หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567
พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รายการคืนความสุขให้คนในชาติ 30 กันยายน 2559

อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)

เรื่องใหม่น่าสนใจ  (ทั้งหมด ที่ )


(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข


40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ 


เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com 

-นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู + การศึกษาไทยศตวรรษ 21 นี่

-กำหนดการสอบครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี 2559

            -คู่มือ 4 ชุด นโยบาย บริบริหาร ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

 ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษาชุดใหม่

   

 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา   

รายการคืนความสุขให้คนในชาติ 30 กันยายน 2559
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ 30 กันยายน 2559
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2559 เวลา 20.15 น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
เนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี ในปี พ.ศ.2559 นี้ ซึ่งยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์โลกนะครับ รัฐบาล โดยบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะสื่อของรัฐ ได้จัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติชุดยิ่งใหญ่ “สายธารพระราชไมตรี” ซึ่งนำเสนอพระราชกรณียกิจด้านการต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการเปิดตัวประเทศไทยต่อประชาคมโลกและเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 รวมทั้งสิ้น 29 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปออสเตรเลีย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้ประจักษ์ในพระอัจริยภาพและพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงสร้างความประทับใจแก่ชาวโลก และทรงได้รับการถวายการต้อนรับจากผู้นำของแต่ละประเทศอย่างสมพระเกียรติ
ทราบว่าสารคดีชุดนี้ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพถ่าย ภาพวาด ภาพเคลื่อนไหว ตลอดจนสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทีมงานเดินทางตามรอยพระยุคลบาทครบทุกประเทศ ทุกเมือง และทุกสถานที่ จึงนับได้ว่าเป็นผลงานทางประวัติศาสตร์ ที่ผมอยากให้คนไทย รวมทั้งเยาวชน-คนรุ่นใหม่ได้เห็นนะครับ เนื่องจากหาดูได้ยากในปัจจุบัน ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ ชื่อ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ความว่า “…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงตั้งพระทัยไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เสด็จออกนอกประเทศ ถ้าไม่มีเหตุผลสำคัญเพียงพอ เพราะในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของชาวไทย ก็สมควรที่จะประทับอยู่ในบ้านเมืองเพื่ออยู่ใกล้ชิดกับราษฎรของท่านให้มากที่สุด…”
โดยสารคดี “สายธารพระราชไมตรี” ชุดนี้ กำหนดออกอากาศให้คนไทยได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จำนวน 52 ตอนๆ ละ 20 นาที พี่น้องประชาชนสามารถติดตามชมได้ตามรายละเอียดด้านล่างของจอภาพ ทั้งนี้ การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศต่างๆ และนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยน แบ่งปัน ช่วยเหลือ และร่วมมือ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปะวัฒนธรรม ตลอดจนการท่องเที่ยว มาจนถึงปัจจุบัน โดยในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 71 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมานั้น ได้ มีผู้นำประเทศหลายท่านนะครับ ได้แสดงน้ำใจ สอบถามกับผมเกี่ยวกับพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งผมเห็นว่าชาวต่างชาตินั้น มีความเข้าใจและรับรู้ ถึงความสำคัญและความผูกพันของสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทย รวมทั้งบทบาทของพระองค์ ที่มีต่อมวลมนุษยชาติ อาทิ เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ถวายรางวัล “ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์” ตามโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้รับการกล่าวขานและยกย่อง มาจนถึงปัจจุบัน ว่าหลักปรัชญาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” มีคุณูปการต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทำให้นานาประเทศตื่นตัวนะครับ ในการปรับรูปการพัฒนา ภายใต้แนวคิดใหม่นี้ ซึ่งก็ได้บ่งชี้ถึงแนวทางการพัฒนาที่เน้นความสมดุล ความพอประมาณและความมีเหตุผล ประกอบกับสำนึกในคุณธรรม และการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอ ที่จะต้านทานและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จากกระแส โลกาภิวัตน์ ก็นับได้ว่าเป็นหลักการสำคัญ ที่รัฐบาลปัจจุบันก็ได้น้อมนำมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา อย่างเต็มรูปแบบนะครับ รวมทั้งเป็นแนวทางแก้ปัญหาของประเทศและ ประชาคมโลก ที่สร้างความยั่งยืน อาทิปัญหาผู้หนีภัยและการเคลื่อนย้ายที่ไม่ปกติ ปัญหาโลกร้อน และปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เป็นต้นนะครับ จนนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของประเทศไทย ในการแสดงออกต่อปัญหาดังกล่าวกับผมด้วยนะครับ
วันนี้มีเรื่องที่น่ายินดีเป็นความสำเร็จของประเทศ เกี่ยวกับ “การพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน” ผมขอชื่นชมกลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงาน ที่สามารถคว้ารางวัล ASEAN Energy Awards 2016นะครับ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 34 ณ ประเทศเมียนมา จำนวน 16 รางวัล จากทั้งหมด 47 รางวัล นับว่า “มากที่สุด” ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยครองแชมป์ได้รับรางวัลมากที่สุด12 ปี ติดต่อกัน ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกภาคส่วน “หนุนพลังงานสีเขียว แล้วก็สร้างพลังงานทดแทน และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยนะครับ ด้วยความสมัครใจ ในรูปแบบต่างๆ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการที่เราจะ “ก้าวเข้าสู่สังคมสีเขียว ด้วยพลังงานสะอาด” ภายใต้แผนปฏิบัติการพลังงาน ในกรอบของอาเซียน ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน, การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ การใช้พลังงานหมุนเวียน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันนั้น รัฐบาลได้ปรับปรุงแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558 ถึง 2579 ซึ่งกำหนดเป้าหมาย “เพิ่มสัดส่วน” ในการใช้พลังงานทดแทนเป็นร้อยละ 30 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย ในปี 2579 และแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 ถึง 2579 ที่ตั้งเป้าหมาย “ลดสัดส่วน” การใช้พลังงานต่อ GDP ของประเทศ อย่างน้อยร้อยละ 30 ภายใน 20 ปีข้างหน้า ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ
ทั้งนี้ เพื่อให้รองรับกับการที่ประเทศไทย ได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เรียกว่า COP21 ซึ่งแต่ละประเทศได้ตกลงร่วมกัน ว่าจะมุ่งมั่นในการรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสนะครับ รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกในอนาคต อีกเรื่องที่น่ายินดีนะครับ ก็คือ ผลการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลก โดย Master Card ประจำปี 2559 ที่จัดอันดับให้กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของเรา ได้ขึ้นแท่นอันดับ 1 เป็นเมืองที่มีผู้เดินทางมาเยือน “มากที่สุดในโลก” นะครับ หลังจากที่เราอยู่ในอันดับ 2 มา 2 ปีติดต่อกัน ปีที่ผ่านมากรุงเทพฯ ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เกือบ 22 ล้านคน มากกว่ากรุงลอนดอนนะครับ แชมป์เมื่อปีที่แล้ว และกรุงปารีสนะครับ ที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือน เกือบ 20 ล้านคน ทั้งนี้ จุดเด่นของกรุงเทพฯ ก็คือ ตำแหน่งที่ตั้ง ซึ่งเป็น HUB ของประเทศ และภูมิภาคอาเซียน รวมทั้ง ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้า อาหาร วัฒนธรรม ความบันเทิง และการเดินทางที่สะดวก เป็นต้นนะครับ แม้ว่าความสำเร็จในเชิงปริมาณ จะเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่ผมยังเห็นโอกาสในการพัฒนา เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ “เชิงคุณภาพ” ควบคู่ไปด้วย อาทิการสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาท่องเที่ยวให้นานขึ้น มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น รวมทั้งพัฒนามาตรฐานของแหล่งท่องเที่ยว การบริการ การอำนวยความสะดวก การดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวนะครับ
ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร, ชาวขอนแก่น และชาวไทยทุกคน ที่ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในโอกาสที่ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลอง “วันท่องเที่ยวโลก 2559” ระหว่างวันที่ 26 - 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้ทราบว่ามีผู้นำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจาก 157 ประเทศทั่วโลก ได้เดินทางมาประชุมและเฉลิมฉลองในบ้านของเราในครั้งนี้ด้วย สำหรับในปีนี้นั้น รัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาในเรื่องของ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ซึ่งเป็นปัญหาด้านการท่องเที่ยว ในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งเป็นปัญหาในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย มากว่า 40 ปีแล้ว เป็นทัวร์ที่บริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศ นำนักท่องเที่ยวจากประเทศตนเอง มาท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านบริษัทนำเที่ยวในไทย โดยบริษัทที่ส่งนักท่องเที่ยวมานั้นไม่จ่าย “ค่าทัวร์แฟร์ (Tour Fair)”ได้แก่ ค่าโดยสาร ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าทัวร์ และอื่นๆ ให้กับบริษัทนำเที่ยวของไทย ได้มีการจัดโปรแกรมทัวร์ ในลักษณะการพานักท่องเที่ยวไปช้อปปิ้งในร้านค้าที่เป็น “นอมินี” เช่น ร้านจิวเวอร์รี่, เครื่องหนัง, งานศิลปหัตถกรรม และอื่นๆ เป็นต้นนะครับ ซึ่งโก่งราคาสินค้าสูงกว่าความเป็นจริง 10 – 100 เท่า การใช้บริการที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร รถโดยสาร ที่เป็นเครือข่ายเดียวกับบริษัททัวร์ จากประเทศต้นทางซึ่งมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังนะครับ ทั้งในวงการธุรกิจและการเมือง รวมทั้งการจัดโปรแกรมทัวร์เสริม โดยบังคับให้ซื้อทัวร์เหล่านี้ เช่น ล่องแพ ขี่ช้าง เพิ่มเติม เป็นต้นนะครับ ด้วยวิธีการกดดัน ขู่เข็ญต่างๆ นานา เช่น มีการยึด Passport, ปิดแอร์รถ จอดรถจนกว่าจะยอมทำตามข้อตกลงหรือ แม้กระทั่ง “ทิ้งลูกทัวร์” ในการทำทัวร์ลักษณะนี้ ส่งผล “เชิงลบ” โดยตรงต่อธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร ผู้ประกอบการ ท่องเที่ยว นำเที่ยว ร้านขายสินค้าที่ระลึกของไทยนะครับ เนื่องจากมีการตั้งบริษัทนอมินีมา ทำธุรกิจเหล่านั้นแทน ทำให้ประเทศไม่ได้รับรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้งส่งผลกระทบข้างเคียง อาทิ นักท่องเที่ยวไม่ได้รับการดูแลที่ดีและถูกเอาเปรียบ เกิดการเข็ดขยาด ไม่มาเที่ยวประเทศไทยอีกผู้ประกอบ การท่องเที่ยวของไทยนั้น ก็จะไม่ได้รับค่าทัวร์แฟร์ จนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวนะครับ อาจต้องปิดกิจการ รวมถึงสร้างความเสื่อมโทรมให้กับแหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติเนื่องจากไม่สามารถจะควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวไม่ได้ เป็นต้น
ปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” นะครับ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ด้วยการบังคับใช้ทุกกฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างตรงไป ตรงมา เพื่อความถูกต้อง อาทิ พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551, ระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ว่าด้วยมาตรฐานการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ฯ พ.ศ.2556 เป็นต้น รวมทั้ง บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านความมั่นคง ด้านกฎหมาย ด้านการต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ทุกมิตินะครับในคราวเดียวกัน โดยการทำการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมการท่องเที่ยว กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย – จีน เพื่อให้การบริหารจัดการในการแก้ไขปัญหา การประกอบธุรกิจนำเที่ยวตลาดจีน ซึ่งเป็นปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” มากที่สุด
ในปัจจุบันให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด แนวทางแก้ไข ก็ได้แก่ (1) การกำหนด “ราคากลาง” ขายทัวร์ที่เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีการกำหนดต้นทุนที่ชัดเจน ตามกลไกตลาด เป็นการ “ชั่วคราว” ระหว่างที่รอกฎหมายลูก ซึ่งจะกำหนด “ราคาขั้นต่ำ” ของทัวร์ภายในปลายปีนี้ (2) อีกเรืองหนึ่งคือการควบคุมการให้บริการนักท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพอาทิการกำหนดแบบรถทัวร์, คุณสมบัติไกด์ทัวร์, ตลอดจนรูปแบบของร้านค้าที่บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวไปซื้อของได้ (3) และจัดทำโมเดลเส้นทางท่องเที่ยวมาตรฐาน โดยระบุสิ่งที่ทำได้และสิ่งที่ห้าม (4) มีการตรวจสอบทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยเพิ่มเติมการตรวจสอบใน “เชิงลึก”โดยเฉพาะที่มีชาวต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทลูกข่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องการเสียภาษีและการฟอกเงิน เป็นต้น (5) ซึ่งเป็นมาตรการในระดับยุทธศาสตร์นะครับ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศ “ต้นทาง” โดยได้พูดคุยสร้างความเข้าใจ เพื่อแสวงหาความร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (CNTA) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีนะครับ เพราะฉะนั้นนักธุรกิจของเราก็คงจะต้องร่วมมือนะครับ ได้มีการจัดทำบันทึกลงนามความเข้าใจ (MOU) เพื่อการทำงาน “เชิงรุก” ร่วมกันในอนาคตต่อไป ผลจากการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังนะครับ ก็อาจจะมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวระยะสั้นนะครับ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้ก็เพื่อจะเป็นการรักษาภาพลักษณ์และคุณภาพของการท่องเที่ยวของไทย ที่สำคัญก็คือ ได้มีการจัดระเบียบทางสังคม เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วนะครับ ก็จะเป็นการส่งเสริมให้การท่องเที่ยวของไทยนั้นมีความยั่งยืน เน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณนะครับ
สำหรับการดูแลทุกข์สุขพี่น้องประชาชน เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อยนั้น เราก็ไม่ได้ลืมนะครับ รัฐบาลได้กำหนดให้มีการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการ 2 มาตรการหลัก ก็คือ (1) มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ “เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย” ที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อ สวัสดิการแห่งรัฐ ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานราชการแล้ว ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรโดยตรงนะครับ เป็นเงิน 3,000 บาทต่อคน สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี และเป็นเงิน 1,500 บาทต่อคน สำหรับผู้มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทถึง 100,000 บาทต่อปีนะครับ รวมปัจจุบันผู้มีสิทธิทั้งสิ้นจำนวน 2.85 ล้านคนนะครับ (2) มาตรการต่อไปคือมาตรการช่วยเหลือ “เกษตรกรรายย่อย” ผ่านระบบ ธ.ก.ส. เพื่อบรรเทาภาระ หนี้สิน ให้กลับมาทำการผลิตต่อไปได้ และสนับสนุน “เกษตรกรรุ่นใหม่” ที่เป็นทายาทให้เข้ามาทดแทนเกษตรกรรุ่นเก่าที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีหนี้สินต้นเงินกู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท ประมาณ 3ล้านราย ที่จะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ถึง 31 มีนาคม 2561 ได้แบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ “ปลดเปลื้อง” หนี้สิน ให้เกษตรกรที่มีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง เป็นต้นนะครับ โครงการ “ปรับปรุง” โครงสร้างหนี้ และโครงการ “ลดภาระ” หนี้สิน ให้เกษตรกรที่มีวินัยและประวัติการชำระหนี้ดี โดย ธ.ก.ส. จะคืนดอกเบี้ยในส่วนที่ลูกค้าส่งชำระ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ถึง 31 ตุลาคม 2560 ในอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระ ข้อมูลดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นประโยชน์แก่พี่น้องเกษตรกรรายย่อย ผมขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ช่วยกันประชาสัมพันธ์ขยายผล ให้พี่น้องเกษตรกรได้รับทราบโดยทั่วกันนะครับ จะได้ไม่เสียสิทธิที่พึงมีพึงได้ไป รวมทั้งโครงการและสวัสดิการอื่นๆ ด้วยนะครับ ขอให้พี่น้องเฝ้าติดตามข่าวสารการดำเนินงานของรัฐบาล ซึ่งก็ล้วนแต่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ไม่วันนี้ ก็วันหน้านะครับ
วันหน้าเราคงต้องเปิดการลงทะเบียนใหม่เพิ่มเติมนะครับ สำหรับตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ประจำเดือน กันยายน 2559 ที่ผ่านมานั้น เป็นตลาด “เกษตรดิจิทัล” ผมได้รับรายงานว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นับว่าได้รับความนิยม “สูงสุด” มีคนมาวันละ 8,000 ถึง 9,000 คนบางวันมากกว่า 10,000คน พ่อค้า-แม่ค้า ก็ขายดีนะครับ บางคนปลดหนี้ได้ บางคนพัฒนาต่อยอด สามารถมีเงินไปสร้างโรงงานเล็กๆ มีคนงานมากขึ้นโดยมี SME Bankให้ความรู้ในการจัดทำแผนธุรกิจ นอกจากนี้ มีหลายกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การสอนนุ่งผ้าซิ่น-ผ้าไทย ให้ดูสวย ทันสมัย โดยเฉพาะ “วันอังคาร” เห็นข้าราชการในพื้นที่ทำเนียบฯ เดินจ่ายตลาด ช่วงพักเที่ยง ช่วงหลังเลิกงาน แล้วดูงดงาม น่ามองนะครับ เป็นไทยแท้นะครับ บางคนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติขอถ่ายรูปด้วย เพราะเขาเห็นว่าสวยแปลกตา แต่เราเห็นกันมานานนะครับ อาจจะรู้สึก ชินๆ เฉยๆ
สำหรับเดือน ตุลาคม นี้ กระทรวงคมนาคมกำหนดจัดงานตลาด “คลองผดุงสุขใจ คมนาคม เชื่อมไทย เชื่อมโลก” ระหว่างวันที่ 5 ถึง 25 ตุลาคม “ทุกวัน” ไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 10:00 น. ถึง 19:00 น. นอกจากจะมีสินค้าชุมชนเช่นเดิมแล้ว ยังมีบูธบริการของกรมขนส่งทางบก ให้บริการเกี่ยวกับใบอนุญาตต่างๆ และชำระภาษี การจำหน่ายบัตรโดยสาร ราคาพิเศษ ทั้งเครื่องบิน รถไฟ รถไฟฟ้า ทางด่วน เรือท่องเที่ยว รวมทั้ง นิทรรศการด้านความปลอดภัยในการเดินทาง และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทุกระบบ เป็นต้น ผมขอขอเชิญชวนประชาชนและผู้ที่สนใจ ได้มาร่วมงานดังกล่าวด้วยครับ รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก Face Book ตามหน้าจอด้านล่างครับ (https://www.facebook.com/khlongphadungkrungkasem/ )
เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการประจำปี 2559 ผมขอให้ผู้ที่เกษียณอายุราชการ ทุกท่าน ซึ่งล้วนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทำงานต่างพระเนตร พระกรรณ รับใช้ประเทศชาติ ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ด้วยอุดมการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความมุ่งมุ่นและตั้งใจ มาโดยตลอด ผมขอให้ทุกท่านได้ภูมิใจในอาชีพรับราชการไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งใดก็ตาม แม้ “วันพรุ่งนี้” ท่านจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ผมเชื่อว่าความรู้ และประสบการณ์ของท่าน ยังจะเป็นคุณูปการต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวนะครับ หมั่นดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สุดท้ายนี้ สัปดาห์หน้า ช่วงวันที่ 1 ถึง 9 ตุลาคม เป็นช่วง “เทศกาลเจ” ซึ่งคงไม่ใช่เพียงการไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วหันมากินพืช ผัก ผลไม้ เพื่อให้กระเพาะได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ ซึ่งย่อยยากนะครับ มารับวิตามินเข้าไปเสริมสร้าง ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ ช่วยการระบายเป็นต้น หากแต่คนที่กินเจ ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงามนะครับ มีความบริสุทธิ์สะอาด งดงามทั้งกาย วาจา ใจ เป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วยพร้อมกัน ผมถือว่า “การถือศีลกินเจ” นั้นเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง อิ่มเอิบทั้งร่างกายและจิตใจ ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาช่วยกันนะครับ ทำเพื่อตัวเอง ชำระร่างกายและจิตใจของเรา แล้วก็มีผลไปถึงคนอื่นด้วย ด้วยการกินเจ ช่วง 9 วัน 9 คืน นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการกินผักและสนับสนุนสินค้าเกษตรกรของเราอีกด้วย ทั้งนี้ ผมขอความร่วมมือพ่อค้าแม่ขาย ช่วยรักษาระดับสินค้า ราคาอย่าให้สูงมากนัก ให้เป็นตามกลไกตลาดปกติ อย่าฉวยโอกาสนะครับ อย่าได้ขึ้นราคาในช่วงดังกล่าวเลยเดือดร้อนไปทั้งหมดนะครับ เราก็จะได้ร่วมบุญกุศลไปพร้อมๆ กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์นะครับ สวัสดีครับ
ที่มา ; เว็บ รัฐบาลไทย

 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา 

-คลากรการศึกษา  ที่ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม