เรื่องใหม่น่าสนใจ
- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558
-ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (P.A.)
ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ล่าสุด
ข้อสอบออนไลน์ 101 พรบ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ เงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 by ProProfs »Make your Own Quiz
ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ล่าสุด
ข้อสอบออนไลน์ 101 พรบ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ เงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 by ProProfs »Make your Own Quiz
เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)
‘นายกฯ’ไม่ขัดปชช.หนุนอยู่ต่อ2ปี
‘นายกฯ’ ลั่นไม่ได้อยากอยู่ต่อ 2 ปี แต่ทำได้ก็ทำถ้าเสียงปชช.หนุน โยนถาม กกต.ทำประชามติได้หรือไม่ เปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ ย้ำลุยปราบ ขอทุกปท.ร่วมแก้ไข
5 มิ.ย. เวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม 4 ฝ่าย ที่มีข้อเสนอจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลายคน ให้นายกฯอยู่ต่อ 2 ปีเพื่อปฏิรูปให้เสร็จว่า สนช.เป็นประชาชนหรือเปล่า ประชาชนในประเทศไทยมีกี่คน มี 60-70 ล้านคนแล้ว ส่วนข้อเสนอให้ทำประชามติ เพื่อให้รัฐบาลอยู่ปฏิรูปต่อนั้น มันทำได้หรือเปล่า ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ไม่ใช่บอกว่าตนไปตอบรับ อันนั้นไม่ใช่ ซึ่งต้องเข้าใจว่า การจะเป็นผู้บังคับบัญชาคน หรือผู้นำอะไรต่างๆ ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ในเมื่อเขาพูดมา ผมจะไปตัดรอนเลยก็ไม่ใช่ ใช่ไหมเล่า ในเมื่อเขาพูดมา ผมก็ต้องขอบคุณ ถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องทำ ผมพูดอย่างนี้ ความหมายไม่ใช่ผมไปตอบรับ หรือยินดี หรือผมอะไรต่างๆ ถ้าไม่ต้องทำต่อ จบแค่นี้ ผมก็สบายขึ้น ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า เขาไปทำกันมา ผมก็มีแค่นั้น ถ้าจะให้ผมทำ จะอยู่ได้อย่างไร ทำอย่างไรให้ต่างชาติยอมรับ นั่นล่ะปัญหาของผม แต่ถ้าจะมาบอกว่าผมอยากอยู่ มันไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองว่าวันนี้ ทั้งสปช.และกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ควรจะไม่ให้รัฐธรรมนูญที่ร่างมาเสียของ เพราะเข้ามาใช้บประมาณแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปโทษ จะมองอย่างนี้ไม่ได้ ประเทศไทยประกอบด้วยคนหลายส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม โดยภาครัฐมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน ทหาร ในส่วนฝ่ายการเมือง ที่ผ่านมาก็มีส.ส.และส.ว. และวันนี้ก็มีสนช.กับสปช. ก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กันฉะนั้นจะทำสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ แต่อยู่ที่คนกำกับดูแล จะให้งานเหล่านี้ต่อเนื่องได้อย่างไร ฉะนั้นตนถึงบอกอำนาจประชาชนอยู่ที่การเลือกตั้ง ถ้าท่านเลือกรัฐบาลได้ดี รัฐบาลก็จะทำต่อในสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้ได้ นั่นเป็นความคาดหวังที่ตนได้คาดหวังไว้ และอยากให้ คนไทยคาดหวังอย่างนั้น ให้ได้เหมือนกัน แต่เรื่องอะไรจะเกิดขึ้น สถานการณ์จะเป็นตัวบังคับ ถ้าเลือกตั้งได้คนดีมา ประเทศก็เดินหน้า แต่ถ้าได้คนไม่ดีมาก็จะถอยหลัง หรือไม่ก็หยุดอยู่กับที่ สิ่งที่เราทำมาก็เสียหาย แล้วตนจะไปทำอะไรได้ ในเมื่อตนก็ไม่ได้อยู่
เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์ในวันนี้นายกฯควรอยู่ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่คิดว่าจะทำหน้าที่ในช่วงเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด และจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้เร็วที่สุด แต่คงแก้ไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งการคาดหวังของประชาชนคาดหวังในตัวผมมาก ทุกอย่างต้องแก้ให้เสร็จ บางอย่างเห็นหรือไม่ว่าอีรุงตุงนังไปหมด ต้องรื้อทั้งระบบ ต้องใช้เวลา แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะผูกขาดแต่ผมก็เป็นคนทำและเริ่มแล้ว ทั้งเขียนแผน ทำกฎหมายไว้ให้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมาทำต่อ ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนและประเทศไทย”
เมื่อถามว่า นายกฯพูดเสมอว่าทหารคิดอะไรต้องคิดให้จบ การส่งแค่รัฐธรรมนูญไปให้รัฐบาลใหม่นั้นถือว่าจบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดให้จบ แล้วทำให้จบ ตอนนี้ตนเป็นทหารหรือเปล่า วันนี้ไม่ได้เป็นทหารเต็มรูปแบบ แบบเก่า ทหารเต็มรูปแบบเขามีไว้ไปรบ มีไว้ไปทำงานและกฎของทหารมีการใช้งบประมาณ มีเบี้ยเลี้ยงชัดเจน แต่วันนี้เป็นรัฐบาลมันคนละแบบ ฉะนั้นวันนี้ถือว่าคิดจบแล้ว แต่ยังทำไม่จบ เพราะกรอบอำนาจตามรัฐธรรมนูญมีแค่นี้ มันคนละเรื่อง อย่าเอามาปนกัน
เมื่อถามว่า ถ้าประชามติส่วนใหญ่ ให้นายกฯอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ประชามติทำได้อย่างไร ตอบก่อน ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวใช่ไหม ถ้าแก้ให้มีการทำประชามติ ก็ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ทำได้หรือไม่แบบนี้ จะทำได้หรือเปล่าตนไม่รู้ แต่อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้องตรงนี้
เมื่อถามว่า ถ้าทำประชามติได้และประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรจะอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญ เขียนไว้หรือเปล่า การทำประชามติให้อยู่ต่อมีหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการเสนอให้อยู่ต่อ 2 ปี ไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาถ้ากับตน แต่ถ้าเป็นเสียงประชาชน ตนจะขัดข้องได้อย่างไร ก็คนไทยหรือเปล่า ตนเข้ามา ตนทำเพื่อคนไทยหรือไม่ ตนทำเพื่อคนอื่นเหรอ ถ้าเขาอยากให้ตนทำก็ต้องไปสร้างความเข้าใจให้ได้ ทั้งคนในประเทศ นักการเมืองอะไรต่างๆว่า ตนไม่ต้องการอำนาจ อยู่ที่ว่าทุกคนจะให้ประเทศไทยมีอนาคตอย่างไร ทุกคนมีส่วนร่วมกันตรงไหน อาจจะไม่ใช่ตนก็ได้ การทำประชามติจะเอาใครมาก็ได้ไม่ใช่ตน
เมื่อถามว่า ตราบใดที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายกฯก็สามารถอยู่ไปได้เรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ ว่า เรื่อยๆ อย่างไร รัฐธรรมนูญเขาเขียนว่าอย่างไร ไม่ใช่เรื่อยๆ พูดให้รู้เรื่อง อย่าใช้คำว่าเรื่อยๆ ชาติหน้าหรือไง พูดให้มันถูก รัฐธรรมนูญเขียนว่าอย่างไร ถ้ามันไม่ได้ก็ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มีเวลา 60 วัน 90 วัน 120 วัน อ่านซะบ้าง
เมื่อถามว่า อาจมีบางส่วนที่อยากให้อยู่ต่อ แต่บางส่วนไม่เห็นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวโดยมีอารมณ์ต่อเนื่องว่า อ้าว ก็รู้อยู่แล้ว ก็มันอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วจะมาถามทำไม
เมื่อถามว่า ตรงนี้ห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดกระแสต้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถามให้มีปัญหาหมดทุกเรื่อง เขียนให้มีปัญหาหมด
เมื่อถามว่า ข้อเสนออยู่ต่อ 2 ปีทำให้นายกฯเครียดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เครียด แต่เครียดเรื่องงาน งานมันเยอะ ปัญหาอีรุงตุงนังเยอะแยะไปหมด กำลังแก้ ก็เอาการเมืองมาเดินอยู่ได้ ก็ปล่อยมันไปตามครรลองของมันสิ ครรลองของมันคืออะไร รัฐธรรมนูญ ยังกำลังแก้กันอยู่ ถามอยู่นั่นล่ะ แล้วจะตอบได้หรือไม่ ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน สปช.จะแก้หรือไม่แก้ ถ้าไม่ผ่านก็ร่างใหม่ มีระยะเวลากำหนดไว้ และถ้าไม่ผ่านอีกก็ร่างใหม่ ก็มีแค่นั้นจะมีอะไร มันจะมีอนาคตอะไรสำหรับตน ไม่มีหรอก ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านจะทำประชามติ ก่อนเลือกตั้งว่าจะรับหรือไม่อีก ถ้าไม่รับก็กลับมาเริ่มต้นใหม่อีก ก็วนอยู่แค่นี้ ไม่เห็นจะมีอย่างอื่น สงสัยอยู่นั่น
“ตีกันไปตีกันมา ก้าวข้ามให้พ้น เรื่องที่มีปัญหาเสียบ้าง สื่อต้องช่วยผม ไอ้สิ่งที่ดีๆกำลังเกิดไม่สนใจ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไม่สนใจเลย สนใจแต่การเมือง และคนที่รบกันอยู่เดิม ประชาชนแตกเป็นฝั่งเป็นฝ่ายก็จะให้เป็นอย่างนี้กันอยู่ต่อไป มันใช่ไหมเล่า นั่นล่ะ ผมหงุดหงิดตรงนี้ ก้าวข้ามให้พ้นซะบ้าง เลิกพูดถึงเขาซะบ้างได้ไหม ให้กระบวนการยุติธรรมเขาทำได้ไหม พอเขาทำก็เร่งเขา พอเขาไม่ทำก็ว่าเขาไม่ทำ ทั้งๆที่เขาอาจจะทำอยู่ก่อนก็ได้ ทำไมจะต้องเป็นอย่างนั้น แล้วความน่าเชื่อถือมันหมดไปหรือไม่ เขาจะเชื่อศาลไหม กฎหมายเขียน เขาจะทำตามกฎหมายไหม กระแสเป็นอยู่อย่างนี้ ไปทางนู้นทาง ทางนี้ทาง พอทางนั้นพูดกลับมาเร่งทางนี้ พอทางนี้พูดกลับไปเร่งทางนู้น แล้วจะเริ่มปรองดองกันได้อย่างไร ในเมื่อสังคมไม่ปรองดองอย่างนี้ คนทำความผิดไม่ผิด มันใช่ไหมล่ะ ต้องแยกแยะ อย่ามุ่งหวังแต่การขายข่าวอย่างเดียว ต้องขอร้อง วันนี้สื่อติดกับดักไม่เลิกเสียที เขียนอยู่นั่น เรื่องความขัดแย้ง และคนเดิมกลุ่มเดิมที่ถูกดำเนินคดีอยู่ก็อย่าไปรื้อกันออกมา ให้เขาทำไป อย่าไปมาโยงกัน ชอบเอานิยายคนละเรื่องมาต่อกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่นายกฯพูดว่าเขาคนนั้นคือใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้สิ คิดเอาเองว่าเขาคือใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนี้พล.อ.ประยุทธ์ พยายามทำให้อารมณ์เย็นขึ้น โดยถามสื่อมวลชนว่ายิ้มทำไม หัวเราะทำไม นายกฯเสียงดังแล้วชอบ เดี๋ยวก็ว่านายกฯปัด พอพูดอะไรก็บอกนายกฯฟุ้ง โว มันอะไร ทำแทบตาย ไม่ใช่คุยแต่บอกให้ฟัง แต่การทำอะไรทุกคนต้องร่วมมือ ตนสั่งอย่างเดียวไม่ได้ ตนสั่งแล้วเนรมิตทุกอย่างได้หรือไม่ ทุกคนรวมทั้งสื่อ ต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจ ทำให้คนสงบ ทำให้คามดาวน์ลง ถ้าสังคมยังเป็นอยู่อย่างนี้ มันก็ไปอะไรไม่ได้ จะปรองดองโดยผิดกติกาสังคม ทำไมไม่ให้กลับไปอยู่ในกระบวนการที่สังคมหรือกระบวนการยุติธรรมดำเนินการ นี่พูดแทบตายยังนั่งหาวกันอีก วันนี้ไม่ใช่อะไรหรอกมันร้อน
เมื่อถามว่า ทำไมเวลาถามเรื่องรัฐธรรมนูญ และการต่ออำนาจต้องอารมณ์เสีย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อย่าไปให้ความสนใจกันมากนักในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า เรื่องรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งสังคมให้ความสนใจเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ต้องบอกสังคมให้คอย ให้ใจเย็นๆ เรื่องรัฐธรรมนูญต้องให้ผ่านการลงมติของ สปช.ก่อน ถ้าไม่ผ่านก็ต้องอธิบายว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวเขียนไว้อย่างไร ต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานใหม่ขึ้นมา ต้องใช้เวลาอีก จบแค่นี้
‘นายกฯ’ เปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ ย้ำลุยปราบ ขอทุกประเทศร่วมแก้ไข
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มิ.ย.58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ วันที่ 5 มิ.ย.2558 พร้อมบริจาคเงินให้ “โครงการรวมใจไทย ต้านค้ามนุษย์ ” ผ่านเคาเตอร์เซอร์วิส จำนวน 5 หมื่นบาท โดยมีสลิปยืนยันการโอนเงินบริจาคอย่างเป็นทางการ และมอบรางวัลผู้ปฏิบัติงานดีเด่น และสื่อมวลชนที่ได้รับรางวัลในการประกวดผลงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการค้ามนุษย์มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบในทุกด้าน ทั้งสิทธิเสรีภาพความเป็นมนุษย์ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ส่งผลลดความเชื่อมั่นการค้า การลงทุน และกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้ ทุกหน่วยราชการต้องดำเนินให้ชัดเจน มีผลสัมฤทธิ์มากขึ้น เวลานี้กฎหมายมีอยู่แล้วแต่ไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง ทั้งนี้เรื่องใดก็ตามที่มีการจัดสรรผลประโยชน์ ด้วยคนกลางถือว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์ทั้งสิ้น ต้องกำจัดไม่ให้มีที่ยืนในแผ่นดิน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานใดก็ตาม รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาและพร้อมให้ความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ต้นตอของปัญหาการค้ามนุษย์คือความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งวันหน้าที่โลกไร้พรหมแดนจะมีปัญหามากขึ้น เราต้องแก้ปัญหาให้ประเทศมหาอำนาจยอมรับว่า โดยเราต้องแก้ปัญหาสองส่วน คือ แรงงานต่างด้าว และพัฒนาแรงงานในประเทศ และสิ่งสำคัญคือต้องดูแลเหยื่อที่เกิดจากการค้ามนุษย์ สร้างอาชีพให้กลับสู่สังคม การทำงานวันนี้เราบูรณาการทุกหน่วยงานเพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ พบว่าปัญหาเกิดมานานจากคนกลุ่มและเจ้าหน้าที่กลุ่มเดิม ซึ่งคนเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ และตนเองก็ไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะเข้ามาเป็นรัฐบาลในเวลานี้ รวมถึงการกวาดล้างธุรกิจสีเทาต้องกำจัดให้หมด วันนี้ต้องปรับปรุงข้อกฎหมาย ข้อบังคับ กฎกระทรวงต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราไม่อยากบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความเข้าใจและชี้แจง เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐขัดแย้งกับประชาชน เราต้องทำอย่างไรให้กฎหมายน้อยลง แต่พัฒนาคนมากขึ้น นอกจากนี้สังคมต้องร่วมกันเชื่อมโยงกันทั้งหมด ในการขจัดสิ่งที่ไม่ถูกต้องในโลกใบนี้ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมในยุคนี้ โดยตนได้ย้ำมาหลายครั้งไม่ว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่รัฐหรือพลเรือน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่บกพร่องต้องถูกลงโทษ ทั้งวินัยราชการและอาญา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสองถึงสามเดือนที่ผ่านมามีการสอบสวน หาเครือข่าย เพราะมีผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก
“ถ้าประชาชาทุกคนและทุกประเทศ แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการขจัดการค้ามนุษย์และสิ่งผิดกฎหมาย เท่ากับว่าเราช่วยกันแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ผมพร้อมรับปัญหามาแก้ไขในภาพรวม ไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ปัญหาเหล่านี้เราต้องช่วยต้นทางด้วย ไม่ใช่โยนปัญหา ต้องเข้าใจว่าเราทำหน้าที่ในส่วนหนึ่งของประชาคมโลกอยู่แล้วในยุคนี้อยากให้ทุกคนเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ การได้เงินโดยไม่สุจริตถือเป็นบาปกรรม ขอให้เข้มงวดกันมากขึ้น ทั้งเรื่องค้ามนุษย์ ขอทาน ธุรกิจสีเทา ต้องจัดระเบียบอย่าให้กระทบประชาชน วันนี้หลายคนบ่นว่า อยากให้เงินขอทานแต่ขอทานหายไปไหนหมด หาว่ารัฐบาลใจดำ แล้วกลับมาเล่นงานผมอีก อยากให้เข้าใจว่าเอาไปฝึกอาชีพ เพราะต้องฝึกให้เขาสร้างรายได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะรัฐบาล ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และทุกหน่วยงาน ดำเนินการในเรื่องนี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องทำต่อ อย่างไรก็ตามตนหวังว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์จะดีขึ้นในปีนี้ เราต้องหยุดเลือดให้ได้ หากปล่อยให้เลือดไหลทีละเส้นประเทศก็จะตาย วันหน้าต้องมาหาคนมารักษาอีก
“การปฏิรูปทั้งทหารและตำรวจ จะต้องทำ แต่ตอนนี้ต้องเน้นเรื่องการปฏิรูปในส่วนประสิทธิภาพก่อน เราจะใช้มาตรา44 แก้ปัญทุกเรื่องไม่ได้ ประชาชนถือเป็นคนที่มีอำนาจใหญ่สุด มีอำนาจทุกอำนาจในรัฐธรรมนูญ ทั้งบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ แต่ประชาชนไม่ใช่อำนาจที่4 ประชาชนสามารถใช้อำนาจได้โดยผ่านการเลือกตั้ง หากเลือก ส.ส.มาถูกก็ได้รัฐบาลดี ก้าวพ้นกับดักประชาธิปไตย แต่ถ้าเลือกผิดก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเราจะใช้นโยบายประชานิยมมากไม่ได้ แต่ต้องใช้แนวทางกระจายอำนาจ วันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ขัดแย้งกับประชาธิปไตยมากเกินไป ทำทุกอย่างตามธรรมาภิบาล และอยากให้ทุกรัฐบาลทำแบบนี้ แบบที่ผมทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘นายกฯ’ สั่ง 7 รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รายงานแผนฟื้นฟูรายเดือน
เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการสัมนา เรื่อง “บทบาทและหน้าที่กรรมการรัฐวิสาหกิจ”
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เราต้องวางรากฐานประเทศให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราต้องทำเพื่ออนาคต แม้ว่าตนขึ้นมาแล้วมาทำการเปลี่นแปลงอาจเกิดความพึงพอใจบ้าง ไม่พึงพอใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร คนจะเกลียดแต่ก็ไม่หวั่นไหว เพราะตั้งใจทำงานตามหน้าที่ เพื่อแผ่นดินเกิด ตลอดระยะเวลา สามสิบกว่าปีไม่เคยละเมิดใครทั้งสิ้น
สำหรับรัฐวิสาหกิจ 36 แห่ง การบริหารกิจการภาครัฐนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นเครื่องจักรที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติ เศรษฐกิจ และต้องได้รับเอาใจใส่ดูแลปรับปรุง ให้เป็นเศรษฐกิจใหม่ ที่พร้อมการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ให้ความร่ำรวย ไปตกอยู่กับกลุ่มคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องกลับมาดูแลคนมีรายได้น้อย ที่มีอยู่ 40% ของประเทศ
นายกฯ กล่าวอีกว่า บทบาทรัฐวิสาหกิจ ต้องมีความชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายการบริหารประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกำหนดเป็นกรอบระยะเวลาทุก 5 ปี ที่สำคัญอย่าให้ใครเข้าไปก้าวก่ายได้ และพยายามบริหารงานรัฐวิสาหกิจให้เข้มแข็ง โปร่งใส อย่าให้เป็นภาระของรัฐบาลมากเกินไป โดยมุ่งหวังให้รัฐวิสาหกิจจัดส่งรายได้เข้ารัฐ 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจต้องช่วยกันทำให้ผลประกอบการดีขึ้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่ควรได้รับรางวัล อย่างเช่นที่มีการร้องขอขึ้นเงินเดือน จากสหภาพรัฐวิสาหกิจ
นายกฯ กล่าวอีกว่า การลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะต้องตอบสังคมให้ได้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุน และประชาชนต้องได้รับทราบแผนการลงทุนรัฐวิสาหกิจ ต้องรู้อนาคต ส่วนการสรรหาผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ จะต้องคัดเลือกให้เหมาะสม และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน สำหรับองค์กรที่ยังสรรหาไม่แล้วเสร็จ และขอเน้นย้ำว่ารัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งต้องร่วมเป็นหนึ่งเดียว ในการสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ องค์กร และดูแลประชาชนด้วยให้เกิดความพึงพอใจ
“สำหรับ รัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่มีปัญหา เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย การบินไทย การขนส่งมวลชน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะต้องมีการรายงานแผนการฟื้นฟูเป็นรายเดือน และการดำเนินการจะต้องให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หากพบไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ หรือมีการทุจริต จะต้องถูกตรวจสอบ ถูกลงโทษ เข้าคุกและดำเนินคดี ขอให้ภาคเอกชน อย่าเพียงแต่บอกว่าขาดทุนเพราะแท้จริงล้วนมีทั้งขาดทุน และ กำไร ซึ่งภาคเอกชน ช่วยเหลือลดกำไรลงบ้าง เพื่อช่วยชาติ ที่สำคัญ อยากให้ช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกร ด้วย” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประเทศวุ่นวาย ไม่ได้เป็นความผิดของใครคนใดคนหนึ่งหรือคนเดิม แต่ทุกคนในชาติต้องร่วมกันรับผิดชอบ เราต้องแก้ปัญหาข้อบกพร่องในอดีตเพื่อลูกหลาน เพราะแผ่นดินผืนนี้เป็นแผ่นดินของคนไทยทั้งสิ้น คนไทยวันนี้ต้องปรับปรุงจิตสำนึกเพื่อให้มีอุดมการณ์ชาติร่วมกัน ไม่เจริญแต่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ที่ตนเข้ามาวันนี้ ทำทุกอย่าง เพื่อต้องการสร้างความเข้าใจ ไม่ได้ข่มขู่ ตนใช้ประสบการณ์ จิตสำนึก ความตั้งใจเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
“วันนี้คนไทยถูกปลุกระดมให้ไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ทั้งกฎหมาย ระบอบประชาธิปไตย องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม ตำรวจ ทหาร ทุกอย่างถูกทำลายไปในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ถูกทำลายด้วยคนไม่ดี ด้วยความขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาถึงทุกวันนี้ และผมที่อยู่ร่วมกันมากับทุกรัฐบาล ขอยืนยันในเจตนารมณ์ความมั่นคงว่าต้องการให้มีความสงบเรียบร้อย แต่ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายใด ทำให้ประเทศเดินหน้าได้ นอกจากกฎอับการศึกเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลให้ผมมายืนตรงนี้ ถ้าต้องการให้เป็นประชาธิปไตย ต้องอย่าให้เกิดขึ้นอีก ต้องไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ อยู่ที่ระบบ ผู้บังคับบัญชา วันนี้ผมไม่พยายามโทษเรื่องเก่า ๆ เว้นแต่เรื่องกฎหมายที่ต้องไปว่ากันมา หน้าที่ของผมคือนำทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วไปต่อสู้กัน แต่จะไม่ยอมให้ใครคนหนึ่งอยู่นอกกระบวนการยุติธรรม” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่เคยสอนใครให้ต่อต้านอำนาจบริหาร วันนี้คนไทยสนใจแต่อำนาจ จะสืบทอดอำนาจกันอีกหรือไม่ ตนมีอำนาจในเชิงบริหาร แต่ไม่ได้มีอำนาจในเชิงผลประโยชน์ เราต้องดูโลกภายนอกด้วย เราต้องลดความขัดแย้งให้ได้ โดยใช้กฎหมายให้น้อยที่สุด เพราะถ้าใช้มากจะเหมือนคนดื้อยา ถ้าจะรบกันอีกไม่มียาแก้ให้อีกแล้ว ตนไม่ได้พูดว่าจะอยู่ต่อ หรือจะรอทำอะไรให้สำเร็จมันไม่ใช่ ทุกอย่างต้องการทำตามโร้ดแม็ป เป็นเรื่องของทุกคนให้ประเทศต้องเดินหน้า
อย่างไรก็ตาม กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวชี้ชะตาประเทศจะก้าวหน้าหรืออ่อนด้อยลง แต่อยู่ที่คนทั้งสิ้น ทุกคนจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครหรือรัฐบาลมายืนตรงนี้หากเดินตามยุทธศาตร์ที่มีเจตนาที่บริสุทธิ์ประเทศจะเจริญแน่นอน ขอให้ทุกคนให้อภัยซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องใหญ่ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินและกลับมาสู่สังคมอย่างปกติสุข เพราะสังคมไทยให้โอกาสคนอยู่แล้ว สุดท้ายฝากบอกประชาชนและสังคมว่าอันตรายเข้ามาใกล้เราแล้ว ทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ความยากจน ภัยสงคราม และสภาพอากาศ ถ้าทุกคนเอาแต่ได้ เทวดาก็ทำให้ไม่ได้ ต้องยอมขาดทุนเพื่อชาติบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาที่นายกฯกล่าวในงานสัมมนาเสร็จสิ้น นายกฯ ได้เดินลงมาทักทายผู้ร่วมงาน และพูดแซว พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ครั้งหน้าถ้าเลขทะเบียนรถออกอีก บอกผมด้วย จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน
‘นายกฯ’ เชื่อได้รับการปรับขึ้นอันดับการค้ามนุษย์
5 มิ.ย. เวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการที่ไทยดำเนืนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์แล้วคิดว่าทางสหรัฐอเมริกาและไอยูยูจะจัดอันดับใหม่ให้ดีขึ้นหรือไม่ ว่า ก็เป็นเรื่องของเขา เราอย่าไปกังวลมากนัก และต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ที่ผ่านมาทุกๆ เรื่องและในฐานะที่ตนเป็นผู้รับผิดชอบในวันนี้ก็คงไปโทษใครไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำเพราะฉะนั้นการที่เราจะไปคาดหวังให้คนอื่นเข้าใจเราในระยะเวลาอันสั้น อย่าไปคาดหวังเลยขอให้พวกเรามั่นใจว่าพวกเราร่วมมือกันทำให้สำเร็จก่อน เพราะผลที่จะเกิดขึ้นก็ตกอยู่กับบ้านเมืองเรา ส่วนการที่องค์กรอื่นจะลดหรือไม่ลดก็เป็นเรื่องที่เขาจะพิจารณาซึ่งมีกรรมการจำนวนมาก แต่ถ้าเราทำในทุกระบบแล้วก็น่าจะได้รับการปรับอันดับขึ้น แต่เราก็ไม่สามารถไปบังคับเขาได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ และเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก มีตั้งแต่ 6 เดือนปลด 1 ปีปลด ก็แล้วแต่เขา แต่เราทำให้ประเทศของเราปลอดภัยก่อนดีกว่า ถือเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อถามว่า ในส่วนไอยูยู มีส่วนคาดหวังหรือมีท่าทีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ก็เร่งในทุกๆ อัน อย่างเรื่องไอยูยูบางอย่างก็ต้องออกกฎหมายเพิ่มเติม ต้องดูแลในทุกมิติให้มากขึ้น เราต้องเอากฎหมายของต่างประเทศมาดูควบคู่ด้วยเพราะไม่เคยทำกันมาก่อน เราให้ความสำคัญกับไอยูยู การประมง การค้าขาย มันเชื่อมโยงทั้งหมดกับการค้าในอนาคต ประเด็นสำคัญในเรื่องไอยูยูก็คงต้องรักษากติกาและกฎหมายที่ผ่านมามีการละเว้นกันอยู่ อย่างในเรือประมงเพราะคนของเราเป็นคนจน รายได้น้อยเลือกอาชีพไม่ได้ ใครเคยทำประมงก็ทำกันต่อๆ มา พอจำนวนเรือมีมากก็ขาดการควบคุมและกำหนดมาตรฐานให้ดีและถูกต้องก็เลยโดนในเรื่องเหล่านี้ด้วย คือเรือไม่ได้มาตรฐาน เรือส่วนใหญ่ที่ขึ้นทะเบียนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะรัฐกีดกันหรือรังแกคนจน แต่เมื่อเอากฎหมายมาดูแล้วก็ยังมีปัญหา เช่น ขนาดของเรือ เครื่องมือในการจับปลา ถ้าอ้างว่ายากจนแล้วทำผิดกฎหมายได้ทั้งหมด ก็คงแก้อะไรไม่ได้ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเทียร์หรือไอยูยู ทุกคนต้องเข้าใจว่ากฎหมายคือกฎหมาย และถ้าไม่ร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ก็จะพังกันทั้งหมดรััฐบาลชุดนี้ตั้งใจเข้ามาดูแลคนยากจน เพียงแต่เราต้ัองแก้ปัญหาสิ่งที่ไม่ถูกต้องในแผ่นดินนี้ก่อน และหามาตรการดูแลคนเหล่านี้ด้วย
“ก็เห็นใจชาวประมง ลูกจ้าง แต่เมื่อมีเรื่องของอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ไม่ถูกต้อง ลูกเรือบางครั้งก็เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ด้วย วันนี้จึงต้องทำการรื้อทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการรื้ออะไรก็จะเกิดความเดือดร้อนขึ้นบ้าง ก็ต้องขอร้องกันว่าเราจะปล่อยให้บ้านเมืองเราเดินต่อไปอย่างนี้หรือ วันนี้เราต้องสร้างฐานรากของมันให้ได้ รัฐบาลและผมให้ความสนใจกับคนยากจนอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
‘นายกฯ’ ให้เวลาร้านเหล้าทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร้านเหล้าที่เปิดอยู่ใกล้สถานศึกษาว่า ว่าตำรวจเขากำลังดูกันอยู่ สิ่งบางอย่างมันปล่อยปละละเลยกันมานาน พอบังคับใช้กฎหมายมันเดือดร้อน ผู้ประกอบการเดือดร้อน เขาลงทุนกันมามหาศาล ความผิดก็ไปเล่นงานเจ้าหน้าที่ทั้งหมด รัฐบาลที่ปล่อยปละละเลย เอาหรือไม่ ก็ต้องไปทำความเข้าใจก่อน และไปบังคับใช้กฎหมาย ขอร้องให้เวลาเขาเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านในการแก้ไขทั้งสิ้น อย่ามุ่งหวังใช้อำนาจอย่างเดียว ใช้อำนาจวันหน้ามันก็เกิดอีกเมื่ออำนาจมันไม่มี เข้าใจหรือยัง ตอนนี้เขาประกาศไปแล้ว ตนได้พูดไปแล้ว ร้านเหล้าเขาซื้อเหล้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายใช่หรือไม่ ถ้าใช่แต่เหมาะสมหรือไม่ที่ไปอยู่ข้างโรงเรียน ตรงนี้ก็ไปดูว่ากฎหมายให้ห่างระยะเท่าไหร่ ไปไล่ดูถ้ามันอยู่ในกรอบในระยะที่เขาไม่ให้ขายมันก็ต้องเลิก เขาให้เวลาเปลี่ยนก็เลิกซะนะ ภายในอาทิตย์หน้า ภายในสิ้นเดือนนี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ภายในเดือนหน้าจะจับจะไปปิดร้านนะก็ต้องค่อยๆให้เบาไปหาหนัก ถ้าเอาหนักทีเดียวแล้วแก้ไม่ได้จะทำยังไง จะใช้อะไรอีก กฎหมายบังคับแล้วมันเพียงพอหรือไม่ ถ้าวันหน้าบังคับไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร
5 มิ.ย. เวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม 4 ฝ่าย ที่มีข้อเสนอจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลายคน ให้นายกฯอยู่ต่อ 2 ปีเพื่อปฏิรูปให้เสร็จว่า สนช.เป็นประชาชนหรือเปล่า ประชาชนในประเทศไทยมีกี่คน มี 60-70 ล้านคนแล้ว ส่วนข้อเสนอให้ทำประชามติ เพื่อให้รัฐบาลอยู่ปฏิรูปต่อนั้น มันทำได้หรือเปล่า ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ไม่ใช่บอกว่าตนไปตอบรับ อันนั้นไม่ใช่ ซึ่งต้องเข้าใจว่า การจะเป็นผู้บังคับบัญชาคน หรือผู้นำอะไรต่างๆ ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ในเมื่อเขาพูดมา ผมจะไปตัดรอนเลยก็ไม่ใช่ ใช่ไหมเล่า ในเมื่อเขาพูดมา ผมก็ต้องขอบคุณ ถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องทำ ผมพูดอย่างนี้ ความหมายไม่ใช่ผมไปตอบรับ หรือยินดี หรือผมอะไรต่างๆ ถ้าไม่ต้องทำต่อ จบแค่นี้ ผมก็สบายขึ้น ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า เขาไปทำกันมา ผมก็มีแค่นั้น ถ้าจะให้ผมทำ จะอยู่ได้อย่างไร ทำอย่างไรให้ต่างชาติยอมรับ นั่นล่ะปัญหาของผม แต่ถ้าจะมาบอกว่าผมอยากอยู่ มันไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองว่าวันนี้ ทั้งสปช.และกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ควรจะไม่ให้รัฐธรรมนูญที่ร่างมาเสียของ เพราะเข้ามาใช้บประมาณแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปโทษ จะมองอย่างนี้ไม่ได้ ประเทศไทยประกอบด้วยคนหลายส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม โดยภาครัฐมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน ทหาร ในส่วนฝ่ายการเมือง ที่ผ่านมาก็มีส.ส.และส.ว. และวันนี้ก็มีสนช.กับสปช. ก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กันฉะนั้นจะทำสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ แต่อยู่ที่คนกำกับดูแล จะให้งานเหล่านี้ต่อเนื่องได้อย่างไร ฉะนั้นตนถึงบอกอำนาจประชาชนอยู่ที่การเลือกตั้ง ถ้าท่านเลือกรัฐบาลได้ดี รัฐบาลก็จะทำต่อในสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้ได้ นั่นเป็นความคาดหวังที่ตนได้คาดหวังไว้ และอยากให้ คนไทยคาดหวังอย่างนั้น ให้ได้เหมือนกัน แต่เรื่องอะไรจะเกิดขึ้น สถานการณ์จะเป็นตัวบังคับ ถ้าเลือกตั้งได้คนดีมา ประเทศก็เดินหน้า แต่ถ้าได้คนไม่ดีมาก็จะถอยหลัง หรือไม่ก็หยุดอยู่กับที่ สิ่งที่เราทำมาก็เสียหาย แล้วตนจะไปทำอะไรได้ ในเมื่อตนก็ไม่ได้อยู่
เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์ในวันนี้นายกฯควรอยู่ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่คิดว่าจะทำหน้าที่ในช่วงเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด และจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้เร็วที่สุด แต่คงแก้ไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งการคาดหวังของประชาชนคาดหวังในตัวผมมาก ทุกอย่างต้องแก้ให้เสร็จ บางอย่างเห็นหรือไม่ว่าอีรุงตุงนังไปหมด ต้องรื้อทั้งระบบ ต้องใช้เวลา แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะผูกขาดแต่ผมก็เป็นคนทำและเริ่มแล้ว ทั้งเขียนแผน ทำกฎหมายไว้ให้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมาทำต่อ ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนและประเทศไทย”
เมื่อถามว่า นายกฯพูดเสมอว่าทหารคิดอะไรต้องคิดให้จบ การส่งแค่รัฐธรรมนูญไปให้รัฐบาลใหม่นั้นถือว่าจบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดให้จบ แล้วทำให้จบ ตอนนี้ตนเป็นทหารหรือเปล่า วันนี้ไม่ได้เป็นทหารเต็มรูปแบบ แบบเก่า ทหารเต็มรูปแบบเขามีไว้ไปรบ มีไว้ไปทำงานและกฎของทหารมีการใช้งบประมาณ มีเบี้ยเลี้ยงชัดเจน แต่วันนี้เป็นรัฐบาลมันคนละแบบ ฉะนั้นวันนี้ถือว่าคิดจบแล้ว แต่ยังทำไม่จบ เพราะกรอบอำนาจตามรัฐธรรมนูญมีแค่นี้ มันคนละเรื่อง อย่าเอามาปนกัน
เมื่อถามว่า ถ้าประชามติส่วนใหญ่ ให้นายกฯอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ประชามติทำได้อย่างไร ตอบก่อน ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวใช่ไหม ถ้าแก้ให้มีการทำประชามติ ก็ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ทำได้หรือไม่แบบนี้ จะทำได้หรือเปล่าตนไม่รู้ แต่อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้องตรงนี้
เมื่อถามว่า ถ้าทำประชามติได้และประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรจะอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญ เขียนไว้หรือเปล่า การทำประชามติให้อยู่ต่อมีหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการเสนอให้อยู่ต่อ 2 ปี ไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาถ้ากับตน แต่ถ้าเป็นเสียงประชาชน ตนจะขัดข้องได้อย่างไร ก็คนไทยหรือเปล่า ตนเข้ามา ตนทำเพื่อคนไทยหรือไม่ ตนทำเพื่อคนอื่นเหรอ ถ้าเขาอยากให้ตนทำก็ต้องไปสร้างความเข้าใจให้ได้ ทั้งคนในประเทศ นักการเมืองอะไรต่างๆว่า ตนไม่ต้องการอำนาจ อยู่ที่ว่าทุกคนจะให้ประเทศไทยมีอนาคตอย่างไร ทุกคนมีส่วนร่วมกันตรงไหน อาจจะไม่ใช่ตนก็ได้ การทำประชามติจะเอาใครมาก็ได้ไม่ใช่ตน
เมื่อถามว่า ตราบใดที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายกฯก็สามารถอยู่ไปได้เรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ ว่า เรื่อยๆ อย่างไร รัฐธรรมนูญเขาเขียนว่าอย่างไร ไม่ใช่เรื่อยๆ พูดให้รู้เรื่อง อย่าใช้คำว่าเรื่อยๆ ชาติหน้าหรือไง พูดให้มันถูก รัฐธรรมนูญเขียนว่าอย่างไร ถ้ามันไม่ได้ก็ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มีเวลา 60 วัน 90 วัน 120 วัน อ่านซะบ้าง
เมื่อถามว่า อาจมีบางส่วนที่อยากให้อยู่ต่อ แต่บางส่วนไม่เห็นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวโดยมีอารมณ์ต่อเนื่องว่า อ้าว ก็รู้อยู่แล้ว ก็มันอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วจะมาถามทำไม
เมื่อถามว่า ตรงนี้ห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดกระแสต้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถามให้มีปัญหาหมดทุกเรื่อง เขียนให้มีปัญหาหมด
เมื่อถามว่า ข้อเสนออยู่ต่อ 2 ปีทำให้นายกฯเครียดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เครียด แต่เครียดเรื่องงาน งานมันเยอะ ปัญหาอีรุงตุงนังเยอะแยะไปหมด กำลังแก้ ก็เอาการเมืองมาเดินอยู่ได้ ก็ปล่อยมันไปตามครรลองของมันสิ ครรลองของมันคืออะไร รัฐธรรมนูญ ยังกำลังแก้กันอยู่ ถามอยู่นั่นล่ะ แล้วจะตอบได้หรือไม่ ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน สปช.จะแก้หรือไม่แก้ ถ้าไม่ผ่านก็ร่างใหม่ มีระยะเวลากำหนดไว้ และถ้าไม่ผ่านอีกก็ร่างใหม่ ก็มีแค่นั้นจะมีอะไร มันจะมีอนาคตอะไรสำหรับตน ไม่มีหรอก ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านจะทำประชามติ ก่อนเลือกตั้งว่าจะรับหรือไม่อีก ถ้าไม่รับก็กลับมาเริ่มต้นใหม่อีก ก็วนอยู่แค่นี้ ไม่เห็นจะมีอย่างอื่น สงสัยอยู่นั่น
“ตีกันไปตีกันมา ก้าวข้ามให้พ้น เรื่องที่มีปัญหาเสียบ้าง สื่อต้องช่วยผม ไอ้สิ่งที่ดีๆกำลังเกิดไม่สนใจ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไม่สนใจเลย สนใจแต่การเมือง และคนที่รบกันอยู่เดิม ประชาชนแตกเป็นฝั่งเป็นฝ่ายก็จะให้เป็นอย่างนี้กันอยู่ต่อไป มันใช่ไหมเล่า นั่นล่ะ ผมหงุดหงิดตรงนี้ ก้าวข้ามให้พ้นซะบ้าง เลิกพูดถึงเขาซะบ้างได้ไหม ให้กระบวนการยุติธรรมเขาทำได้ไหม พอเขาทำก็เร่งเขา พอเขาไม่ทำก็ว่าเขาไม่ทำ ทั้งๆที่เขาอาจจะทำอยู่ก่อนก็ได้ ทำไมจะต้องเป็นอย่างนั้น แล้วความน่าเชื่อถือมันหมดไปหรือไม่ เขาจะเชื่อศาลไหม กฎหมายเขียน เขาจะทำตามกฎหมายไหม กระแสเป็นอยู่อย่างนี้ ไปทางนู้นทาง ทางนี้ทาง พอทางนั้นพูดกลับมาเร่งทางนี้ พอทางนี้พูดกลับไปเร่งทางนู้น แล้วจะเริ่มปรองดองกันได้อย่างไร ในเมื่อสังคมไม่ปรองดองอย่างนี้ คนทำความผิดไม่ผิด มันใช่ไหมล่ะ ต้องแยกแยะ อย่ามุ่งหวังแต่การขายข่าวอย่างเดียว ต้องขอร้อง วันนี้สื่อติดกับดักไม่เลิกเสียที เขียนอยู่นั่น เรื่องความขัดแย้ง และคนเดิมกลุ่มเดิมที่ถูกดำเนินคดีอยู่ก็อย่าไปรื้อกันออกมา ให้เขาทำไป อย่าไปมาโยงกัน ชอบเอานิยายคนละเรื่องมาต่อกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่นายกฯพูดว่าเขาคนนั้นคือใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้สิ คิดเอาเองว่าเขาคือใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนี้พล.อ.ประยุทธ์ พยายามทำให้อารมณ์เย็นขึ้น โดยถามสื่อมวลชนว่ายิ้มทำไม หัวเราะทำไม นายกฯเสียงดังแล้วชอบ เดี๋ยวก็ว่านายกฯปัด พอพูดอะไรก็บอกนายกฯฟุ้ง โว มันอะไร ทำแทบตาย ไม่ใช่คุยแต่บอกให้ฟัง แต่การทำอะไรทุกคนต้องร่วมมือ ตนสั่งอย่างเดียวไม่ได้ ตนสั่งแล้วเนรมิตทุกอย่างได้หรือไม่ ทุกคนรวมทั้งสื่อ ต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจ ทำให้คนสงบ ทำให้คามดาวน์ลง ถ้าสังคมยังเป็นอยู่อย่างนี้ มันก็ไปอะไรไม่ได้ จะปรองดองโดยผิดกติกาสังคม ทำไมไม่ให้กลับไปอยู่ในกระบวนการที่สังคมหรือกระบวนการยุติธรรมดำเนินการ นี่พูดแทบตายยังนั่งหาวกันอีก วันนี้ไม่ใช่อะไรหรอกมันร้อน
เมื่อถามว่า ทำไมเวลาถามเรื่องรัฐธรรมนูญ และการต่ออำนาจต้องอารมณ์เสีย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อย่าไปให้ความสนใจกันมากนักในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า เรื่องรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งสังคมให้ความสนใจเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ต้องบอกสังคมให้คอย ให้ใจเย็นๆ เรื่องรัฐธรรมนูญต้องให้ผ่านการลงมติของ สปช.ก่อน ถ้าไม่ผ่านก็ต้องอธิบายว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวเขียนไว้อย่างไร ต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานใหม่ขึ้นมา ต้องใช้เวลาอีก จบแค่นี้
‘นายกฯ’ เปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ ย้ำลุยปราบ ขอทุกประเทศร่วมแก้ไข
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มิ.ย.58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ วันที่ 5 มิ.ย.2558 พร้อมบริจาคเงินให้ “โครงการรวมใจไทย ต้านค้ามนุษย์ ” ผ่านเคาเตอร์เซอร์วิส จำนวน 5 หมื่นบาท โดยมีสลิปยืนยันการโอนเงินบริจาคอย่างเป็นทางการ และมอบรางวัลผู้ปฏิบัติงานดีเด่น และสื่อมวลชนที่ได้รับรางวัลในการประกวดผลงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการค้ามนุษย์มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบในทุกด้าน ทั้งสิทธิเสรีภาพความเป็นมนุษย์ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ส่งผลลดความเชื่อมั่นการค้า การลงทุน และกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้ ทุกหน่วยราชการต้องดำเนินให้ชัดเจน มีผลสัมฤทธิ์มากขึ้น เวลานี้กฎหมายมีอยู่แล้วแต่ไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง ทั้งนี้เรื่องใดก็ตามที่มีการจัดสรรผลประโยชน์ ด้วยคนกลางถือว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์ทั้งสิ้น ต้องกำจัดไม่ให้มีที่ยืนในแผ่นดิน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานใดก็ตาม รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาและพร้อมให้ความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ต้นตอของปัญหาการค้ามนุษย์คือความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งวันหน้าที่โลกไร้พรหมแดนจะมีปัญหามากขึ้น เราต้องแก้ปัญหาให้ประเทศมหาอำนาจยอมรับว่า โดยเราต้องแก้ปัญหาสองส่วน คือ แรงงานต่างด้าว และพัฒนาแรงงานในประเทศ และสิ่งสำคัญคือต้องดูแลเหยื่อที่เกิดจากการค้ามนุษย์ สร้างอาชีพให้กลับสู่สังคม การทำงานวันนี้เราบูรณาการทุกหน่วยงานเพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ พบว่าปัญหาเกิดมานานจากคนกลุ่มและเจ้าหน้าที่กลุ่มเดิม ซึ่งคนเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ และตนเองก็ไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะเข้ามาเป็นรัฐบาลในเวลานี้ รวมถึงการกวาดล้างธุรกิจสีเทาต้องกำจัดให้หมด วันนี้ต้องปรับปรุงข้อกฎหมาย ข้อบังคับ กฎกระทรวงต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราไม่อยากบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความเข้าใจและชี้แจง เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐขัดแย้งกับประชาชน เราต้องทำอย่างไรให้กฎหมายน้อยลง แต่พัฒนาคนมากขึ้น นอกจากนี้สังคมต้องร่วมกันเชื่อมโยงกันทั้งหมด ในการขจัดสิ่งที่ไม่ถูกต้องในโลกใบนี้ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมในยุคนี้ โดยตนได้ย้ำมาหลายครั้งไม่ว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่รัฐหรือพลเรือน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่บกพร่องต้องถูกลงโทษ ทั้งวินัยราชการและอาญา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสองถึงสามเดือนที่ผ่านมามีการสอบสวน หาเครือข่าย เพราะมีผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก
“ถ้าประชาชาทุกคนและทุกประเทศ แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการขจัดการค้ามนุษย์และสิ่งผิดกฎหมาย เท่ากับว่าเราช่วยกันแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ผมพร้อมรับปัญหามาแก้ไขในภาพรวม ไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ปัญหาเหล่านี้เราต้องช่วยต้นทางด้วย ไม่ใช่โยนปัญหา ต้องเข้าใจว่าเราทำหน้าที่ในส่วนหนึ่งของประชาคมโลกอยู่แล้วในยุคนี้อยากให้ทุกคนเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ การได้เงินโดยไม่สุจริตถือเป็นบาปกรรม ขอให้เข้มงวดกันมากขึ้น ทั้งเรื่องค้ามนุษย์ ขอทาน ธุรกิจสีเทา ต้องจัดระเบียบอย่าให้กระทบประชาชน วันนี้หลายคนบ่นว่า อยากให้เงินขอทานแต่ขอทานหายไปไหนหมด หาว่ารัฐบาลใจดำ แล้วกลับมาเล่นงานผมอีก อยากให้เข้าใจว่าเอาไปฝึกอาชีพ เพราะต้องฝึกให้เขาสร้างรายได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะรัฐบาล ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และทุกหน่วยงาน ดำเนินการในเรื่องนี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องทำต่อ อย่างไรก็ตามตนหวังว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์จะดีขึ้นในปีนี้ เราต้องหยุดเลือดให้ได้ หากปล่อยให้เลือดไหลทีละเส้นประเทศก็จะตาย วันหน้าต้องมาหาคนมารักษาอีก
“การปฏิรูปทั้งทหารและตำรวจ จะต้องทำ แต่ตอนนี้ต้องเน้นเรื่องการปฏิรูปในส่วนประสิทธิภาพก่อน เราจะใช้มาตรา44 แก้ปัญทุกเรื่องไม่ได้ ประชาชนถือเป็นคนที่มีอำนาจใหญ่สุด มีอำนาจทุกอำนาจในรัฐธรรมนูญ ทั้งบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ แต่ประชาชนไม่ใช่อำนาจที่4 ประชาชนสามารถใช้อำนาจได้โดยผ่านการเลือกตั้ง หากเลือก ส.ส.มาถูกก็ได้รัฐบาลดี ก้าวพ้นกับดักประชาธิปไตย แต่ถ้าเลือกผิดก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเราจะใช้นโยบายประชานิยมมากไม่ได้ แต่ต้องใช้แนวทางกระจายอำนาจ วันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ขัดแย้งกับประชาธิปไตยมากเกินไป ทำทุกอย่างตามธรรมาภิบาล และอยากให้ทุกรัฐบาลทำแบบนี้ แบบที่ผมทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘นายกฯ’ สั่ง 7 รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รายงานแผนฟื้นฟูรายเดือน
เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการสัมนา เรื่อง “บทบาทและหน้าที่กรรมการรัฐวิสาหกิจ”
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เราต้องวางรากฐานประเทศให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราต้องทำเพื่ออนาคต แม้ว่าตนขึ้นมาแล้วมาทำการเปลี่นแปลงอาจเกิดความพึงพอใจบ้าง ไม่พึงพอใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร คนจะเกลียดแต่ก็ไม่หวั่นไหว เพราะตั้งใจทำงานตามหน้าที่ เพื่อแผ่นดินเกิด ตลอดระยะเวลา สามสิบกว่าปีไม่เคยละเมิดใครทั้งสิ้น
สำหรับรัฐวิสาหกิจ 36 แห่ง การบริหารกิจการภาครัฐนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นเครื่องจักรที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติ เศรษฐกิจ และต้องได้รับเอาใจใส่ดูแลปรับปรุง ให้เป็นเศรษฐกิจใหม่ ที่พร้อมการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ให้ความร่ำรวย ไปตกอยู่กับกลุ่มคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องกลับมาดูแลคนมีรายได้น้อย ที่มีอยู่ 40% ของประเทศ
นายกฯ กล่าวอีกว่า บทบาทรัฐวิสาหกิจ ต้องมีความชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายการบริหารประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกำหนดเป็นกรอบระยะเวลาทุก 5 ปี ที่สำคัญอย่าให้ใครเข้าไปก้าวก่ายได้ และพยายามบริหารงานรัฐวิสาหกิจให้เข้มแข็ง โปร่งใส อย่าให้เป็นภาระของรัฐบาลมากเกินไป โดยมุ่งหวังให้รัฐวิสาหกิจจัดส่งรายได้เข้ารัฐ 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจต้องช่วยกันทำให้ผลประกอบการดีขึ้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่ควรได้รับรางวัล อย่างเช่นที่มีการร้องขอขึ้นเงินเดือน จากสหภาพรัฐวิสาหกิจ
นายกฯ กล่าวอีกว่า การลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะต้องตอบสังคมให้ได้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุน และประชาชนต้องได้รับทราบแผนการลงทุนรัฐวิสาหกิจ ต้องรู้อนาคต ส่วนการสรรหาผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ จะต้องคัดเลือกให้เหมาะสม และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน สำหรับองค์กรที่ยังสรรหาไม่แล้วเสร็จ และขอเน้นย้ำว่ารัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งต้องร่วมเป็นหนึ่งเดียว ในการสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ องค์กร และดูแลประชาชนด้วยให้เกิดความพึงพอใจ
“สำหรับ รัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่มีปัญหา เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย การบินไทย การขนส่งมวลชน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะต้องมีการรายงานแผนการฟื้นฟูเป็นรายเดือน และการดำเนินการจะต้องให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หากพบไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ หรือมีการทุจริต จะต้องถูกตรวจสอบ ถูกลงโทษ เข้าคุกและดำเนินคดี ขอให้ภาคเอกชน อย่าเพียงแต่บอกว่าขาดทุนเพราะแท้จริงล้วนมีทั้งขาดทุน และ กำไร ซึ่งภาคเอกชน ช่วยเหลือลดกำไรลงบ้าง เพื่อช่วยชาติ ที่สำคัญ อยากให้ช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกร ด้วย” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประเทศวุ่นวาย ไม่ได้เป็นความผิดของใครคนใดคนหนึ่งหรือคนเดิม แต่ทุกคนในชาติต้องร่วมกันรับผิดชอบ เราต้องแก้ปัญหาข้อบกพร่องในอดีตเพื่อลูกหลาน เพราะแผ่นดินผืนนี้เป็นแผ่นดินของคนไทยทั้งสิ้น คนไทยวันนี้ต้องปรับปรุงจิตสำนึกเพื่อให้มีอุดมการณ์ชาติร่วมกัน ไม่เจริญแต่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ที่ตนเข้ามาวันนี้ ทำทุกอย่าง เพื่อต้องการสร้างความเข้าใจ ไม่ได้ข่มขู่ ตนใช้ประสบการณ์ จิตสำนึก ความตั้งใจเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
“วันนี้คนไทยถูกปลุกระดมให้ไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ทั้งกฎหมาย ระบอบประชาธิปไตย องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม ตำรวจ ทหาร ทุกอย่างถูกทำลายไปในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ถูกทำลายด้วยคนไม่ดี ด้วยความขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาถึงทุกวันนี้ และผมที่อยู่ร่วมกันมากับทุกรัฐบาล ขอยืนยันในเจตนารมณ์ความมั่นคงว่าต้องการให้มีความสงบเรียบร้อย แต่ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายใด ทำให้ประเทศเดินหน้าได้ นอกจากกฎอับการศึกเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลให้ผมมายืนตรงนี้ ถ้าต้องการให้เป็นประชาธิปไตย ต้องอย่าให้เกิดขึ้นอีก ต้องไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ อยู่ที่ระบบ ผู้บังคับบัญชา วันนี้ผมไม่พยายามโทษเรื่องเก่า ๆ เว้นแต่เรื่องกฎหมายที่ต้องไปว่ากันมา หน้าที่ของผมคือนำทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วไปต่อสู้กัน แต่จะไม่ยอมให้ใครคนหนึ่งอยู่นอกกระบวนการยุติธรรม” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่เคยสอนใครให้ต่อต้านอำนาจบริหาร วันนี้คนไทยสนใจแต่อำนาจ จะสืบทอดอำนาจกันอีกหรือไม่ ตนมีอำนาจในเชิงบริหาร แต่ไม่ได้มีอำนาจในเชิงผลประโยชน์ เราต้องดูโลกภายนอกด้วย เราต้องลดความขัดแย้งให้ได้ โดยใช้กฎหมายให้น้อยที่สุด เพราะถ้าใช้มากจะเหมือนคนดื้อยา ถ้าจะรบกันอีกไม่มียาแก้ให้อีกแล้ว ตนไม่ได้พูดว่าจะอยู่ต่อ หรือจะรอทำอะไรให้สำเร็จมันไม่ใช่ ทุกอย่างต้องการทำตามโร้ดแม็ป เป็นเรื่องของทุกคนให้ประเทศต้องเดินหน้า
อย่างไรก็ตาม กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวชี้ชะตาประเทศจะก้าวหน้าหรืออ่อนด้อยลง แต่อยู่ที่คนทั้งสิ้น ทุกคนจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครหรือรัฐบาลมายืนตรงนี้หากเดินตามยุทธศาตร์ที่มีเจตนาที่บริสุทธิ์ประเทศจะเจริญแน่นอน ขอให้ทุกคนให้อภัยซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องใหญ่ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินและกลับมาสู่สังคมอย่างปกติสุข เพราะสังคมไทยให้โอกาสคนอยู่แล้ว สุดท้ายฝากบอกประชาชนและสังคมว่าอันตรายเข้ามาใกล้เราแล้ว ทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ความยากจน ภัยสงคราม และสภาพอากาศ ถ้าทุกคนเอาแต่ได้ เทวดาก็ทำให้ไม่ได้ ต้องยอมขาดทุนเพื่อชาติบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาที่นายกฯกล่าวในงานสัมมนาเสร็จสิ้น นายกฯ ได้เดินลงมาทักทายผู้ร่วมงาน และพูดแซว พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ครั้งหน้าถ้าเลขทะเบียนรถออกอีก บอกผมด้วย จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน
‘นายกฯ’ เชื่อได้รับการปรับขึ้นอันดับการค้ามนุษย์
5 มิ.ย. เวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการที่ไทยดำเนืนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์แล้วคิดว่าทางสหรัฐอเมริกาและไอยูยูจะจัดอันดับใหม่ให้ดีขึ้นหรือไม่ ว่า ก็เป็นเรื่องของเขา เราอย่าไปกังวลมากนัก และต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ที่ผ่านมาทุกๆ เรื่องและในฐานะที่ตนเป็นผู้รับผิดชอบในวันนี้ก็คงไปโทษใครไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำเพราะฉะนั้นการที่เราจะไปคาดหวังให้คนอื่นเข้าใจเราในระยะเวลาอันสั้น อย่าไปคาดหวังเลยขอให้พวกเรามั่นใจว่าพวกเราร่วมมือกันทำให้สำเร็จก่อน เพราะผลที่จะเกิดขึ้นก็ตกอยู่กับบ้านเมืองเรา ส่วนการที่องค์กรอื่นจะลดหรือไม่ลดก็เป็นเรื่องที่เขาจะพิจารณาซึ่งมีกรรมการจำนวนมาก แต่ถ้าเราทำในทุกระบบแล้วก็น่าจะได้รับการปรับอันดับขึ้น แต่เราก็ไม่สามารถไปบังคับเขาได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ และเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก มีตั้งแต่ 6 เดือนปลด 1 ปีปลด ก็แล้วแต่เขา แต่เราทำให้ประเทศของเราปลอดภัยก่อนดีกว่า ถือเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อถามว่า ในส่วนไอยูยู มีส่วนคาดหวังหรือมีท่าทีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ก็เร่งในทุกๆ อัน อย่างเรื่องไอยูยูบางอย่างก็ต้องออกกฎหมายเพิ่มเติม ต้องดูแลในทุกมิติให้มากขึ้น เราต้องเอากฎหมายของต่างประเทศมาดูควบคู่ด้วยเพราะไม่เคยทำกันมาก่อน เราให้ความสำคัญกับไอยูยู การประมง การค้าขาย มันเชื่อมโยงทั้งหมดกับการค้าในอนาคต ประเด็นสำคัญในเรื่องไอยูยูก็คงต้องรักษากติกาและกฎหมายที่ผ่านมามีการละเว้นกันอยู่ อย่างในเรือประมงเพราะคนของเราเป็นคนจน รายได้น้อยเลือกอาชีพไม่ได้ ใครเคยทำประมงก็ทำกันต่อๆ มา พอจำนวนเรือมีมากก็ขาดการควบคุมและกำหนดมาตรฐานให้ดีและถูกต้องก็เลยโดนในเรื่องเหล่านี้ด้วย คือเรือไม่ได้มาตรฐาน เรือส่วนใหญ่ที่ขึ้นทะเบียนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะรัฐกีดกันหรือรังแกคนจน แต่เมื่อเอากฎหมายมาดูแล้วก็ยังมีปัญหา เช่น ขนาดของเรือ เครื่องมือในการจับปลา ถ้าอ้างว่ายากจนแล้วทำผิดกฎหมายได้ทั้งหมด ก็คงแก้อะไรไม่ได้ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเทียร์หรือไอยูยู ทุกคนต้องเข้าใจว่ากฎหมายคือกฎหมาย และถ้าไม่ร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ก็จะพังกันทั้งหมดรััฐบาลชุดนี้ตั้งใจเข้ามาดูแลคนยากจน เพียงแต่เราต้ัองแก้ปัญหาสิ่งที่ไม่ถูกต้องในแผ่นดินนี้ก่อน และหามาตรการดูแลคนเหล่านี้ด้วย
“ก็เห็นใจชาวประมง ลูกจ้าง แต่เมื่อมีเรื่องของอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ไม่ถูกต้อง ลูกเรือบางครั้งก็เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ด้วย วันนี้จึงต้องทำการรื้อทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการรื้ออะไรก็จะเกิดความเดือดร้อนขึ้นบ้าง ก็ต้องขอร้องกันว่าเราจะปล่อยให้บ้านเมืองเราเดินต่อไปอย่างนี้หรือ วันนี้เราต้องสร้างฐานรากของมันให้ได้ รัฐบาลและผมให้ความสนใจกับคนยากจนอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
‘นายกฯ’ ให้เวลาร้านเหล้าทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร้านเหล้าที่เปิดอยู่ใกล้สถานศึกษาว่า ว่าตำรวจเขากำลังดูกันอยู่ สิ่งบางอย่างมันปล่อยปละละเลยกันมานาน พอบังคับใช้กฎหมายมันเดือดร้อน ผู้ประกอบการเดือดร้อน เขาลงทุนกันมามหาศาล ความผิดก็ไปเล่นงานเจ้าหน้าที่ทั้งหมด รัฐบาลที่ปล่อยปละละเลย เอาหรือไม่ ก็ต้องไปทำความเข้าใจก่อน และไปบังคับใช้กฎหมาย ขอร้องให้เวลาเขาเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านในการแก้ไขทั้งสิ้น อย่ามุ่งหวังใช้อำนาจอย่างเดียว ใช้อำนาจวันหน้ามันก็เกิดอีกเมื่ออำนาจมันไม่มี เข้าใจหรือยัง ตอนนี้เขาประกาศไปแล้ว ตนได้พูดไปแล้ว ร้านเหล้าเขาซื้อเหล้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายใช่หรือไม่ ถ้าใช่แต่เหมาะสมหรือไม่ที่ไปอยู่ข้างโรงเรียน ตรงนี้ก็ไปดูว่ากฎหมายให้ห่างระยะเท่าไหร่ ไปไล่ดูถ้ามันอยู่ในกรอบในระยะที่เขาไม่ให้ขายมันก็ต้องเลิก เขาให้เวลาเปลี่ยนก็เลิกซะนะ ภายในอาทิตย์หน้า ภายในสิ้นเดือนนี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ภายในเดือนหน้าจะจับจะไปปิดร้านนะก็ต้องค่อยๆให้เบาไปหาหนัก ถ้าเอาหนักทีเดียวแล้วแก้ไม่ได้จะทำยังไง จะใช้อะไรอีก กฎหมายบังคับแล้วมันเพียงพอหรือไม่ ถ้าวันหน้าบังคับไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร
ที่มา ; เว็บ นสพ.คมชัดลึก
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)
ฟรี... ห้องเตรียมสอบ-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)
ฟรี... ห้องเตรียมสอบ-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
(เตรียมสอบครู-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
(เตรียมสอบครู-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น