ข้อสอบออนไลน์ ชุดใหม่
- ขอให้ทุกสถานศึกษาสังกัด
สพฐ.ออกใบแสดงผลการเรียนให้นักเรียนก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2556
- การรับนักเรียนชั้น ม.4 จำนวนนักเรียนไม่ควรเกิน 40 คนต่อห้อง หากจำเป็นก็ควรไม่เกิน 45 คนต่อห้อง และที่สำคัญคือไม่ควรเพิ่มจำนวนห้องเรียน ซึ่ง รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ สพฐ.สำรวจจำนวนนักเรียนจริงต่อห้องในโรงเรียนทั่วประเทศ
- เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าไปแนะแนวอาชีพ และวัดแววความถนัดนักเรียนในโรงเรียน สพฐ. พร้อมทั้งให้เข้าร่วมการประชุมผู้ปกครองของโรงเรียน เพื่อเสนอแนวทางการเรียนต่อสายอาชีวะ (Road Show) ด้วย
- ขอให้มีการสำรวจความสนใจในการเรียนต่อของนักเรียนชั้น ม.3 เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการแนะแนว
นายกมล
รอดคล้าย รอง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กล่าวว่า
สพฐ.มีความยินดีที่จะพิจารณาจำนวนนักเรียนต่อห้องเรียนในชั้น ม.4 ตามข้อเสนอ
โดยคาดว่าเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จะได้ประชุมหารือเพื่อปรับระเบียบการรับนักเรียนต่อไป ทั้งนี้
สพฐ.ได้เสนอแนวทางการส่งเสริมการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะว่า
จะจัดประชุมครูแนะแนวเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนสายอาชีวะ รวมทั้งเสนอแนะให้
สอศ.จัด Open House
เพื่อให้นักเรียนได้ทดลองเรียนหรือศึกษาดูงานในสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน
ตลอดกระบวนการตั้งแต่เรียนจนถึงทำงาน ได้แก่ การเรียน เรียนวิชาอะไร อย่างไร
บรรยากาศในการเรียน เมื่อจบแล้วมีงานทำหรือไม่ มีรายได้เท่าใด
เพื่อทำให้นักเรียนที่สนใจได้มองเห็นภาพรวมของการเรียนสายอาชีวะอย่างชัดเจนมากขึ้น
สำหรับปฏิทินการดำเนินงานที่
สพฐ./สอศ./สช./กศน.จะต้องดำเนินการร่วมกันในการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะ
มีดังนี้
- การจัดทำ School
mapping การรับนักเรียนอาชีวศึกษาระดับจังหวัด
- การจัดทำแผน Road Show และประชุมครูแนะแนวทุกสังกัด 5 ภูมิภาค ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556
- สอศ.จะร่วมกับสถานประกอบการ แนะนำอาชีพในโรงเรียนของ สพฐ. และวัดแววความถนัดทางช่าง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2556
- ประชาสัมพันธ์ภาพรวมการรับนักเรียนอาชีวศึกษาแนวใหม่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556-มีนาคม 2557
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
ติวสอบออนไลน์ ชุด เศรษฐกิจพอเพียง
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 357/2556
สอศ.ได้ขอความร่วมมือให้ สพฐ.ปรับแผนการรับนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษา ดังนี้ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. 21 ตุลาคม 2556 ศึกษาธิการ - นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารฝ่ายการเมือง ประชุมกับผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 ระหว่างเวลา 8.30-12.30 น. ณ ห้องประชุมจันทรเกษม โดยได้หารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติ ในประเด็นสำคัญต่างๆ ดังนี้
การเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษานายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ โดยกล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้รายงานข้อมูลการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษาตามนโยบายของ ศธ. ว่าในปีการศึกษา 2557 ได้วางแผนเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญ เป็น 45:55 และในปีการศึกษา 2558 จะเพิ่มขึ้นสัดส่วนเป็น 49:51 ซึ่งในปีการศึกษานี้ จะมีผู้สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 จำนวน 851,800 คน ดังนั้น สอศ.จึงได้กำหนดเป้าหมายในการรับผู้เรียน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เพื่อให้เป็นผู้เรียนสายสามัญเป็นร้อยละ 55 หรือจำนวน 468,490 คน และผู้เรียนสายอาชีพร้อยละ 45 หรือจำนวน 383,310 คน ที่จะเป็นอาชีวะรัฐร้อยละ 63 และอาชีวะเอกชนร้อยละ 37
- การรับนักเรียนชั้น ม.4 จำนวนนักเรียนไม่ควรเกิน 40 คนต่อห้อง หากจำเป็นก็ควรไม่เกิน 45 คนต่อห้อง และที่สำคัญคือไม่ควรเพิ่มจำนวนห้องเรียน ซึ่ง รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ สพฐ.สำรวจจำนวนนักเรียนจริงต่อห้องในโรงเรียนทั่วประเทศ
- เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าไปแนะแนวอาชีพ และวัดแววความถนัดนักเรียนในโรงเรียน สพฐ. พร้อมทั้งให้เข้าร่วมการประชุมผู้ปกครองของโรงเรียน เพื่อเสนอแนวทางการเรียนต่อสายอาชีวะ (Road Show) ด้วย
- ขอให้มีการสำรวจความสนใจในการเรียนต่อของนักเรียนชั้น ม.3 เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการแนะแนว
- การจัดทำแผน Road Show และประชุมครูแนะแนวทุกสังกัด 5 ภูมิภาค ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556
- สอศ.จะร่วมกับสถานประกอบการ แนะนำอาชีพในโรงเรียนของ สพฐ. และวัดแววความถนัดทางช่าง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2556
- ประชาสัมพันธ์ภาพรวมการรับนักเรียนอาชีวศึกษาแนวใหม่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556-มีนาคม 2557
-
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อการศึกษา
1) การ จัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา อยู่ในระหว่างการออกระเบียบสำนักนายกฯ
เพื่อจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมการผลิต วิจัย
และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
เพื่อสามารถใช้และรับเงินสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มากขึ้น
เพื่อเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และสอดคล้องกับความต้องการของการศึกษาชาติ
ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งได้ ภายใน 3 เดือนนี้
2)
แผนแม่บท ICT เพื่อการศึกษา
ศธ.จะต้องเป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนและกำหนดแผนแม่บท ICT
เพื่อการศึกษา เพื่อต้องการให้สามารถใช้ ICT
เพื่อการศึกษาเต็มระบบได้ภายในปี 2020 ซึ่ง รมว.ศธ.เห็นว่าควรมีเจ้าภาพที่ชัดเจนในการวางแผนจัดระบบต่อเนื่องกันไปในการจัดทำแผนแม่บท
ICT เพื่อการศึกษาที่ควรเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
นอกจากนี้ควรหาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์จากในประเทศและต่างประเทศ
เข้ามาช่วยวางแผนแม่บท ICT เพื่อการศึกษา
3)
เนื้อหาสาระที่จะบรรจุลงในแท็บเล็ต สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ได้รายงานความก้าวหน้าถึงแนวทางการจัดหาสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้
ที่ได้นำเสนอให้รับทราบแนวทางวิธีดำเนินการในปีงบประมาณ 2557 ที่จะมีการรวบรวมสื่อ
การจ้างที่ปรึกษาพัฒนา Application/e-Publishing/3D games มีการวางแผนจัดซื้อสื่อที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ
การจัดจ้างแปลงสื่อที่มีคุณภาพ การจัดเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบและเป็นหมวดหมู่
เพื่อเข้าถึงอย่างรวดเร็ว
รมว.ศธ. ฝากประเด็น
สื่อที่จะพัฒนาควรมีความครอบคลุมครบทุกรายวิชาหรือไม่
และการใช้สื่อควรพิจารณาในภาพรวมของ ศธ.
ซึ่งจะต้องโยงไปหลายเครื่องมือ นอกจากนี้ ควรมีการแปลสื่อ อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้ของต่างประเทศให้สอดคล้องกับบริบทและหลักสูตรของไทย
4)
Smart Classroom
สพฐ.ได้นำเสนอตัวอย่างและวิธีการจัดการเรียนการสอนด้วย Smart Classroom ซึ่ง รมว.ศธ. เห็นว่าสิ่งสำคัญของการเป็น Smart Classroom คือ วิธีสอนและวิธีเรียน
ที่จะต้องให้เด็กร่วมกันคิด ร่วมกันถกอภิปราย แสดงความเห็นร่วมกัน
โดยต้องนำผู้รู้ที่มีประสบการณ์มาช่วยวางระบบ
มีการเลือกโรงเรียนนำร่องให้คละกันทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่และโรงเรียนที่มีนักเรียนอ่อนมากๆ
เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนได้ว่ามีผลเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
ให้ เห็นถึงผลของการใช้ที่เหมาะสมมากกว่าไปเน้นที่จัดซื้อราคามหาศาล
แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการเรียนการสอน และในการวางแผนขอให้คิดเป็นระบบ เช่น
พิจารณาไปถึงการให้ครูไปศึกษาดูงาน Smart Classroom
ในต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
หรืออาจร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการถอดบทเรียนมาใช้ประโยชน์และร่วมพัฒนา
Smart Classroom ให้ตรงตามคอนเซ็ปท์
และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้านการใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา
และสอดคล้องกับนโยบายในการนำ ICT
มาใช้เพื่อการศึกษาต่อไป
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
-
การเรียนการสอนภาษา
1) ภาษาต่างประเทศ
สพฐ.ได้นำเสนอยุทธศาสตร์การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พ.ศ.2556-2561
ที่ได้วางแผนจัดทำแนวทางการพัฒนาและสร้างครู การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา
การพัฒนาและส่งเสริมการใช้สื่อและนวัตกรรม
การพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้โครงการพิเศษ การพัฒนาระบบบริหารจัดการ
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ระหว่างภาคเรียนและปิดภาคเรียน
การประเมินผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน และการวิจัยเพื่อพัฒนา
รมว.ศธ.ได้ฝากข้อคิดว่า
เราต้องการผลลัพธ์แบบใด เพราะการสอนภาษาต่างประเทศหากทำแบบรดน้ำไปทั่ว
ก็ไม่ค่อยได้ผล
และมีความจำเป็นที่จะต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนหรือการทดสอบภาษาอังกฤษของไทยกันมากน้อยเพียงใด
โดยเฉพาะการสอนภาษาที่ควรเน้นให้สามารถสื่อสารได้ ไม่ใช่เน้นที่ Grammar ซึ่งวิธีการสอนที่สำคัญคือ จะต้องมีครูเจ้าของภาษา
(Native Speakers) เข้ามาช่วยสอน
มีการนำสื่อที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน
และการสอนภาษาต่างประเทศให้ได้ผลมากๆ คือ ต้องเรียนแบบเข้ม (Intensive) เช่น
มีการจัดค่ายภาษาในช่วงปิดเทอมที่ใช้เวลามากพอสมควร 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป
หรือจัดห้องเรียนที่เน้นการสนทนา (Conversation
Class) ซึ่งหากเป็นโรงเรียนเล็กๆ
ที่ไม่มีครูภาษาอังกฤษอาจจะเริ่มต้นลำบาก ดังนั้น สพฐ.ต้องมาช่วยดูแลมากขึ้น
แต่โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีครูสอนภาษาอังกฤษโดยตรง ก็ยังไม่มี Class
แบบนี้มากนัก ในส่วนของอาชีวศึกษา
หากเทอมสุดท้ายสามารถสอนภาษาอังกฤษอย่างเดียว หรือสอนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นในสัดส่วน
80%
ก็จะทำให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เท่าที่จำเป็นต่อการทำงานในสถานประกอบการ
เมื่อจบออกไปสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อประโยชน์ในการทำงานได้ทันที
2)
ภาษาไทย
สพฐ.ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในโครงการสแกนนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
ที่จะมีแผนดำเนินการในปีต่อๆ ไป ที่จะมีการ "เร่ง เริ่ม เสริม สร้าง"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการระดมช่วยเหลือนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในระดับชั้นต่างๆ
อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยโยงไปกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อยกระดับผลการทดสอบ
PISA ซึ่ง
สพฐ.จะเป็นเจ้าภาพหลักในการยกร่างคณะกรรมการระดับนโยบาย ที่มี รมว.ศธ.เป็นประธาน
และคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ที่จะต้องเชื่อมกับหลายหน่วยงาน โดย
รมว.ศธ.ขอให้เร่งหารือกับ ศ.พิเศษภาวิช ทองโรจน์
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการต่อไป
สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
... เน็ตเร็ว คลิ๊กที่ www.tuewsob.com
... เน็ตช้า คลิ๊กที่ http://tuewsob.blogspot.com
... ห้องวิชาเอกครู คลิ๊กที่ http://uewsob2011.blogspot.com
... (ห้องข้อสอบใหม่) ..สอบครู..สอบผู้บริหาร..สอบบุค ลากร ที่
"ติวสอบดอทคอม "
ผอ.นิกร เพ็งลี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น