เรื่องใหม่ ...น่าโหลด...(วันนี้)
- คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
-นโยบาย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
- ครม.ประยุทธ์ 1 ที่ http://tuewsob.blogspot.com/2014/08/blog-post_29.html
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
- ตัวบ่งชี้ ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ พื้นฐาน-อุดม-อาชีว
โดย สมศ.
- เกณฑ์ประเมินคุณภาพภายนอก รอบสี่ (พ.ศ.2559-2563)
- ระบบควบคุมภายใน 2557
-นโยบาย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
- ครม.ประยุทธ์ 1 ที่ http://tuewsob.blogspot.com/2014/08/blog-post_29.html
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
- ตัวบ่งชี้ ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ พื้นฐาน-อุดม-อาชีว
ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ล่าสุด
‘ประยุทธ์’ไม่ทบทวน ดัน250สปช. คัดสรรอย่างดี
ปัดล็อกสเปก!ไม่สนร้องศาล
“บิ๊กตู่” เมินทบทวนรายชื่อ 250 สปช. ยันกระบวนการคัดสรรเดินมาอย่างถูกต้องโดยลำดับใครจะร้องศาล ปค.ก็ร้องไป โต้มีชื่อเพื่อน วปอ. แล้วจะทำไม ย้อนถามกฎข้อไหน เขียนห้ามไม่ให้เป็น สปช. รองเลขาฯ กกต.งัด พ.ร.ฎ.สรรหา สปช.มาตรา 17 ง้าง “ยุทธนา” การันตีทุกอย่างจบที่ “ประยุทธ์” ไม่มีช่องโหว่เปิดให้ใครร้อง “ปึ้ง” นำทีมขวาง สนช.มีฤทธิ์ถอดถอน ส.ส.-ส.ว.-รมต.
“เรืองไกร” ส่งอีเอ็มเอสพึ่งศาล รธน.ตีความ บี้ผู้ตรวจการฯ-ป.ป.ช.ฟัน สนช.จงใจใช้อำนาจขัดธรรมนูญชั่วคราว “วรชัย” ขู่มัดมือชกจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว นายกฯเร่งประสานกัมพูชาส่งตัว “ตั้ง อาชีวะ” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงกลับไทย
จากกรณีนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร จะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้ออกคำสั่งคุ้มครองชะลอการประกาศรายชื่อ สปช.จังหวัดที่มีปัญหาไว้ก่อน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยืนยันจะนำ 250 รายชื่อ สปช.ขึ้นทูลเกล้าฯตามกำหนดการที่วางไว้
จากกรณีนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร จะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้ออกคำสั่งคุ้มครองชะลอการประกาศรายชื่อ สปช.จังหวัดที่มีปัญหาไว้ก่อน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยืนยันจะนำ 250 รายชื่อ สปช.ขึ้นทูลเกล้าฯตามกำหนดการที่วางไว้
“บิ๊กตู่” ขึ้นแอมแบร์ไปอำลา ตน.
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 28 ก.ย.ที่สนามบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางโดยเครื่องบินแอมแบร์ของกองทัพบก ไป จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นประธานพิธีอำลาตำแหน่ง ผบ.ทบ.ต่อกำลังพลของกองทัพภาคที่ 4 ที่ค่ายวชิราวุธ กองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 4 โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และ รมช.กลาโหม และ พล.อ.อัษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ร่วมเดินทาง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนเดินทางถึงนโยบายที่จะฝากให้กำลังพลนำไปปฏิบัติว่า ไม่มีอะไรเน้นย้ำเป็นพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบาย และยุทธศาสตร์ที่วางไว้ของคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และรัฐบาล ซึ่งจะฝากให้ผู้บังคับบัญชาคนปัจจุบัน และคนต่อไปดูแลให้มีความเข้มข้นมากขึ้น
ลั่น 250 สปช.ไม่มีล็อกสเปก
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องบินถึงกรณีนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.เลือกตั้งยโสธรข้องใจการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ของ คสช.โดยเฉพาะในระดับจังหวัดโดยตั้งข้อสงสัยจะมีการล็อกสเปกว่า ถ้ารายชื่อออกมาให้ไปดู มันจะล็อกกันได้อย่างไร ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้ว่า ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 ต.ค.ตามกำหนดการที่วางไว้เดิม และรายชื่อทั้งหมดได้ทำการคัดสรรมา 2 ทาง ทั้งหมดรับสมัครโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น กกต.เป็นผู้ตรวจสอบทางกฎหมายว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ สำหรับบุคคลที่เข้ามาสมัคร เราก็คัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นไปตามการคัดสรรของคณะกรรมการคัดสรรทุกคณะที่ดำเนินการมาตามลำดับโดยตลอด
จะร้องก็ร้องไปแต่ไม่ทบทวนใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขนาดจะไปร้องศาลปกครองให้ชะลอการแต่งตั้งด้วย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ไปร้อง ก็เป็นเรื่องของศาลปกครอง ถ้ามีปัญหาตรงไหนก็ต้องดำเนินการ ถ้าคิดว่ามันไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมก็ดำเนินการไป ในส่วนของเราคงต้องทำงานไปตามลำดับ ถ้าสภาปฏิรูปฯดำเนินการยังไม่ได้ก็ยังไม่ได้ ก็จบเท่านั้นเอง” เมื่อถามต่อว่า จะต้องมีการทบทวนรายชื่ออีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ทบทวนเรื่องอะไรก็เป็นเรื่องของศาลปกครอง ศาลว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันจะนำขึ้นทูลเกล้าฯใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็ต้องทำถ้าไม่ทำจะทำอะไรต่อไป ต้องรอใครที่ไหน ไม่ได้มีอะไรเขียนไว้ว่าต้องรอใคร เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
โต้ข้อไหนห้าม วปอ.คอนเนกชั่นเป็น
ต่อข้อถามว่า นายยุทธนาเปิดเผยข้อมูลด้วยว่ามีนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)ที่รู้ว่าได้รับการคัดสรรฉลองกันล่วงหน้าแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “แล้วทำไม นักศึกษา วปอ.เป็นไม่ได้หรือ เขาเขียนไว้ในคุณสมบัติข้อไหนว่าที่เป็นวปอ.หรือเป็นหลักสูตรอะไรแล้วเป็น สปช.ไม่ได้มีไหม ไปอ่านกฎหมายดู”
ต่อข้อถามว่า ในรายชื่อ 250 คน มีนักศึกษาวปอ.อยู่เยอะหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ทราบ ไม่ได้สนใจ ไม่ได้เอาชื่อ วปอ.มาอ่าน ไม่ได้ดู ไม่ทราบ เมื่อถามว่า คิดว่าคนผ่านหลักสูตร วปอ.มีความเหมาะสมเป็น สปช.สามารถช่วยชาติได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ผมไม่ได้ดูคุณสมบัติ วปอ.มีหรือข้อไหนที่เขียนว่า สปช.ต้องเป็น วปอ.หรือว่าไม่เป็น วปอ.ถ้าไม่มีก็อย่ามาถามผมตรงนี้ ถามตรงอื่น”
ปธ.สนช.ไม่ชัวร์ศาล ปค.จะรับเรื่อง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายชื่อ และไม่ทราบว่ามีใครที่ได้เป็น สปช.บ้าง ทราบเฉพาะ 50 คน ที่ตนได้คัดเลือกในด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น และเห็นว่าหาก สปช. มีความหลากหลายก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ส่วนการที่นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร และผู้เข้ารับการสรรหา สปช.จ.ยโสธร จะยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้ออกคำสั่งคุ้มครองชะลอการประกาศรายชื่อ สปช.ในจังหวัดที่มีปัญหา ก็เป็นสิทธิที่สามารถยื่นเรื่องได้ แต่ต้องดูว่าศาลปกครองมีอำนาจที่จะรับเรื่องนี้ไว้ตามกฎหมายได้หรือไม่ ซึ่งไม่อยากแสดงความเห็นเรื่องนี้ เพราะต่างคนต่างความคิด
“สมชาย” ปัดคัดแต่ขั้วตรงข้าม “ทักษิณ”
นายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวถึงกระแสการเลือกตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ปรากฏรายชื่อส่วนใหญ่เป็นขั้วตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า รายชื่อที่ปรากฏออกมายังไม่ทราบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่จากการดูตามข่าวคิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะกลุ่ม 40 ส.ว.ซึ่งมีมากถึง 90 กว่าคน ในครั้งที่สนับสนุน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธานวุฒิสภาปี 2557 แต่ปรากฏรายชื่อเข้ามาเพียงไม่กี่คน และบุคคลเหล่านี้ก็มีประสบการณ์และความรู้อย่างยิ่งที่จะเข้ามาทำงานปฏิรูปประเทศทั้งสิ้น กลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ผ่านคัดเลือกมาจาก 77 จังหวัดมาให้ คสช.คัดเลือกบุคคลที่เข้ามาจะเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ยกตัวอย่างภาคเหนือและภาคอีสาน ในจังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี หนองคาย ก็ต้องเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ขณะที่ ภาคใต้ก็เป็นตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง ก็มีคนของพรรคชาติไทยพัฒนา และจังหวัดชลบุรี ก็ต้องเป็นตัวแทนของพรรคพลังชล ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อมีการประกาศรายชื่อ สปช.ทั้งหมด 250 คนจะเกิดความสมดุลและเป็นเวทีในการถกเถียงและปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง
งัด ม.17 พ.ร.ฎ.สรรหาฯปิดช่องร้องศาล
นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการกกต.กล่าวว่า สามารถยื่นได้ แต่ศาลปกครองอาจจะไม่สามารถสั่งให้ชะลอกระบวนการต่างๆ ได้ เพราะถ้าดูมาตรา 17 ของ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช.ที่ระบุว่า กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเสนอชื่อหรือการสรรหา หรือมีปัญหาอื่นใดเกี่ยวกับการดำเนินการตาม พ.ร.ฎ.นี้ ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วินิจฉัยและเมื่อได้ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของหัวหน้า คสช.แล้วให้ถือว่าเป็นการชอบด้วย พ.ร.ฎ.นี้และกฎหมาย โดยมาตราดังกล่าวเป็นการปิดช่องโหว่และคงรู้อยู่แล้วว่ากระบวนการสรรหาจะมีปัญหาจึงได้เขียนกฎหมายครอบคลุมไว้และมาตรา 17 ก็สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
นายกฯชี้ ก.ม.เยอะต้องโปะ สนช.ให้เต็ม
อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเวลา 07.30 น. ที่สนามบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงความจำเป็นการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่มอีก 28 คนว่า ความจำเป็นเพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าต้องคัดเลือกสนช.ไม่เกิน 220 คน เพียงแต่บรรจุให้ครบ 220 คนเท่านั้น เพื่อไปทำงานเพราะมีกฎหมายหลายฉบับที่ยังติดค้างอยู่จำนวนมากที่ต้องเข้าไปเร่งดำเนินการ ปัจจุบันการทำงานของ สนช.มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการหลายคณะด้วยกัน ดังนั้นจะได้ไปเพิ่มจำนวนคนที่มีอยู่ให้ครบถ้วนจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกันมากนักในการที่จะดำเนินการพิจารณากฎหมาย
“หมอเจตน์” สบายๆ เปิดกรุสมบัติ
นายเจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. และ โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า การที่ สนช. 28 คน นำโดย พล.อ.นพดล อินทปัญญา ยื่นศาลปกครองเพื่อ เพิกถอนมติการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณชน ไม่ส่งผลเสียต่อ สนช. เพราะเป็นเรื่อง บุคคลและกลุ่มคนเท่านั้น ไม่สามารถพูดแทนได้ แต่ ส่วนตัวที่เคยเป็นวุฒิสภาเคยเปิดทรัพย์สินมาแล้ว 6-7 รอบ ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อมาเป็น สนช.ก็พร้อมปฏิบัติตามแนวทางที่ ป.ป.ช.กำหนด สำหรับเรื่องถอดถอน กรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เรื่องที่มา ส.ว. ขณะนี้ที่ ปรึกษากฎหมายนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะบรรจุเรื่องถอดถอนอะไรได้บ้าง ซึ่งยังไม่มีการประสานมาที่วิป สนช. แต่อย่างใด
“ปึ้ง” ขวางติดดาบถอดถอนให้ สนช.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้ไขข้อบังคับที่ประชุม เพิ่มอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ตามหลักแล้วข้อ บังคับการประชุมคือการกำหนดให้การประชุมของสมาชิกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นเรื่องที่ทำกันเฉพาะภายใน แต่การไปบอกให้มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น และในรัฐธรรมนูญชั่วคราวเขียนไว้ชัดเจนว่าอำนาจของ สนช. มีอะไรบ้าง ดังนั้นจะไปทำอะไรที่นอกเหนือจากนั้นไม่ได้
ซัดบางคนเป็นปฏิปักษ์กับ “รบ.ปู”
“ขอฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่ง ชาติ (คสช.) เข้ามาตรวจสอบด้วย อย่าปล่อยให้ สนช.ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ถ้าทำกันแบบนี้ก็มีแต่จะสร้าง ความแตกแยกเพิ่มเติม พล.อ.ประยุทธ์ต้องดูด้วยว่า สนช.คนไหนทำไม่ดีไม่ถูกต้อง ก็เอาออกไปเสีย ต้องเข้าใจว่า สนช.บางคน เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลที่ผ่านมา หลายคนจงเกลียดจงชังนักเลือกตั้งเป็นชีวิตจิตใจ เพราะถ้าตัวเองลงมาเลือกตั้งถึงอย่างไรประชาชนก็ไม่เลือกแน่นอน ดังนั้นจึงอยากจะกำจัดนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง” นายสุรพงษ์กล่าว
ขู่มัดมือชกจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า เจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ในการยึดอำนาจ ก็คือการเข้ามาลดความขัดแย้งแตกแยกในประเทศ แต่หลังจากนั้นปรากฏว่าการแต่งตั้ง สนช. ที่เกิดขึ้นเห็นชัดว่าผู้ที่เป็นคู่ขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย และ นปช. ได้เข้ามาเป็น สนช.กันเป็นจำนวนมาก ได้อำนาจมารวมหัวกัน ขณะที่องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.และ กกต.ที่ทุกคนเห็นแล้วว่ามีมาตรฐานการใช้กฎหมายอย่างไร เอาแต่อุ้มพรรคประชาธิปัตย์ จัดการแต่พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ถูกยุบทิ้งไป วันนี้ สนช. กำลังเพิ่มอำนาจให้ตัวเองในการออกข้อบังคับให้สามารถถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ให้คนที่มาจากการยึดอำนาจถอดถอนผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว การยึดอำนาจอาจจะสูญเปล่า ความขัดแย้งไม่จบไม่สิ้น และสถานการณ์อาจลุกลามบานปลายก็เป็นได้ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องบริหารบ้านเมืองให้เป็นธรรม อย่ามัดมือเราให้เขาต่อยอย่างเดียว เพราะพวกเราและประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ยอมแน่ ดังนั้นใครที่คิดอะไรบางอย่างที่ไม่ดีก็ขอให้หยุดเสีย อย่าทำให้การยึดอำนาจครั้งนี้ต้องสูญเปล่าอีกครั้งเลย
พท.ส่งอีเอ็มเอสพึ่งศาล รธน.ตีความ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อ–ไทย กล่าวว่า วันที่ 29 ก.ย. ตนจะส่งไปรษณีย์ด่วน พิเศษ (อีเอ็มเอส) ถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557 ข้อ 147 มีปัญหาเกี่ยวกับ ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 20 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 วรรคหนึ่ง หรือไม่ และข้อ 146 ถึง 161 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 12 หรือไม่ ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมฯ ข้อ 147 ระบุว่า เมื่อมีคำร้องขอถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) ออกจากตำแหน่งให้ประธานสภาแจ้งให้ที่ประชุมทราบโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 สิ้นสุดลงแล้ว และขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ไม่ได้บัญญัติให้มีสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือวุฒิสภา (ส.ว.) อีกต่อไป จึงไม่มีตำแหน่ง ส.ส.หรือ ส.ว.ให้ถูกถอดถอนได้ตามที่ข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อ 147 บัญญัติไว้
อ้าง รธน.ชั่วคราวไม่ได้ให้อำนาจไว้เลย
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า การตราข้อบังคับการประชุมฯตั้งแต่ข้อ 146 ถึง 161 ขึ้นมา ทำให้เห็น เจตนาที่มุ่งประสงค์จะให้มีการถอดถอนบุคคลเชื่อมโยงไปถึงการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.และ ส.ว.ตามความในรัฐธรรมนูญปี 50 ที่สิ้นสุดลงไปแล้ว โดยการอ้าง พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดให้อำนาจกระทำการเช่นนั้นได้ ดังนั้น ข้อบังคับการประชุมฯตั้งแต่ข้อ 146 ถึง 161 ย่อมเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเช่นกัน
จวกจงใจใช้อำนาจเป็นโทษแก่บุคคล
“หากมีการพยายามตีความว่า สนช.สามารถตราข้อบังคับการประชุมฯ เพื่อให้มีการถอดถอน ส.ส. ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญปี 50 ได้ โดยอ้างบทกฎหมายจากมาตรา 58 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาขยายความให้มีอำนาจตามความในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 13 วรรคสอง ในส่วนที่ระบุว่า สนช.มีอำนาจตราข้อบังคับเกี่ยวกับกิจการอื่นเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ก็ไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่มีบทบัญญัติมาตราใดรองรับให้ สนช.มีอำนาจในการถอดถอนผู้เคยดำรงตำแหน่ง ส.ส. ส.ว. หรือคณะรัฐมนตรีในปัจจุบันไว้ และหากจะอ้างมาตรา 6 วรรคสอง ที่ระบุว่า สนช.ทำหน้าที่เป็น ส.ส. ส.ว. และรัฐสภา จนทำให้สามารถตราข้อบังคับมาถอดถอนบุคคลที่อยู่ในรัฐธรรมนูญปี 50 ได้ด้วยนั้น ก็ไม่อาจรับฟังได้ เพราะเท่ากับเป็นการจงใจตีความขยายอำนาจอย่างกว้างในลักษณะเป็นโทษแก่บุคคลโดยอาศัยกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ ทั้งที่ สนช.ควรรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีอำนาจกระทำการเช่นนั้นได้” นายเรืองไกรกล่าว
บี้ผู้ตรวจการฯ–ป.ป.ช.ฟัน สนช.
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า และหากผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อบังคับการประชุมฯ มีบทบัญญัติที่มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ก็ขอให้พิจารณาเพื่อส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไปด้วยว่า การตราข้อบังคับการประชุมฯ ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดกระทำการอันฝ่าฝืน พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 หรือไม่
“บิ๊กเจี๊ยบ” สปีชยูเอ็นเรื่อง ปชต.
ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 27 ก.ย. 2557 (ตามเวลาท้องถิ่น) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวภายหลังการขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 69 โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่า ประเทศไทยได้เรียนรู้บทเรียนที่ว่าประชาธิปไตยมีอะไรมากไปกว่าการเลือกตั้ง โดยยังต้องอยู่บนพื้นฐานการเคารพหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และการได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับประเทศไทยก่อนช่วงเหตุการณ์วันที่ 22 พ.ค.2557 ซึ่งขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งตนให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลไทยยึดมั่นต่อหลักประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน เรารู้ดีว่าไม่อาจสวนกระแสประชาธิปไตยได้ ขอให้ทุกฝ่ายอย่าสงสัยว่าประชาธิปไตยของไทยกำลังถดถอย แต่ต้องการเวลาและพื้นที่เพื่อสร้างความปรองดอง ปฏิรูปการเมือง และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันต่างๆ ในระบอบประชาธิปไตย
ปลื้มท่าทีนานาชาติเข้าใจ–เป็นมิตร
จากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังขึ้นกล่าวถ้อยแถลงฯ ว่า การประชุมครั้งนี้ ทุกประเทศให้ความมั่นใจและสนับสนุนไทย และเป็นโอกาสดีที่ได้แสดงออกในเวทีโลก อาทิ ปัญหาภาวะโลกร้อน ปัญหาเชื้อไวรัสอีโบลา การก่อการร้าย การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยอาเซียนต่างออกแถลงการณ์ร่วมมือในการพัฒนาและช่วยเหลือประชาคมโลก สำหรับการกล่าวถ้อยแถลงของตนต่อที่ประชุมได้พูดถึงความมั่นคงของไทย และความจำเป็นที่ต้องปรับให้มีความเหมาะสม นอกจากนี้ได้ยืนยันว่าไทยยังเป็นประชาธิปไตย ตามหลักสิทธิมนุษยชน โปร่งใส เป็นรัฐบาลที่ดีที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน สำหรับการพบปะทวิภาคีกลับกลุ่มต่างๆ ทั้งอาเซียน-ยูเอ็น อาเซียน-สหรัฐฯ และการพบปะรัฐมนตรีอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงกลุ่มสภาธุรกิจสหรัฐฯ- อาเซียน ซึ่งต่างมั่นใจไทย เช่นเดียวกับการหารือทวิภาคีกับจีน พบนายกรัฐมนตรีของบาเรนห์และประเทศอื่นๆ โดยมองว่าทุกประเทศต่างมีพันธมิตรที่ดีต่อไทยมากยิ่งขึ้น
ฟุ้งต่างชาติชื่นชม รบ. “บิ๊กตู่”
นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก กล่าวว่า ตลอดช่วงที่ตนได้ชี้แจงถึงความจำเป็นของการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ต่อนานาประเทศที่จะต้องยุติความขัดแย้งและความรุนแรง จนถึงขณะนี้ หลายฝ่ายที่ไม่เข้าใจก็ลดลง อีกทั้งหลายประเทศยังชื่นชมการทำงานของรัฐบาลไทยที่เกิดเสถียรภาพทำให้ทั่วโลกเห็นได้ชัด
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ภารกิจของ พล.อ.ธนะศักดิ์ ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในหลายด้าน และเป็นโอกาสดีที่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมประชุมในระดับผู้นำประเทศ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่ไทยส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประสานเขมรล็อกตัว “ตั้ง อาชีวะ”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณี นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ แนวร่วมคนเสื้อแดง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง จะขอลี้ภัยกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในประเทศกัมพูชาว่า ก็เป็นเรื่องของตั้ง อาชีวะ มาถามตนทำไม ส่วนเรื่องการขอตัวกลับมาดำเนินคดี ขณะนี้กำลังประสานกับทางกัมพูชาอยู่ ส่วนจะส่งตัวมาหรือไม่เมื่อไหร่ต้องขึ้นอยู่กับกัมพูชา ต้องไปถามทางกัมพูชา
ทนายผวา ป.ป.ช.รวบรัดเชือด “ปู”
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าว กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.เตรียมจะส่งสำนวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโครงการรับจำนำข้าวให้ สนช.ดำเนินการถอดถอน ในสัปดาห์หน้าว่า การดำเนินการของ ป.ป.ช.มีข้อพิรุธ เพราะกรณีการไต่สวนโครงการจำนำข้าว ป.ป.ช.มีมติให้รวมทั้งคดีถอดถอน และคดีอาญาเป็นเรื่องเดียวกัน โดยอ้างว่าได้ใช้พยานหลักฐานและพยานบุคคลชุดเดียวกันในการไต่สวน ซึ่งต่อมาเมื่ออัยการสูงสุดระบุว่า สำนวนคดีอาญาโครงการจำนำข้าวยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม ดังนั้นเมื่อทั้ง 2 คดีใช้พยานหลักฐานชุดเดียวกัน ประกอบกับหลักฐานทางสำนวนคดีอาญายังไม่สมบูรณ์แล้ว หลักฐานในสำนวนคดีถอดถอน ต้องถือว่า ไม่สมบูรณ์ด้วย จึงเห็นว่าเป็นข้อพิรุธอย่างยิ่งที่ ป.ป.ช.จะส่งสำนวนคดีถอดถอนไปให้ สนช.ในเวลานี้ อยากเรียกร้องการอำนวยความยุติธรรมจาก ป.ป.ช. มีคำถามว่า ทำไมต้องเร่งรีบ รวบรัด ทั้งที่การพิจารณาไต่สวนคดีนี้ยังไม่สิ้นกระแสความ ป.ป.ช.กลัวอะไรที่จะต้องไต่สวนต่อไป ทั้งที่ข้อท้วงติงของอัยการสูงสุดเป็นสิ่งที่สังคมให้ความสนใจ
“วรงค์” มึน รบ.กลับลำประมูลข้าว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเปลี่ยนวิธีระบายข้าวจากเปิดประมูลทั่วไป เป็นการขายให้เอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ แต่ขณะนี้กลับใช้วิธีการประมูลแบบเดิม จึงห่วงใย เนื่องจากระหว่างการเปิดประมูลทั่วไปกับซื้อขายตกลงเป็นรายๆ เป็นแบบลับ สร้างปัญหาให้กับรัฐบาลอดีต เนื่องจากไม่โปร่งใสเรื่องราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าวจะถูกส่งออกทั้งหมด เพราะตลาดบริโภคในประเทศยังต้องการบริโภคข้าวเก่า ดังนั้น ข้าวเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะถูกขายเวียนในประเทศ เมื่อเป็นราคาที่ซื้อไม่โปร่งใส ราคาขายข้าวสารจะ กระทบราคาข้าวเปลือกชาวนาให้ตกต่ำได้ และปัญหาจะกลับมามีผลกระทบต่อรัฐบาลอีก ซึ่งคิดว่าทางออกที่ดีคือเปิดประมูลทั่วไป แต่รัฐบาลควรรอดูจังหวะและปริมาณความต้องการข้าว ถ้ารัฐบาลดึงดันใช้วิธีขายให้เอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ อีกไม่นานคงเห็นเจ้าพ่อรายใหม่ในวงการข้าวของรัฐบาลแน่นอน และจะสร้างปัญหาให้รัฐบาลตามมา
ปชป.บี้สอบทางหลวงโยกงบมั่ว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการใช้งบประมาณกรมทางหลวงว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. กรมทางหลวงทำเรื่องไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อขออนุมัติเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ในโครงข่ายทางหลวงได้รับการบำรุงรักษา งานบำรุงพิเศษ และบูรณะ ที่มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่า 10 ล้านบาท ครั้งที่ 2 จำนวน 128 โครงการ งบประมาณ 1,110 ล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมแซมถนนที่ชำรุดกรณีฉุกเฉิน แต่เมื่อสำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณ นายชัชวาล บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง สั่งเปลี่ยนแปลงโครงการทั้งหมด โดยนำงบไปปรับปรุงเส้นทางอื่น ไม่ทราบว่าเปลี่ยนแปลงเพราะอะไร จึงอยากให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และ พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนนายชัชวาลเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย. อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ คสช.ตรวจสอบ
โวย ตร.ไถชาวบ้านซื้อบัตรคอนเสิร์ต
นายวิลาศกล่าวต่อว่า ขณะนี้ประชาชน ห้างร้านต่างๆในพื้นที่ สน.บางกอกใหญ่ กทม. มีความเดือดร้อน เนื่องจาก สน.บางกอกใหญ่ จัดคอนเสิร์ตการกุศล ร่วมใจ...ต้านภัยยาเสพติด ที่ระบุว่าจะมีดารานักร้องคือ “แอน มิตรชัย” และวงดนตรีจิตอาสา ตำรวจภูธร จ.ลพบุรี โดยให้ออกาไนเซอร์ดำเนินการขายบัตรใบละ 2,000 บาท ซึ่งหากเป็นห้างร้านหรือ บริษัทใหญ่ๆในพื้นที่ก็จะถูกขายให้ 1 ซอง ซองละ 5 ใบ โดยจัดแสดงวันพุธที่ 29 ต.ค. เวลา 13.00-17.00 น. ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ทั้งที่ในพื้นที่ สน.บางกอกใหญ่ มีห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ท่าพระ ถือว่าจัดงานไม่อยากให้มีคนไปดู เพราะไกลจากพื้นที่ สน.บางกอกใหญ่มาก ทั้งนี้จากการตรวจ สอบไปยัง สน.บางกอกใหญ่ ได้รับคำตอบว่าหางบประมาณค่าอาหารกลางวันให้ข้าราชการตำรวจ และเป็นงบประมาณต้านยาเสพติด จึงไม่ทราบว่าวัตถุ– ประสงค์คืออะไร เรื่องนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร. ควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าจริง หรือไม่ และตรวจสอบว่าเงินที่ได้ใช้ในโครงการอะไร
ที่มา ; เว็บ นสพ.ไทยรัฐ
โดย www.tuewsob.com (ผอ.นิกร เพ็งลี)
อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ
เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ
... ห้อง ติวสอบ (กรณีศึกษา)
สมัคร ติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา ที่
ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย (ผอ.นิกร เพ็งลี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น