เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม ยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความปีติสุขของพสกนิกรชาวไทย ที่ปีนี้ได้รับทราบข่าวอันเป็นมหามงคลยิ่งอีกครั้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะทรงเข้ารับการถวายการรักษาพระวรกายอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช แต่พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงดี พร้อมเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้ประชาชนได้เฝ้ารับเสด็จ แสดงความจงรักภักดีอย่างใกล้ชิดในวันที่ 5 ธันวาคมนี้
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวเมื่อเช้าวันที่ 4 ธันวาคม ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงดี พร้อมเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เวลา 10.30 น. โดยโรงพยาบาลศิริราชได้จัดเตรียมสถานที่ให้ประชาชนรับเสด็จตั้งแต่ตึกกายวิภาค และท่าเรือโรงพยาบาลศิริราช พร้อมกันนี้ ยังจัดกิจกรรมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยมีพิธีถวายราชสดุดี และมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรในช่วงค่ำด้วยเช่นกัน ส่วนการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ จะมีไปจนถึง 16 ธันวาคมนี้
“ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุ 87 พรรษา และย่าง 88 พรรษา ตามธรรมเนียมจีน ถือเป็นมงคล เพราะว่ามีเลข 8 ถึง 2 ตัวด้วยกัน ซึ่งหมายถึงการนำมาซึ่งความสุข และอนาคตที่สดใส และแสดงถึงความยิ่งใหญ่ พวกเรามีความยินดีที่พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และหวังว่าทุกคนจะมีความรู้สึกเหมือนกัน ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทุ่มเทพระวรกายและสติปัญญา เสด็จฯ ลงทุกภูมิภาค แก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน ให้มีความกินดีอยู่ดี โดยเฉพาะข้าราชการ ที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งด้านการทำงานและการแก้ปัญหา ที่ทรงเน้นย้ำให้รู้จักบริบทของปัญหาอย่างแท้จริง” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว
ประชาชนเริ่มจับจองพื้นที่ศิริราช
สำหรับบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้วันนี้จะเป็นวันแรกที่สำนักพระราชวังประกาศงดลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา และจะเปิดให้ลงนามได้เช่นเดิมในวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม แต่ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาด้วยความตั้งใจเพื่อจะลงนามถวายพระพรด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แต่เมื่อทราบว่างดให้ลงนาม จึงทำได้เพียงถวายพระพรแสดงความจงรักภักดีหน้าพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณศาลาศิริราช 100 ปี และส่วนใหญ่ได้นำกล้องถ่ายรูป กล้องโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกและบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
ส่วนบริเวณลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา มีประชาชนทั้งที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ และเดินทางมาจากต่างจังหวัด เริ่มมานั่งรอเพื่อจับจองพื้นที่เส้นทางเสด็จฯ โดยนั่งหันหน้ามองขึ้นไปยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ก่อนที่ช่วงเย็นมีประชาชนนำเสื่อมาปูจองพื้นที่รับเสด็จ ตลอดเส้นทางถนนบวรสถานพิมุข พร้อมนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์ ภปร รวมถึงอาหารและน้ำดื่มติดตัวมาด้วย โดยส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อจะได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันมหามงคล 5 ธันวาคม อย่างใกล้ชิด
ผู้นำนานาประเทศร่วมถวายพระพร
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักร ทรงส่งพระราชสาส์นมาถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีใจความว่า หม่อมฉันขอถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษาของฝ่าพระบาท หม่อมฉันมีความยินดีที่ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศไทยดำเนินมาอย่างแน่นแฟ้นเป็นเวลากว่า 400 ปีบนพื้นฐานของมิตรภาพอันยั่งยืนระหว่างประชาชนชาวไทยและประชาชนชาวอังกฤษ หม่อมฉันขอถวายพระพรชัยมงคลแด่ฝ่าพระบาทเพื่อทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงพระเกษมสำราญ
ขณะที่ นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ ได้ลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมมหาราชวัง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม
พร้อมกันนี้นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ส่งสาส์นถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า ข้าพระพุทธเจ้าประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยประชาชนชาวอเมริกัน ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 5 ธันวาคมนี้
สหรัฐอเมริกาและประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเกื้อกูลต่อกันมายาวนานกว่า 180 ปี ทั้งสองประเทศร่วมมือกันอย่างมุ่งมั่นในหลากหลายประเด็น ไม่เพียงเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยรวมอีกด้วย ประชาชนชาวอเมริกันต่างยึดมั่นในความร่วมมือและมิตรภาพอันยืนยงกับประชาชนชาวไทย ข้าพระพุทธเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สหรัฐอเมริกาและไทยจะธำรงมิตรภาพนี้สืบต่อไปบนรากฐานอันมั่นคงแห่งประวัติศาสตร์ที่ผูกพันกันของทั้งสองประเทศ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
โปรดเกล้าฯ‘พระบรมฯ’พระราชทานธงชัยเฉลิมพล
พล.ท.บัณฑิตย์ บุณยะปาน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกกองทัพไทย กล่าวว่าในวันที่ 7 ธ.ค. 2557 เวลา 15.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงประกอบพิธีตรึงหมุดธง และพระราชทานธงชัยเฉลิมพลให้แก่หน่วยทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งชุมสาย บริเวณสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีรมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหมผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองพระบาท
ทั้งนี้ในพิธีดังกล่าว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีตรึงหมุดธง ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงบรรจุพระกรัณฑ์เส้นพระเจ้าในยอดคันธง ทรงย้ำตรึงหมุดติดผ้าคันธง และเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งชุมสาย บริเวณสนามหน้า ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระราชทานธงชัยเฉลิมพลให้แก่หน่วยทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม จำนวน 63 หน่วย ประกอบด้วย หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ จำนวน 3 หน่วย กองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 1 หน่วย กองทัพบก จำนวน 32หน่วย กองทัพเรือ จำนวน 25 หน่วย และกองทัพอากาศ จำนวน 2 หน่วย หลังจากนั้น รมว.กลาโหมนำทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.ท.บัณฑิตย์ กล่าวว่า ธงชัยเฉลิมพล หมายถึงธงซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะประจำหน่วยทหาร เป็นสิ่งชักนำความองอาจแห่งหมู่ทหารทั้งปวงให้มีชัยชนะต่อข้าศึกด้วยความกล้าหาญ นอกจากนี้แล้ว ธงชัยเฉลิมพลยังประกอบด้วย สิ่งที่แสดงออกถึง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยธงหมายถึง ชาติ บนยอดธงบรรจุพระพุทธรูป หมายถึง ศาสนาและเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศา) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หมายถึง พระมหากษัตริย์
“ธงชัยเฉลิมพล เป็นธงประจำหน่วยทหารที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นธงชัยเฉลิมพลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของทหาร เป็นเกียรติยศของหน่วยทหารนั้นๆ เมื่อเวลาเข้าสู่สงครามทหารทั้งปวงต้องพิทักษ์รักษาธงชัยเฉลิมพลของหน่วยตนไว้ด้วยชีวิต ธงชัยเฉลิมพลจึงเป็นเครื่องนำความองอาจ กล้าหาญ แห่งหมู่ทหารทั้งปวงให้เข้าต่อสู้ข้าศึก ศัตรู ให้ได้ชัยชนะกลับมา และเป็นสิ่งที่ทหารทุกคนต้องรักษาไว้ ยิ่งกว่าชีวิต และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นนายทหารหรือพลทหารจะต้องผ่านพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลจึงจะถือว่าเป็นทหารอย่างสมบูรณ์แท้จริง” เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กล่าว
ทั้งนี้ ธงชัยเฉลิมพลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไปแล้วนั้นเมื่อเกิดชำรุดหรือมีหน่วยทหารเพิ่มขึ้นใหม่ กองทัพไทยจะนำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานเส้นพระเจ้า ขอพระราชทานเชิญเสด็จไปทรงประกอบพิธีตรึงหมุดธง และพระราชทานธงชัยเฉลิมพลที่ได้สร้างขึ้นใหม่ให้แก่หน่วยทหาร ถือเป็นประเพณีสืบมา
พิพิธภัณฑ์ตำรวจจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธ.ค. 2557 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 7 ธ.ค.2557 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. จากเดิมจะเปิดตั้งแต่เวลา 10.00 -16.00 น. เปิดวันพุธ-อาทิตย์ ปิดวันจันทร์และอังคาร เข้าชมฟรี ทั้งนี้ ในวันที่ 5 ธ.ค.จะมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรพร้อมกันกับท้องสนามหลวง ทั้งนี้ โดยการจัดงานในวัยดังกล่าว บริเวณวังปารุสกวัน ได้มีงานประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การลงนามถวายพระพร การจัดนิรรศการเฉลิมพระเกียรติโครงการพระราชดำริ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น