วันที่ 28 เม.ย.58 ที่ห้อง 402 อาคารกัวลาลัมเปอร์ คอนเวนชันเซ็นเตอร์ ที่กรุงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 เม.ย.58 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือข้อราชการกับ ดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแสดงความยินดีกับมาเลเซียในการทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน ในปีที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของอาเซียน และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี จะทำอาเซียนมีความก้าวหน้า และไทยพร้อมสนับสนุนมาเลเซียอย่างเต็มที่ โดยทั้งสองฝ่ายต่างพอใจกับภาพรวมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศที่อยู่ในระดับที่ดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำการเชิญท่านนายกรัฐมนตรีเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมหารือประจำปีครั้งที่ 6 ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคาดว่า น่าจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ และแสดงความยินดีที่จะได้พบกับฝ่ายไทยเพื่อหารือกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ในโอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณมาเลเซียที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดน และย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ โดยยึดหลักสันติวิธี และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคมในพื้นที่ซึ่งผู้นำมาเลเซียได้ยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยตามห้วงเวลาใดก็ตามที่ไทยเห็นว่าเหมาะสม นอกจากนี้ ไทยได้แสดงความต้องการที่จะร่วมมือกับฝ่ายมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาการเดินรถผู้โดยสารในพื้นที่ชายแดนเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องนี้ต่อไปด้วย สำหรับความร่วมมือด้านยางพารา นายกรัฐมนตรีได้ย้ำที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านยางพารากับฝ่ายมาเลเซีย เนื่องจากปัญหาราคายางตกต่ำในปัจจุบัน ส่งผลต่อภาคเกตรของทั้ง 2 ประเทศ
นายกฯไทย-เวียดนาม หารือทวิภาคีเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติ
เมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 27 เม.ย58ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ นายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ โรงแรม Meritus Pelangi เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย
ภายหลังการหารือ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่าพล.อ.ประยุทธ์กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง โดยเห็นว่าความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามมีความคืบหน้า ตั้งแต่การเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา และใช้โอกาสนี้ขอบคุณรัฐบาลเวียดนาม ที่ได้จะกราบบังคมทูลฯเชิญ สมเด็จพระเทพพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนในฐานะแขกของรัฐบาล ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558
ด้านความสัมพันธ์ ไทย- เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อผลสำเร็จ ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย-เวียดนาม (เจซีบีซี) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19-20 มีนาคม 2558 โดยพล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเวียดนามเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นประธานร่วมในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 ด้วย เพื่อผลักดันความมือที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามหวังว่า จะมีการพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ จากนี้ไป โดยเฉพาะด้านแรงงาน ที่น่าจะมีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้ทันในช่วงการประชุมดังกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามเห็นว่า ทั้งสองประเทศควรเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 40 ปีในปี 2559 ด้วยด้านความร่วมมือด้านการคมนาคม และการพัฒนาความเชื่อมโยง เวียดนามได้ตอบรับที่จะร่วมมือกับไทย ในการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ โดยไทยเสนอให้มีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มเรือท่องเที่ยวชายฝั่ง การเพิ่มเที่ยวบิน charter flight และส่งเสริมท่าเรือสำหรับจอดเรือยอร์ช ที่สมุยกับภูเก็ต โดยหวังที่จะเชื่อมโยงสู่เมืองท่องเที่ยวในเวียดนามด้วย
ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองต่างยืนยัน ความตั้งใจที่จะขยายการค้าระหว่างกัน ให้บรรลุเป้าหมาย 15,000 ล้นดอลลาร์สหรัฐ ภายใน5ปี (2020) และหากเป็นไปได้ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะเร่งรัดให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวในเวลาที่เร็วขึ้น นอกจากนี้ ไทยพร้อมที่จะสนับสนุน การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม เพื่อลดการขาดดุลการค้ากับไทย และจะสนับสนุนการจัดการแสดงสินค้าเวียดนามในไทย โดยในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ เวียดนามพิจารณาผ่อนผันการระงับการออกใบอนุญาตนำเข้าชั่วคราวสำหรับผลไม้ 4 ชนิดของไทย (มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย และเงาะ) ซึ่งเวียดนามรับที่จะไปพิจารณาในรายละเอียด
ด้านการลงทุน ไทยขอบคุณเวียดนามที่สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทย และไทยยินดีที่จะสนับสนุนการลงทุนของธุรกิจเวียดนามเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ไทยเห็นว่า เวียดนามอาจจะพิจารณา สนับสนุนให้ธนาคารเวียดนามเปิดสาขาในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นก้าวแรก ในการอำนวยความสะดวก แก่การค้าและการลงทุนของเวียดนามในไทยความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ความพยายามของไทยในการดูแลแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแรงงานเวียดนามในประเทศไทยด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องแรงงานประมงในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม เนื่องจากไทยยังขาดแคลนแรงงานประมงอยู่มาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีความร่วมมือเรื่องการทำการประมงร่วมกัน ระหว่างไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ความร่วมมือด้านการเกษตร นายกรัฐมนตรีต้องการที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรให้มากขึ้น โดยเฉพาะยางพาราและข้าว เนื่องจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในปัจจุบัน ส่งผลต่อภาคเกษตรของทั้ง 2 ประเทศ
ด้านนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์ในทุกมิติ พร้อมตอบรับคำเชิญให้เวียดนามประชุม ครม.ร่วมอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 และการดูแลคนเวียดนามที่อยู่ในประเทศไทยเป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น