงินจาก กยศ. และเงินทุนอุดหนุนผู้มีความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และโอลิมปิก
4) การจัดหาเครื่องแท็บเล็ต
5) การปรับค่าใช้จ่ายต่อหัวในการจัดการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้เรียนปกติและผู้พิการ
6) การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน
7) การขอเปลี่ยนแปลงรายการ สถานที่ และงบประมาณการก่อสร้างอาคารเรียน
8 โครงการสำคัญที่ควรผลักดันดำเนินการในปีงบประมาณ 2558
หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา กล่าวถึงโครงการที่สมควรจะผลักดันดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 จำนวน 8 โครงการ คือ
1) การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2) การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
3) การส่งเสริมผู้จบการศึกษาด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
4) การพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้
5) การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา
6) การพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐาน
7) การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
8) ยุทธศาสตร์การลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศผ่านสถาบันอุดมศึกษา
จากการประชุมที่ผ่านมา ปลัด ศธ.ได้ชี้ให้เห็นถึงการใช้อำนาจของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรี และกลไกของคณะกรรมการด้านการศึกษาระดับชาติ ทำให้ฝ่ายจัดการศึกษาและฝ่ายสังคมจิตวิทยา อาจจะมีอุปสรรคและเกิดความไม่คล่องตัวในการจัดการศึกษาเป็นประเด็นหลัก รวมทั้งความเข้าใจต่อปัญหาระบบการศึกษาของไทย และการวิเคราะห์อย่างถ่องแท้ถึงทางเลือกหลัก แนวทางในการแก้ไขปัญหาการจัดการศึกษา
จึงทำให้ได้ตระหนักถึงภาระงานในการจัดการศึกษาอันใหญ่หลวงเป็นอย่างมากต่อการสร้างรากฐานอันมั่นคงให้แก่ประเทศชาติในอนาคต โดยเฉพาะการสร้างกลไกให้มีคุณภาพ ซึ่ง ศธ.แบกรับภาระดังกล่าวมาเป็นระยะเวลายาวนาน 122 ปี ตลอดจนทำให้ได้ตระหนักว่าปัญหาต่างๆ ในการจัดการศึกษาต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และต่อปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานภายในและภายนอกประเทศ ความต้องการของต่างประเทศ อันจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่น การกำหนดเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในภาคอุตสาหกรรม การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในวาระที่ประเทศจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้านการศึกษา จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาในการดำเนินการ เนื่องจากเป็นปัญหาทั้งในเชิงโครงสร้างและวิธีการบริหารจัดการศึกษา ที่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งจากฝ่ายการเมืองด้วย ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาอาจเกิดจากการดำเนินการให้เป็นไปตามกระแส ไม่ต่อเนื่อง มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง และแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว และมองเห็นผลงานที่ชัดเจน
สิ่งที่ควรมุ่งเน้นและให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษา
ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง ไปพร้อมๆ กัน ทั้งการปฏิรูปครูอาจารย์ ปฏิรูปโรงเรียน และปฏิรูประบบบริหารจัดการศึกษา ตามที่ ศธ.ได้วางแนวทางไว้ ซึ่งจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ เจตนารมณ์ที่ฝ่ายสังคมจิตวิทยาให้ไว้ด้วย โดยมีส่วนที่ควรมุ่งเน้นและให้ความสำคัญ ดังนี้
1) ศธ.ต้องมีแผนดำเนินการที่มุ่งสู่เป้าหมายและผลสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษาตามแผนงานต่างๆ อย่างชัดเจน โดยต้องยึดถือเป็นแนวทางหลัก ซึ่งจะต้องมีการกำหนดผู้รับผิดชอบ กรอบแผนงานดำเนินงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะตัวชี้วัดที่สามารถวัดและสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าหรือความล้มเหลวได้อย่างเป็นรูปธรรม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารไปกี่ครั้งกี่คนก็ตาม แต่แนวทางนี้จะต้องยืนต่อไป นอกจากนี้จะต้องมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้รับทราบ เปิดโอกาสให้สังคมได้ให้ข้อคิดเห็น สำหรับเป็นข้อมูลในการปรับปรุงแผนการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะต้องดำเนินงานควบคู่ไปกับการกระจายอำนาจไปสู่ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นในภาพรวมของประเทศ ดังนั้นแผนงานโครงการใดๆ ของ ศธ.จึงควรมุ่งสู่เป้าหมายผลสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีความคุ้มค่า
2) การพิจารณาแผนงานโครงการในระยะสั้น ปีงบประมาณ พ.ศ.2557 และปีงบประมาณ พ.ศ.2558 นอกจากจะต้องสอดคล้องกับแผนงานระยะยาวคือการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้เกิดความยั่งยืนแล้ว เรื่องที่เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน หากไม่ได้ดำเนินการแล้ว จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการในการจัดการศึกษา บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่รับบริการทางการศึกษา รวมทั้งแผนงานโครงการที่เป็นการเสริมศักยภาพการแข่งขันเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเป็นหลัก ส่วนแผนงานโครงการใดของ ศธ.ที่อาจจะเป็นข้อกังขาของสังคม โดยเฉพาะเป็นประเด็นที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใส หรือไม่ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาการศึกษา ก็เห็นว่าจำเป็นจะต้องมีการทบทวน โดยขอให้เร่งพิจารณาและเสนอแผนงานโครงการของปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วในช่วง 3-4 เดือนนี้ ก่อนสิ้นปีงบประมาณ
3) การปรับปรุงหลักสูตร การเรียนการสอน และการบริหารจัดการศึกษา เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เกิดการพัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบ และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งจะเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพของสังคมไทยในอนาคต โดยเฉพาะการปลูกฝังในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม การสร้างวินัย การมีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม การยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความภาคภูมิใจในการเป็นคนไทย
ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่าง ศธ.กับฝ่ายสังคมจิตวิทยาเป็นไปอย่างคล่องตัวและสอดคล้องกับประกาศและคำสั่งของ คสช. จึงต้องการให้ ศธ.เร่งพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของปลัด ศธ. และแต่ละองค์กรหลักต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อสรุปจากการพูดคุยร่วมกัน
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา กล่าวด้วยว่า ขอให้ผู้บริหารทุกท่านได้สบายใจว่า ไม่ได้เข้ามาควบคุมการดำเนินงาน หรือเข้าไปล้วงลูกในการปฏิบัติ แต่จะช่วยผลักดันโครงการหรือแผนงานต่างๆ ของ ศธ. ซึ่งตระหนักดีว่างานของกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีใครรู้ดีมากไปกว่าคนในกระทรวงศึกษาธิการ ตนและทีมงานไม่ได้คลุกคลีกับการศึกษามาตั้งแต่ต้น จึงไม่ทราบถึงปัญหาในรายละเอียด ต้องอาศัยผู้บริหารระดับสูงและคนในกระทรวง ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยคุณวุฒิ และการมีคุณธรรมของท่าน จนมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน มีความมุ่งหวังที่จะให้หน่วยงานการศึกษาแต่ละหน่วยงานประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี หากมีปัญหาอยู่บ้างในระบบบริหารจัดการ หรือมีอำนาจภายนอกเข้ามาแทรกแซง ก็ขอให้มาคุยได้ ย้ำว่าที่เข้ามานี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ต้องการมารับฟังและช่วยกันผลักดันเพื่อให้ภารกิจต่างๆ ของ ศธ. บรรลุตามที่ต้องการ
สุภาษิตจีน บอกว่า "10 ปีสร้างต้นไม้ 100 ปีสร้างคน" ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการครบ 122 ปีแล้ว จึงฝากความหวังและอนาคตของประเทศไว้กับทุกคนในห้องนี้ เพื่อให้ผู้เรียนที่จบออกมาแล้วมีคุณภาพดีขึ้น รวมทั้งประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไป
|