หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567
พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ 20 ตุลาคม 2560

อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)

เรื่องใหม่น่าสนใจ  (ทั้งหมด ที่ )


(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข


40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ 


เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร




 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

title

ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ 20 ตุลาคม 2560

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2560 เวลา 20.15 น.

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน 
เมื่อวันพุธที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนิน เพื่อทรงประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญ สำหรับในช่วงของการเตรียมการ ซึ่งนับว่าปัจจุบัน มีความพร้อมบริบูรณ์แล้ว ทั้งกิจกรรมสำคัญ สถานที่ และการบริหารจัดการต่าง ๆ โดยคณะกรรมการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นที่ปรึกษา  ก็คงจะเหลือเพียง การซ้อมใหญ่เสมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ทั้ง 6 ริ้วขบวนอีกครั้งในวันที่ 21– 22 ตุลาคม ศกนี้

ในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีพระประมุข พระราชวงศ์และประมุขแห่งรัฐจำนวนมาก จากทั่วโลกเสด็จพระราชดำเนิน เสด็จและเดินทางมาร่วมในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม ที่จะมาถึงนี้ ก็เป็นอีกเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์โลก
ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกคน ได้ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี รักษาบรรยายความสงบเรียบร้อยและการไว้อาลัย เราทุกคนต้องช่วยกันดูแลความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การเฝ้าระวังความปลอดภัยในทุกสถานที่ พร้อมใจกันต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในนามของพ่อหลวงไทยด้วย

ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณจิตอาสา ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมจิตร่วมใจกันทำความดีเพื่อพ่อ นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนถึงเวลานี้ รวมทั้งจิตอาสาเฉพาะกิจฯ กว่า 4 ล้านคนตามพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่มีความมุ่งมั่น และเข้มแข็ง ในการปฏิบัติภารกิจ ทั้ง 8 กิจกรรม ตามที่ได้รับมอบหมายในทุกพื้นที่ ก็เป็นการรวมพลังความรักความสามัคคีของคนในชาติ ที่ครั้งสำคัญครั้งหนึ่ง เพื่อถวายแด่ พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยเป็นวาระสุดท้าย ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงชื่นชม และทรงขอบใจทุกคนมา ตามที่ได้ทราบกันแล้วก่อนหน้านี้

 พี่น้องประชาชนที่เคารพ ครับ

ในปัจจุบันนั้น เกณฑ์ชี้วัดต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ ก็นับว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น ในภาพรวมโดยลำดับ ซึ่งผมเชื่อว่า จะทยอยส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจระดับฐานราก ในอนาคต อย่างยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเราก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อปัญหารายวัน ไม่ได้ดูแต่ตัวเลขอย่างเดียว ปัญหาที่สำคัญคือ เรื่องปากท้องและการทำมาหาเลี้ยงครอบครัว รวมทั้งเราต้องเร่งการกระจายรายได้ให้ทั่วถึง ซึ่งเราต้องทำเป็นระยะ 3 ปีที่ผ่านมานั้นรัฐบาลได้ดำเนินหลายมาตรการด้วยกัน เพื่อจะช่วยเหลือประชาชนฐานราก อาจจะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มกิจกรรมบ้าง หรือเป็นการช่วยเหลือในการให้สามารถมีชีวิตที่อยู่รอดได้ คือการสร้างความเข้มแข็งผสมผสานกันไปกว่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท แล้ว  อาทิ

1. กลุ่มเกษตรกร รอบแรกนั้นก็เป็นซ่อมสร้าง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใน 3 เดือน ใช้วงเงินกว่า  360,000 ล้านบาท  แยกเป็นมาตรการสร้างงาน และมาตรการช่วยเหลือชาวนา เรื่องต้นทุนการผลิต ในอัตรา 1,000 บาทต่อไร่ แต่ไม่เกิน 15 ไร่ มีชาวนาที่ได้รับการช่วยเหลือ ราว 3.4 ล้านครอบครัว สำหรับ รอบสองนั้นก็จะเป็นมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ประกอบด้วย 4 มาตรการวงเงินรวมกว่า 45,000 ล้านบาท ได้แก่ (1) การดูแลภาระหนี้สินเกษตรกรด้วยการพักชำระเงินต้นเป็นเวลา 2 ปี และการลดดอกเบี้ยสำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ ราว 2 ล้านราย ๆ รายหนึ่งก็ไม่เกิน 5 แสนบาท (2) คือการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแก่เกษตรกรจำนวน 3 แสนราย   (3) การประกันภัยพืชผล 7 ประเภท ให้เกษตรกร 1.5 ล้านราย ครอบคุลมพื้นที่ 30 ล้านไร่ และ (4) การช่วยเหลือปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 3.7 ล้านรายนะครับ รายละไม่เกิน 10 ไร่ ๆ ละ 1,000 บาท  เป็นต้น ก็ใช้เงินจำนวนมาก แต่ก็ต้องทำให้ทั่วถึงทั้งประเทศ

2. การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อันนี้เป็นภาระอันใหญ่หลวง อาทิเช่น การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากพายุตาลัสและพายุเซินกา ครัวเรือนละ 3,000 บาทนะครับ ใช้กรอบวงเงินงบประมาณ ราว 1,700 ล้านบาท ซึ่งก็จะเป็นเกษตรกรใน 36 จังหวัด เป็นพื้นที่มากกว่า 4 ล้านไร่ ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง รวมทั้งพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง กว่า 27,000 ไร่ เป็นต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องเกษตรกร ในการชำระหนี้ ในการใช้เป็นค่าใช้จ่ายรายวัน อีกด้วย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องสูญเสียมาตลอด

3. คือโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนแก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและผู้ประกอบอาชีพอิสระอื่น ๆ อีก ที่มีรายได้น้อยกว่า 100,000 บาทต่อปี ได้ให้มีการลงทะเบียนฯ ครั้งแรกกลางปี 2559 ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ลงทะเบียนฯ ที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ราว 8 ล้านคน รวมเป็นวงเงินราว17,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ (1) กรณีมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 3,000 บาท และ (2) กรณีที่มีรายได้ ระหว่าง 30,000 - 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 1,500 บาท ครั้งที่ 2 นี้ในปัจจุบัน จะเป็นการให้สวัสดิการผ่าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเราแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 300 บาท ไปก่อน (2) เป็นค่าเดินทาง 1,500 บาท ซึ่งรายละเอียดเป็นที่ทราบกันดีแล้ว  มีผู้ลงทะเบียนฯ และผ่านคุณสมบัติตามโครงการ กว่า 11 ล้านราย อันนี้เป็นการเริ่มต้น ระยะแรกเราต้องจัดสรรสัดส่วนให้ครบถ้วน และให้เกิดความเป็นธรรม

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายรายวันนั้นเราก็จำเป็นจะต้องผูกโยงกับการซื้อขายสินค้าที่จำเป็นในครัวเรือน กว่า 300 รายการ จากผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เรายังไม่สามารถที่จะไปถึงการซื้อทั่วไปได้ ในระยะแรกนี้ ซึ่งเราก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนของวงการนี้ ของรัฐบาลนี้ ด้วยการจำหน่าย สินค้าในราคา ต่ำกว่าตลาดเพราะยังไงก็ต้องพึงพาอาศัยกันอยู่แล้ว อย่าไปมองว่าเขาจะได้ประโยชน์ แต่เขาก็มีคนงาน มีผู้อยู่ในสถานประกอบการอีกมากมาย ก็เป็นพี่น้องเราทั้งสิ้น เขาก็ได้มีเงินเดือนมีอะไรของเขาไปด้วย ในส่วนของผู้ประกอบการข้างล่าง ระดับผู้ปฏิบัติ เราก็จะขายสินค้าในราคาต่ำกว่าตลาด ร้อยละ 20 โดยประมาณ ก็ลองคิดดูซิว่า ถ้าเราไปซื้อของข้างนอกนี่ จะทำได้อย่างนี้หรือเปล่า ก็ต้องหารือกันต่อไป หลายคนก็อยากให้ไปซื้อของตามร้านขายของประชาชนด้วย อะไรด้วย ต้องเป็นระยะต่อไป ว่าจะทำได้ยังไง คงจะต้องมีมาตรการการควบคุม ด้วยวิธีการที่เหมาะสม วันนี้เราก็ไปซื้อได้ที่ ร้านธงฟ้า ไปก่อน มีอยู่กว่า 6,000 แห่ง ทั่วประเทศ ปัญหาของเราก็คือเรื่องการติดเครื่องรับการ์ด ตอนนี้ก็เร่งดำเนินการอยู่ เป้าหมายของเราก็คือ แต่ละตำบลต้องมีร้านธงฟ้า อย่างน้อย 1 แห่ง ในอนาคตอันใกล้ จะขยายให้ได้ 18,000 แห่ง วันนี้ก็ยังคงต้องเดินทางอยู่บ้าง

ทั้งนี้ มีร้านค้าปลีกชุมชน กว่า 30,000 รายที่ลงทะเบียนขอร่วมในโครงการ อันนี้เป็นสิ่งที่ยาก เพราะว่าถ้าเป็นร้านค้าก็ลงทะเบียนได้ ถ้าเป็นร้านค้าขายปลีก ขายทั่ว ๆ ไป ของประชาชนนี่จะเข้ามาได้ยังไง ก็ยังนึกอยู่ อันนี้เขาสามารถมาลงทะเบียนร่วมในโครงการได้ก่อน ปัจจุบันต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ มีการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อความสมบูรณ์สำหรับให้บริการต่อไป ผมเองก็เห็นว่า นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับร้านค้าปลีกชุมชน รวมทั้งเกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากอีกด้วย ต้องมองว่าเขาซื้อของเข้ามาก็มีคนผลิต คนผลิต อย่าไปคำนึงถึงเจ้าของอย่างเดียว คนที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ เป็นคนงาน เป็นอะไรมากมาย พนักงานของเขา ก็เป็นพี่น้องอย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว พวกเราทั้งสิ้น

การดำเนินการในระยะแรก อาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง ก็ต้องช่วยกันปรับปรุง แก้ไข มีอะไรก็แจ้งมา ถ้าหากว่าเราเอาเฉพาะปัญหาแล้วมาย้อนแย้งกันไปมาว่าอย่างโน้น อย่างนี้  ก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด ก็กลับไปที่เดิมใหม่ ก็ลองคิดดูแล้วกัน ช่วยแจ้งปัญหากลับมาด้วย โครงการใหญ่อย่างนี้ ที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน ไม่เคยแยกคนออกมาได้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นรายละเอียดในการปฏิบัติย่อมจะมาก หลายหน่วยงานก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ภาครัฐ ภาคเอกชน  ประชาชน เปนผู้บริโภค ต่อไปนั้นเราก็จะเป็นการทำโครงการต่าง ๆ ระยะต่อไปก็คือเชื่อมโยงตลาดชุมชน ตลาดเดิม ๆ ให้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อยอีกทางหนี่ง ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้า OTOP ผู้ผลิตสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน ได้มีพื้นที่ขายสินค้าเหล่านั้นด้วย แต่ต้องไปดูว่าจะผูกยึดโยงได้ยังไง ได้หรือเปล่า ไว้อีกทีหนึ่ง การที่พี่น้องเรียกร้องกันมา ก็ต้องไปหาวิธีการ ส่วนการกระจายรายได้ การสร้างความเข้มแข็ง การเพิ่มขีดความสามารถของชุมชน  รัฐบาลกำลังพิจารณา กำหนดนโยบาย หาแนวทางในการส่งเสริมในการจัดตั้ง ตลาดประชารัฐรูปแบบต่าง ๆ ทุกพื้นที่ มีหลายรูปแบบด้วยกัน ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในตลาดนี้นะครับคล้าย ๆ ว่าเป็นช่องทางการตลาด ให้ทุกคนได้มีการเข้าถึง เป็นช่องทางของประชาชน เกษตรกรโดยตรงทำนองนี้

เรื่องบัตรสวัสดิการนี้ เป็นเพียงแนวทางหนึ่งเท่านั้นของรัฐบาลในปัจจุบัน เพื่อจะแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยแบบมุ่งเป้าและยั่งยืน เน้นตอบสนองความต้องการพี่น้องประชาชนให้ตรงจุด ตอบโจทย์ให้ตรงประเด็น บางคนอาจจะบอกว่า ไม่ตรง ๆ ก็มีตรงอยู่บ้าง มากกว่าไม่ตรง เพราะเราชี้ชัดเป้าหมายของเราลงไปรัฐบาลก็จะต้องวางโครงสร้าง ฐานข้อมูลกลางภาครัฐ”  เชื่อมโยงข้อมูลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และกำหนดมาตรการ เพื่อให้ความช่วยเหลือไม่ซ้ำซ้อน ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา จึงจะเป็นการบริหารจัดการต่อปัญหาของผู้มีรายได้น้อยได้อย่างยั่งยืน อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการช่วยเหลือในอนาคตนั้น จะเป็นมากกว่าการให้สวัสดิการ (Welfare) โดยจะส่งเสริมอาชีพ การฝึกทักษะแรงงาน หรือการเพิ่มศักยภาพของแรงงาน (Workfare) ก็มีแนวความคิดในการสร้างแรงจูงใจ  ให้กับผู้มีรายได้น้อยไม่ว่าจะอยู่ในวัยแรงงาน หรือวัยชรา ที่มีความพร้อมทำงานตามขีดความสามารถ และตามความสมัครใจ สำหรับเข้าโครงการอบรม การเสริมความรู้ เพราะบางคนอาจจะ บางพื้นที่อาจจะขาดแค่ความรู้ บางพื้นที่ก็ขาดทุนในการประกอบการ ประกอบอาชีพเล็ก ๆ น้อย ๆ มีหลายอย่างที่ขาดแคลน เราต้องชี้ชัดลงไป เป็นกลุ่ม เป็นพื้นที่เป็นครอบครัว อะไรทำนองนี้ เราจะได้สามารถทำให้ทุกคนมีอาชีพขึ้นมาได้ อาชีพเสริม มีรายได้พิเศษ เพิ่มจากงานประจำ หรือที่เราค้าขายกันเดิมๆ อยู่แล้ว เราก็พอมีเวลาที่จะเพิ่มรายได้ของตัวเองได้ แต่ต้องปรับปรุงเหมือนกัน ตัวเองก็ต้องช่วยกัน เกษตรกรหลังฤดูเก็บเกี่ยว ก็จะได้ไม่มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่น ใช้เงินอย่างเดียว ต้องมีเวลาที่จะพัฒนาตัวเอง  แล้วก็หาอาชีพต่าง ๆ เพิ่มเติมเช่น งานช่างฝีมือ งานซ่อมรถ ซ่อมแอร์ ช่างไฟฟ้า ช่างประปา หรืองานประกอบการ ทำขนม  เหล่านี้เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะอำนวยความสะดวก และแสวงความร่วมมือกลไก ประชารัฐในพื้นที่ ในแต่ละชุมชน โดยจะทำเป็นโครงการระยะที่ 2 ต่อไป ก็ขอให้ติดตาม


พี่น้องประชาชน ครับ

หลายปัญหาที่รัฐบาลและ คสช. ทุ่มเทความพยายามในการแก้ปัญหา ไม่เพียงในระยะเร่งด่วน แต่ต้องการสร้างความยั่งยืนไปด้วย ตามศาสตร์พระราชา ให้เกิดขึ้นในอนาคต อาทิ

1. นโยบายเกษตรแปลงใหญ่ ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรม ราว 150 ล้านไร่  มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนราว 5.7 ล้านครัวเรือน ปัญหาของพี่น้องเกษตรกรที่ผ่านมา คือ เราไม่ได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง อย่างเต็มที่ และต่อเนื่อง เป็นการให้เปล่า เป็นการให้กับฤดูกาล เป็นการเยียวยาเสียส่วนใหญ่ วันนี้รัฐบาลจึงมีนโยบายขับเคลื่อน เกษตรแปลงใหญ่สนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อย ได้มีการรวมตัว รวมพลังกัน ผลิตสินค้าและดำเนินการร่วมกัน ภายใต้การบริหารจัดการที่เป็นระบบ มีแบบแผน รัฐ เอกชน จะต้องเข้าไปสนับสนุน ตั้งแต่การผลิตการแปรรูป ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าให้สูงขึ้นรวมถึงเพิ่มอำนาจต่อรองในการตลาดให้กับเกษตรกร หรือประชาชนให้มากยิ่งขึ้น

ผลการดำเนินการในปัจจุบันนั้น มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ มากกว่า 150,000 ราย ก็ยังไม่มากเท่าไร รวมเป็นพื้นที่แปลงใหญ่ กว่า 1,900 แปลง รวมกันเกือบ 2 ล้านไร่นะครับ ครอบคลุมสินค้าเกษตร 74 ชนิด ซึ่งที่ปรากฏตามการประเมินของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ คือทำให้เกษตรกรเข้มแข็ง ช่วยลดต้นทุนการผลิตลง เพิ่มคุณภาพผลผลิตสูงขึ้น ส่งผลให้ในปี 2560 เกษตรกรที่เข้าโครงการ ก็มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ราว 990 – 1,100 บาทต่อไร่  และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น หลายคนยังไม่ได้เข้า ก็ยังไม่ได้เงินจำนวนนี้ เราก็ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยทำ ตามความสมัครใจของท่าน

นอกจากนี้ ในเรื่องของการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรให้เหมาะสม เป็นอีกมาตรการหนึ่ง ที่มีความจำเป็น และเป็นประโยชน์  เช่น ข้าวโพด เราจำเป็นต้องลดการปลูกในพื้นที่ไม่ถูกต้องลง เพราะบางทีเกินความต้องการ พื้นที่บุกรุก พื้นที่ผิดกฎหมาย เราก็ต้องมาหาพื้นที่ปลูกใหม่ ให้ถูกต้อง เหมาะสม พัฒนาพันธุ์ เหล่านี้ เพราะว่าผลผลิตข้าวโพดมีความสำคัญ การผลิตในประเทศ บางช่วงเวลาไม่เพียงพอต่อความต้องการ บางเวลาก็มากเกินไป เราอาจจะต้องส่งเสริมให้ปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ปลูกข้าวแล้วไม่คุ้มค่า ไม่ได้ผล เอาข้าวโพดมาปลูกแทน จะได้ไม่ปลูกในพื้นที่บุกรุก จะได้สามารถดูแลในเรื่องของดีมาน ซัพพลายได้  ก็ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกร ข้อดีก็คือ ต้นทุนการปลูกข้าวโพดนั้นจะ ต่ำกว่าปลูกข้าว เฉลี่ยประมาณ 300 บาทต่อไร่ เราจะได้ช่วยกันลดปัญหาการลักลอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศ ที่สำคัญคือราคาจะสูงขึ้น  แต่ต้องปลูกตามความต้องการ กับเรื่องของการเพาะปลูก ปริมาณที่สมดุลกันด้วย มากเกินไป น้อยเกินไป ก็ไม่ได้ทั้งคู่

2. เรื่องของการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา เราได้มีการให้เพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางในประเทศ ในระยะแรก ด้วยการทำถนนและซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุด อันนี้เป็นกิจกรรมหนึ่ง เราก็ได้เน้นเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ชุมชน แหล่งผลิตและตลาด เพื่อประชาชนจะได้สัญจรไปมา นำสินค้าไปค้าขายได้สะดวกขึ้น จะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องในการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพไม่ให้เกิดอุปสรรคระหว่างการเดินทางดังกล่าว  ในระยะแรกนั้น รัฐบาลให้กระทรวง กลาโหม ดำเนินการโดยเร่งด่วนจำนวน 129 เส้นทาง ระยะทางรวม 212 กิโลเมตร  กระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศวงเงิน 1,013 ล้านบาทใช้น้ำยางกว่า 1,070 ตัน  ทั้งนี้ ในเรื่องของการก่อสร้างและปรับปรุง ถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีตผสมยางพารานี้ เป็นการขยายผลจากการศึกษาวิจัยของสถาบันวิจัยยางกรมวิชาการเกษตร ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ได้เคยทดลองสร้างถนนตัวอย่าง ปรากฎว่า น้ำยางพาราช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับถนน ใช้แทนยางมะตอยได้ดีพอสมควร สามารถทำได้เร็วมากเพียง 1–2 วัน ก็เสร็จแล้ว หลังจากที่ทำพื้นชั้นล่างเรียบร้อย ค่าใช้จ่าย ต่อตารางเมตรถนนยาง พาราถูกที่สุด คือ 200–300 บาท ถนนยางมะตอย 350–400 บาท และถนนคอนกรีต 750–800 บาท อีกทั้ง ยังมีอายุการใช้งานนานถึง 10 ปี หรือนานกว่าถนนยางมะตอย 2 เท่า ไม่มีฝุ่นดินอีกด้วย  ระยะต่อไป อาจมีการขยายผลในอีกราว 1,000 เส้นทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ซึ่งเราได้สำรวจความต้องการของประชาชนและชุมชนไว้ในเบื้องต้นแล้ว

3. การแก้ปัญหาของรัฐวิสาหกิจ  เป็นประเด็นสำคัญ เป็นแรงขับเคลื่อน เป็นเครื่องจักรตัวหนึ่ง ของประเทศ ของรัฐบาลเราก็ต้องปรับปรุงแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ให้การดำเนินงานของภาครัฐโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมานั้นมี ปัญหาการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งด้วยกัน ที่สะสมมานาน จนกลายเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ช่วงแรกของรัฐบาลนี้ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ขึ้น เพื่อเสนอแนะนโยบาย แผนการบริหาร มาตรการในการพัฒนารัฐวิสาหกิจ ซึ่งภารกิจเร่งด่วนของ คนร. คือการแก้ไขปัญหาการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 7 แห่ง ให้เร่ง จัดทำแผนฟื้นฟู ปรับปรุงโครงสร้าง กระบวนการ และการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อลดภาระทางการเงินต่าง ๆ ลงโดยเร็ว

ใน 2–3 ปีที่ผ่านมานั้น เราจะเห็นได้ว่ามีรัฐวิสาหกิจที่ต้องเร่งฟื้นฟูข้างต้นหลายแห่ง ที่เริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง มีการปรับปรุงการดำเนินงานที่มีแนวทางชัดเจน เช่น กรณีบริษัทการบินไทย ที่ประสบปัญหาขาดทุนมานานภายหลังแผนการปรับปรุง 4 ด้านในปี 2557 ได้แก่ การบริหาร การสร้างรายได้ การลดค่าใช้จ่าย และการแก้ไขโครงสร้างทางการเงิน มีทั้งการลดจำนวนพนักงานลงตามความสมัครใจด้วย การยกเลิกเที่ยวบินที่ขาดทุน การปรับปรุงเส้นทางการบิน การปรับปรุงระบบการขาย ประกอบกับการได้รับเงินจากกระทรวง การคลัง มาเสริมสภาพคล่อง ส่งผลให้การดำเนินงานส่วนใหญ่ เป็นไปตามแผนที่กำหนด รายได้รวมใกล้เคียงกับเป้าหมายนะครับอัตราการขนส่งผู้โดยสารสูงกว่าคู่แข่งโดยเฉลี่ย ในปีนี้ เราได้เน้นการปรับระบบการจองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต ให้มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นนะครับ รวมถึงการบริหารทรัพย์สินเพื่อลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ถึงแม้ว่าผลงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังต้องดำเนินการอีกหลายอย่างนะครับ ซึ่ง คนร. ก็ให้มีการนำระบบบริหารจัดการรายรับ (Revenue Management System) และระบบการบริหารจัดการเส้นทาง (Network Management System) มาใช้ให้เห็นผลมากขึ้นโดยเร็ว

นอกจากนั้น เราคงจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ เพื่อรองรับโอกาสจากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวและการปลดธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)  ซึ่งเราก็ทำเป็นผลสำเร็จแล้ว รวมทั้งต้องกำกับดูแลคุณภาพการให้บริการให้เหมาะสมด้วย เราจึงจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

รัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นไปตามแผนก็คือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)  มีแผนฟื้นฟูช่วงแรก มีการดำเนินงาน 4 แนวทาง ได้แก่ (1) การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยจัดกลุ่มลูกหนี้ แยกตามสถานะ และมีกระบวนการดูแลหรือปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่ม (2) ต่อไปคือการบริหารสินเชื่อที่มีคุณภาพดี และให้สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มรายได้ โดยปรับกระบวนการพิจารณาสินเชื่อให้กระชับขึ้น มีกลไกการพิจารณาที่มีมาตรฐาน เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ (3) ต่อไปก็คือการบริหารสภาพคล่อง เพื่อให้มีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้นและปรับให้แหล่งที่มาของเงินทุนเป็นระยะยาวเช่นกันเพื่อลดความเสี่ยง  และ (4) สุดท้ายคือการสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานและจัดโครงสร้างกำลังคนให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ

ที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อให้กับSMEs เป็นไปตามเป้าหมาย มีการบริหารจัดการต้นทุนและรายได้ต่อเนื่อง ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ทยอยลดลง เราแก้ไขมาเรื่อย ๆ วูบวาบแก้ที่เดียวไม่หมดแต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดเพียงเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯ ยังคงมีอัตราส่วนเงินกองทุนสูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้  ระยะต่อไป ธนาคารฯ จะต้องจัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรระยะยาวเพื่อสร้างความเข้มแข็ง แข็งแกร่ง ปรับตัวเป็น องค์กรดิจิทัล” (Digital Trans for mation) เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนด้วย

สำหรับรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ต้องเดิน หน้าทำงาน ในลักษณะเช่นนี้ไปให้ได้ตามแผนที่วางไว้ ต้องแก้ไขปัญหา และลดภาระทางการเงิน ให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญคือในทุกกรณี เมื่อแก้ไขปัญหาแล้วนั้น ต้องมีกระบวนการหรือกลไกในการติดตามดูแล กรอบการปฏิบัติงานต่าง ๆ ต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเดิม ๆ ซ้ำอีก ไม่ไปสร้างปัญหาใหม่ ๆ ไม่ไปสร้างหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก โดยไม่จำเป็น สำหรับการแก้ปัญหาที่รัฐบาลและ คนร. พยายามผลักดันให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการอยู่นั้น เราจะต้องทำให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพ ไม่ขาดทุน พอเลี้ยงตัวเองได้ ส่วนใดที่ไม่ใช่การบริการของรัฐสวัสดิการ แล้วส่วนหนึ่งก็ต้องสามารถสร้างรายได้ให้กับภาครัฐได้ด้วย แล้วให้บริการกับพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึง
มีคุณภาพ

พี่น้องประชาชนที่รัก ครับ

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงความตั้งใจส่วนหนึ่งที่รัฐบาลต้องการดูแลปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน รวมทั้งพัฒนาการบริหารจัดการของภาครัฐเอง วันนี้ประเทศไทยยังมีประเด็นปัญหาอีกหลายประการที่รอการแก้ไขทั้งจากภาครัฐที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน รวมทั้งฝั่งภาคธุรกิจด้วยเพื่อให้การแก้ปัญหาให้ตรงจุด เกาถูกที่คันตามที่ต้องการ อย่างทั่วถึง ถ้ามีวิธีการที่ดีกว่านี้ก็บอกผมมา  ถ้าทำอย่างนี้แล้วยังไม่ดีพอ  ท่านจะเอายังไงก็บอกมา  ท่านที่มีความคิดเห็นก็เสนอมาได้ แต่อย่าไปบอกว่าควรจะใช้งบประมาณเหมือนเดิม เป็นไปไม่ได้ในวันนี้และวันหน้า เรื่องที่ผมอยากจะขอถ่ายทอดแนวความคิดของผมและก็ของรัฐบาลที่คุยกัน หาหนทางกันตลอดเวลา ว่าเรามีมุมมองต่อปัญหา และแนวทางที่เราจะต้องร่วมกันแก้ไขต่อไปได้อย่างไร

เรื่องที่ 1. เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรประชาชนของเราจะเก่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น พอเพียงและมีความสุขมากขึ้น รวมทั้งเข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายและการบริหารของประเทศมากขึ้นในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องเรียนรู้ พื้นฐานระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ใช่แบบเดิม ๆ ที่ผ่านมาเราต้องเป็นประชาธิปไตยที่คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยบ้างหรือไม่  ช่วยกันคิด ผมว่าจำเป็น ถ้าวันนี้เราจะไปสู่ประชาธิปไตยวันหน้า เราต้องเข้าใจระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมายต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น  ถ้าทุกคนไม่พูดกฎหมายจะไปไม่ได้หมด จะทำให้เกิดผลประโยชน์ กระจายไปทุกพื้นที่ ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อย่างเป็นธรรม วันนี้ที่ยาก ที่ช้าเพราะเราทำไปทั้งประเทศ  แต่ถ้าเราทำเป็นกลุ่มก็ไม่ยากนัก


ที่ผ่านมาทำเป็นกลุ่ม ๆ แก้ปัญหาเป็นรายปีไป แล้วก็เกิดอีก วันนี้ก็ลำบากกันก่อน  วันหน้าก็ได้ดีขึ้นกว่านี้ ต้องแลกเอา  ถ้าเอาสบายแต่ไม่ยั่งยืน  ได้ไม่ครบกลุ่ม ไม่ครบพวก ไม่เข้มแข็ง สักวันสักทีก็ลำบาก เราจะต้องลดช่องว่างรายได้ของคนทุกระดับให้แคบลงให้ได้  ทุกฝ่าย ทั้งประชารัฐในรัฐบาลปัจจุบัน และผมขอความเห็นของนักการเมืองทุกพรรคด้วย ท่านติติงมากมาย  ท่านลองหาวิธีการเสนอมาให้สังคมทราบ ให้ประชาชนทราบว่าท่านจะทำยังไง ถ้าติติงผมทุกวันให้ผมทำใหม่ ก็กลับที่เดิมหมด ประชาชนก็ไม่ร่วมมือ กลับมาที่เดิมหมดแหละ นับหนึ่งใหม่อีกที อันนี้พรรคการเมืองทุกพรรคก็ควรมีความคิดเห็นแบบนี้ ถ้าติติงอย่างเดียวง่าย ก็บอกวิธีการว่าท่านจะทำยังไง ไม่ว่าจะเรื่องประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเรื่องของความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน  ท่านลองเสนอเรื่องราวเหล่านี้ มากกว่าที่จะมาติติง ต้องให้เวลาผมหน่อย ให้ผมแก้ไขในระยะแรกนี้เพื่อจะสนับสนุนและสร้างสรรค์ประโยชน์ร่วมกัน เราจำเป็นต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปติดกับ 20 ปีล้าสมัย ไม่ใช่เลย  เราต้องการให้มีความต่อเนื่องไม่สะดุด  ทุกรัฐบาลก็เดินหน้าไปตลอด 20 ปี
ท่านจะมีนโยบายต่าง ๆ มาก็ต้องร่วมกันทุกพรรคการเมือง ช่วยกันวางกรอบตามที่รัฐบาลและ คสช. ได้วางไว้แล้วในขั้นต้น 

ผมก็เพียงแต่วางไว้ให้ แล้วท่านจะปรับเปลี่ยนอะไร ท่านก็ว่าไปตามกฎหมายก็มีอยู่แล้ว  การร่วมมือกันทำงาน แน่นอน  ทุกความคิดทุกวิธีการมันมี ที่แตกต่าง คนไทยต้องเก่งทุกคน  แต่ต้องแยกให้ออกว่า อะไรคือยุทธศาสตร์ชาติ อะไรคือนโยบายพรรค เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในทุกด้าน บนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส รวมทั้ง ปราศจากการทุจริต และการทำประชานิยม ในสิ่งที่ผิด ๆ  จะนำผลเสียมาสู่วินัยการเงิน การคลัง ของประเทศ ในระยะยาว อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในขณะเดียวกัน ก็จะต้องลดความขัดแย้งในทุกมิติ  ต้องตอบว่าแล้วท่านจะทำอย่างไร  ท่านบอกว่าผมทำไม่สำเร็จ แล้วท่านจะทำอะไรบ้าง สร้างความปรองดอง ในทุกกิจกรรม ช่วยกันได้ยังไง  โดยเฉพาะด้านการเมือง และ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้เกิดความมีเสถียรภาพที่ยั่งยืน

2. ในภาพรวม ผมอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน สร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำในสิ่งดี ๆ ให้กับคนไทยด้วยกันเอง ทุกคนทราบหมดอะไรดีไม่ดี  ประเทศชาติของเรา จะดีขึ้นได้อย่างไรโดยปราศจากความขัดแย้ง ภาคธุรกิจ ก็ต้องไม่มุ่งหวังเพียงผลประโยชน์ หรือการผูกขาด แต่เพียงอย่างเดียว สังคมก็ไม่ไว้วางใจ  เราต้องช่วยกันคิด เกื้อกูลกัน ให้เกิดการกระจายรายได้ ให้เกิดความเป็นธรรม  ไปถึงทุกคน ทุกกลุ่ม รวมทั้งยึดโยงไปสู่ผู้มีรายได้น้อยในทุกสาขาวิชาชีพ ทุกระดับด้วยและข้อสำคัญ เราต้องแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นให้ได้ ในทุกระดับ  ทั้งในเรื่องของการสร้างระบบป้องกัน ระบบแก้ไข ระบบการบริหารจัดการ ต่าง ๆ ให้โปร่งใสให้ได้   ทุกองค์กร ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน  เพราะเป็นการใช้จ่าย หรือการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ ที่ไม่ถูกกฎหมายถ้าเราไม่ทำให้ถูกต้อง เงินทุจริตมันก็จะวนเวียนมากในพื้นที่  ธุรกิจสีเทา หรือธุรกรรมเลี่ยงการเสียภาษี  อันนี้คือเงินที่จะแพร่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ จะทำให้เกิด ดีมานด์เทียม ซัพพลายเทียม ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประเทศ

3. ในส่วนของภาครัฐ การใช้งบประมาณในการดูแลประชาชน เราต้องช่วยกันคิดว่า เราควรต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่มีรายได้ที่แตกต่างกันด้วยหรือไม่ โดยนำความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชนมาเป็นเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่กระจุกตัว ไม่ซ้ำซ้อน ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มากจนเกินไปเพราะเป็นภาษีโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้โดยหลักการแล้ว ทางวิชาการก็มีผู้กล่าวไว้แล้ว นะครับ ผู้มีรายได้น้อยก็ควรได้รับการดูแลมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ที่มีรายได้ดีกว่า มันก็ต้องมี ตัวเลขออกมา 

เพราะฉะนั้น ความเสมอภาคที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก็คือ การทำให้ทุกคนไม่ว่าจะยาก ดี มี จน ควรได้รับโอกาส เข้าสู่ห่วงโซ่ อย่างเท่าเทียมกัน โดยเริ่มจากทำให้สามารถ อยู่รอดอย่างพอเพียง และยั่งยืนได้ ในที่สุด เช่น มาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย ที่ได้กล่าวไปแล้ว
ขณะเดียวกันก็ใช้งบประมาณในการดูแลกลุ่มอื่น ๆ ด้วย ตามความเหมาะสม 

4. เกษตรกรก็ต้องเก่งเรื่องเกษตรสมัยใหม่ ไม่เช่นนั้นไม่ทันโลกเขาแน่นอน เรื่องพันธุ์พืช การลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดการใช้ยาฆ่าแมลงลงไปตามลำดับ และบางพื้นที่อาจจะไม่ใช้เลย หรือไม่ใช้อยู่แล้วในเวลานี้  แต่ละพื้นที่ต่างกัน เพราะที่ผ่านมาอิสระ เสรี แมลงหรือโรคพืชจากที่นี่ก็ลามไปที่อื่น  ตรงไหนใช้ยาใช้สารเคมีมาก ๆ ก็ไม่ไป แต่ก็อันตรายแก่คน  เพราะฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนไปทำเกษตรอินทรีย์กันบ้าง  ตามทิศทางของโลก อีกทั้ง ยังต้องมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ปัจจัยอื่น ๆ อาทิ ลมฟ้าอากาศ สำหรับการเพาะปลูกพืช ได้อย่างเหมาะสม

5. อุตสาหกรรม ต้องผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ และตลาด  อย่าไปคิดว่าจะทำแบบนี้แล้วจะขายดี ต้องไปหาการตลาดให้ได้ ให้ชัดเจนขึ้นทั้งตลาดภายใน และภายนอกประเทศสามารถแข่งขันได้ ขณะเดียวกันต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น

6. การท่องเที่ยวและบริการเราต้องให้ความสำคัญในเรื่องความน่าเชื่อถือว่ามาเที่ยวบ้านเราแล้วเป็นอย่างไร ปลอดภัย นอกจากสนุกแล้วยังต้องปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วย ให้เกิดความประทับใจ ให้เขากลับมาเยือนบ้านเมืองเรา อีกหลาย ๆ ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้มีการกระจายได้ลงสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ให้มากที่สุด เพราะทุกคนจะได้ประโยชน์จากตรงนี้มาในเรื่องของที่พัก อาหาร เรือ เรื่องรถขนส่ง ทำนองนี้

7. การสร้างตลาดประชารัฐประเภทต่าง ๆ รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่เราจะต้องไปรวบรวมข้อมูล เดิมอยู่ที่ไหนบ้างแล้วจะพัฒนาอย่างไร ไม่ใช่สร้างไปแล้วไม่มีคนขาย ไม่มีคนซื้อ  เราต้องสร้างให้ครอบคลุม หลายประเภทด้วยกันกำลังดำเนินการอยู่  กระจายในทุกพื้นที่ มีสินค้าที่หลากหลาย ที่มีคุณภาพ เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ สมุนไพร เป็นตลาดที่เราส่งเสริมให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีการปลูกพืช  เอามาตรงนี้จะได้มีตลาดขายของเขาประชาชนก็เอาเข้ามาขายเอง  หรือมีคนรวมมาก็แล้วแต่ แต่ขอให้เป็นกลไกของภาคประชารัฐทำจะได้ชัดเจนขึ้น  จะมีสินค้าชุมชน สินค้าสุขภาพ  สมุนไพรนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเปิดช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกร และสินค้า OTOP ต่าง ๆ ที่มีมากมายให้กว้างขวางขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน อีกด้วย
8. กลุ่มผู้มีรายได้สูง หรือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่  การเสียสละ และเกื้อกูล ไปสู่ผู้มีรายได้น้อย อันนี้เป็นสิ่งที่ควรกระทำ เราจะต้องเพิ่มการกระจายรายได้ จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ทำให้ทุกคนเกิดความพอใจ คนไทยพอใจ บริษัทของท่านก็มีชื่อเสียง ได้รับกุศลผลบุญที่ได้ทำไว้ ด้วยความเต็มใจของท่าน อันนี้ก็ขอให้ทุกคนได้ช่วยกัน รัฐบาลขอให้หลายภาคเอกชนเข้ามาช่วย ตามกำลังความสามารถ ผมขอขอบคุณหลายกลุ่มหลายบริษัทที่เข้ามาร่วม  หลายบริษัทยังไม่มาก็มีจำนวนมาก ก็ขอให้ช่วยกันแล้วกัน  ถ้าช่วยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะดีเอง  ต้องให้ประชาชนเข้าใจว่าเราไม่ได้ทำเป็นการเอื้อประโยชน์ เพราะฉะนั้นต้องลดราคาของลง คนที่มีรายได้น้อยก็เข้าถึงได้มากขึ้น  ไม่เช่นนั้นก็จะบอกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์หมดให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ เขาก็ต้องมาแสดงตัว แสดงสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์โดยรวมให้ได้ให้สังคมเข้าใจ


วันนี้เป็นเพียงระยะแรกเท่านั้น  ก็ต้องเร่งให้เร็วขึ้น  วันหน้าเราต้องเร่งให้กลุ่มฐานราก  กลุ่มประชาชน ประชารัฐเข้มแข็งขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง ทั้งการเพาะปลูก การผลิต การแปรรูป  ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ครบวงจร

9. ในส่วนของภาครัฐการกำหนดนโยบายสาธารณะ จำเป็นต้องมีเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน และขับเคลื่อนประเทศ ก็จะต้องมีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนตามปัจจัย หรือบริบท ภายใน ภายนอกได้ แต่ต้องคำนึงถึงหลักการ และเป้าหมายที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และประเทศชาติโดยรวมซึ่งต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง และไม่เป็นปัญหาด้านงบประมาณ รวมถึงการปรับปรุงระบบภาษี ไม่ได้มุ่งหมายไปเก็บภาษีใคร เราต้องปรับภาษีให้เป็นธรรม ผู้มีรายได้น้อย รายได้มาก จะเป็นอย่างไร และทำอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบ ให้เกิดความพึงพอใจ เกิดความเป็นธรรมได้ทั่วถึงเรื่องนี้เราคงต้องศึกษารายละเอียดกันต่อไปต้องทำความเข้าใจไปด้วยไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีเงินได้นิติบุคคล หลายคนบิดเบือนไปหมด 
10. การพัฒนากองทุนแห่งรัฐ เราต้องมีการพัฒนาในทุกกิจกรรม  ควรจะต้องสอดคล้องกับความต้องการ อาทิ การศึกษา การสาธารณสุข
ซึ่งยังไม่สมบูรณ์นักให้มีการการพัฒนาและการเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และทั่วถึงปัจจุบันนั้นเราต้องยอมรับว่าเรามีแรงงานและประชาชน จำนวนไม่น้อย ที่มีการศึกษาค่อนข้างต่ำ หรือไม่อยู่ในระบบการศึกษา ด้วยความจำเป็นในการดำรงชีวิต โอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน วันนี้เขาต้องออกมาทำงานกลางคัน ไม่มีการศึกษาต่อ  การเรียนรู้ก็น้อยลง ทำงานตามหน้าที่ ตามความชำนาญไปเรื่อย ๆ  รายได้ก็อยู่เท่านั้น 

เพราะฉะนั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปสู่ Thailand 4.0  เราต้องพยายามเน้นให้คนของเรา มีหลักคิด มีสามัญสำนึก มีความคิดสร้างสรรค์ ที่ถูกต้องเหมาะสม มีความคิดที่จะพัฒนาตนเองเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพในสังคม ถ้าเรียกร้องแล้วไม่พัฒนาก็ลำบากที่จะได้อะไรกลับมาง่าย ๆ ในวันนี้และวันหน้า รวมถึงเราจะต้องสามารถสร้างงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับประเทศได้ด้วย 

11. ด้านการบริการสังคมภาครัฐจะต้องมีการจัดทำระบบบรรเทาสาธารณภัย น้ำท่วม ฝนแล้ง ฯลฯ อย่างเหมาะสมเป็นขั้นเป็นตอน
สิ่งที่ทำง่าย ๆ วันนี้คือ เราจะทำยังไงกับการจัดการกับสิ่งกีดขวางทางน้ำตามธรรมชาติ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะว่าผังเมือง บางทีก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเต็มที่ มีการสร้างถนน เส้นทาง บ้านพัก หมู่บ้าน ที่พักอาศัยต่าง ๆ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก ขวางเส้นทางน้ำทั้งสิ้น ถ้าไปรื้อมาจะทำได้หรือไม่

ขอให้ทุกคนได้ช่วยกันคิด  ผมเพียงแต่อยากให้ทุกคนคิดเป็น คิดใหม่  หลาย ๆ คนอาจจะลืมคิดไป  ปัญหาเหล่านี้ต้องการความร่วมมือร่วมใจ แล้วจะแก้ไขได้ เราต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันเรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุด แม้จะเป็นการยาก ในเรื่องของน้ำท่วม ฝนแล้งเหล่านี้  ป้องกันไม่ได้ 100% เพราะขึ้นอยู่กับธรรมชาติ  แต่เราต้องลดการสูญเสียชีวิตทรัพย์สินลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยการทำสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาให้ได้บ้าง ในที่ดินที่ประชาชนเป็นเจ้าของทั้งหมด จะทำอย่างไรก็ต้องหารือช่วยกัน

12. การผลักดันงานเฉพาะด้านต่าง ๆ เหล่านี้ เราต้องการระบบบริหารราชการที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ วันนี้รัฐบาลก็ปรับมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมาทั้งในเรื่องของวิธีการ ในเรื่องขององค์กร บุคลากร  ระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายต่าง ๆ หลายร้อยฉบับที่กำหนดขึ้นนั้น ผมก็บอกไปแล้วว่า เราต้องสร้างประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่มให้ได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่มีบทกำหนดโทษที่รุนแรงอย่างเดียว  ต้องมีกฎหมายที่จะทำให้ประชาชนเกิดความร่วมมือให้ได้ด้วย ให้เป็นธรรม อย่าคิดว่าราชการจะใช้กฎหมายได้อย่างเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือด้วย กฎหมายต้องเป็นแบบนี้ ต้องจัดทำกฎหมายที่เกื้อกูล ไม่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ อย่างเป็นธรรม ไม่ทุจริต กิจกรรม แผนงาน โครงการที่ดีไม่มีปัญหาของรัฐบาล ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงระบบงบประมาณของประเทศด้วย เราต้องพิจารณาให้เหมาะสม

ทั้งหมดนี้เป็นแนวความคิดของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ต้องการจะสื่อสารให้คนไทยทุกคน ทุกกลุ่ม ได้ร่วมกันแสวงหาทางออก
ให้กับประเทศของเราให้มีความ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป ไม่อยากให้เข้าใจกันผิดพลาดต่อไปอีก  วันหน้าจะอันตราย

 สุดท้ายนี้

ผมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน คนไทยทุกคน เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องปฏิรูปร่วมกัน อาทิ การศึกษา  ระบบประกันสุขภาพ สาธารณสุข  การแก้ไขปัญหาขยะอุดตัน   ต้องแก้วันนี้ ช่วยกัน ดูเรื่องการทิ้งขยะ การแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง  และการจราจรติดขัดเห็นแก่ตัว ไม่เคารพกฏจราจร  ก็แก้ได้ทันทีพวกนี้  อาจจะดีขึ้น การใช้ที่ดิน การบริหารจัดการน้ำ  การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม  การทำการเกษตรแผนใหม่ และอุตสาหกรรม จะต้องทำทุกอย่างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรามีต้นทุนไม่มากนักการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากมายที่เราต้องแก้ไขปรับปรุง ทั้งการคมนาคมขนส่ง การสื่อสาร สารสนเทศ และอื่น ๆ  ความมั่นคงทางพลังงาน และการแสวงหาแหล่งพลังงานทางเลือกที่เหมาะสมการจัดระบบ และยกระดับรัฐวิสากิจใหม่ เป็นต้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกการปฏิรูป คือเราต้องเริ่มที่ ตนเอง และครอบครัวก่อนเสมอ ส่วนกลุ่มต่าง ๆ ทั้งเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ปัญญาชนทั้งหลาย ก็ต้องขอความร่วมมือ ให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจอย่างทั่วถึง ด้วยเพราะเป็นอนาคตของประเทศเรานะครับ รายละเอียดการปฏิรูปที่เกริ่นไว้ ผมจะขอนำมาคุยกับพี่น้องประชาชนในครั้งต่อ ๆ ไปด้วย

สัปดาห์หน้าเป็นห้วงเวลาประวัติศาสตร์ของประเทศ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทย ทุกคนในการร่วมการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ความจงรักภักดี แด่ พ่อหลวงของเราทุกคน  ร่วมกัน คิดดี พูดดี ทำดีนำเรื่องราวดี ๆ ของ พ่อ - พระราชาผู้ทรงธรรมมาเล่าสู่กันฟังพร้อมทั้งน้อมนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งร่วมกันน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย อย่างสมพระเกียรติ สูงสุด ให้สมดังที่พวกเราทุกคนเป็น ข้ารองพระบาทในหลวงรัชกาลที่ 9 และเป็น ลูกที่ดีของพ่อตลอดไปขอบคุณครับ ขอให้ทุกคนระลึกถึง คำพ่อสอนร่วมกันทำดีเพื่อพ่อ และขอให้มีความสุขในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  สวัสดีครับ


ที่มา ; เว็บรัฐบาลไทย

โหลด - อ่าน - เรื่องเด่น 

เกณฑ์สอบผู้บริหารการศึกษา ปี 2560

โหลด-อ่าน ฉบับเต็มรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF

 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

เว็บฟรี...1,000 ชุด 10,000 ข้อ
ติวสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา -อปท. ที่ 
ติวสอบดอทคอม โดย อ.นิกร "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม