เรื่องใหม่น่าสนใจ
-นโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
http://tuewsob.blogspot.com/2015/09/blog-post_93.html
-เขตที่เปิดสอบ-เกณฑ์สอบ-กำหนดการสอบครูผู้ช่วย รอบ 2 / 2558
-เกณฑ์การย้ายครู พ.ศ.2558 http://www.otepc.go.th/images/document/2558/v16-2558.pdf
-รัฐธรรมนูญ 2557 แก้ไข ครั้งที่ 1 พ.ศ.2558
- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558
http://tuewsob.blogspot.com/2015/05/4-10-1-57.html
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ โดย อ.นิกร
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ โดย อ.นิกร
เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่
กรมโรงงานฯ เผย 4 จังหวัดปั้นต้นแบบเมืองอุตฯ เชิงนิเวศเทียบญี่ปุ่น
กรมโรงงานอุตสาหกรรมเผยกุญแจสำคัญสู่การผลักดันเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ไทยเทียบชั้นญี่ปุ่น กำหนดความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Town) ไว้ 5 ระดับ เทียบเท่าระดับสากล ล่าสุดผลการเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4 จังหวัด หวังผลักดันโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ รวม 155 โรงงาน สู่การเป็นเมืองสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มุ่งหวังที่จะยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้ทัดเทียมกับต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้นำสังคมที่ใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ ที่ใช้เทคโนโลยีเชื้อเพลิงและพลังงานใหม่ๆ มาทดแทนคาร์บอน แต่ยังคงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนา Eco town ประเทศหนึ่งในโลก ขณะเดียวกัน ประเทศเดนมาร์กก็มีการจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับแนวหน้าของโลกในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมพึ่งพาซึ่งกันและกัน (Industrial Symbiosis)
สำหรับการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในประเทศไทยที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยมีบทเรียนจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง กระทรวงอุตสาหกรรมจึงผลักดันและให้ความสำคัญต่อการประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยที่สุดหรือไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเลย ซึ่งกุญแจสำคัญในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
“ประเทศไทยจะก้าวสู่ความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างสมบูรณ์และสามารถยกระดับให้ทัดเทียมระดับสากลได้ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนคือ ความร่วมมือกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เนื่องจากเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็นการพัฒนา และบริหารโดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน พร้อมทั้งประสาน สนับสนุนการพัฒนาชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่อุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ครอบคลุมทุกพื้นที่ใน 5 มิติ ได้แก่ ด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการ” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ให้เป็นหน่วยงานหลักในการประสานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศในเรื่องการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ปี 2555 โดยโครงการหนึ่งที่สำคัญในปี 2558 นี้คือโครงการ “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” (Eco Town Center) ได้พัฒนาพื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรม 4 แห่ง 4 จังหวัด ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี จังหวัดสระบุรี
ทั้งนี้ ได้มุ่งเน้นให้องค์ความรู้แก่ผู้ประกอบกิจการในเขตอุตสาหกรรมเป้าหมายว่าด้วยการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการปลดปล่อยของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศ การปรับพฤติกรรมการบริโภค ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิกเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Network) การศึกษาดูงานโรงงานที่ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 และระดับที่ 5 การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมสู่ CSR-DIW (Corporate Social Responsibility) พร้อมทั้งได้คัดเลือกโรงงานอุตสาหกรรมที่เหมาะสม 3 โรงงาน ให้เข้าร่วมกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ของกากอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ รวม 155 โรงงาน คิดเป็น 52.7% จากโรงงานที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย 4 จังหวัดทั้งหมด 294 โรง นอกจากนี้ กรอ.ได้เตรียมการในการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการกากอุตสาหกรรมประจำเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่การให้ความรู้ สำรวจข้อมูลการจัดการกากอุตสาหกรรม คัดเลือกโรงงานเป้าหมายที่สามารถแลกเปลี่ยนกากอุตสาหกรรมซึ่งกันและกัน รวมถึงการวิเคราะห์การไหลของสารโดยใช้ Material Flow Analysis (MFA) ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณาร่วมกับการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และภัยคุกคาม เพื่อนำไปกำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ สำหรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมในพื้นที่นั้นๆ
กรมโรงงานอุตสาหกรรมเผยกุญแจสำคัญสู่การผลักดันเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ไทยเทียบชั้นญี่ปุ่น กำหนดความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Town) ไว้ 5 ระดับ เทียบเท่าระดับสากล ล่าสุดผลการเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4 จังหวัด หวังผลักดันโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ รวม 155 โรงงาน สู่การเป็นเมืองสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มุ่งหวังที่จะยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้ทัดเทียมกับต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้นำสังคมที่ใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ ที่ใช้เทคโนโลยีเชื้อเพลิงและพลังงานใหม่ๆ มาทดแทนคาร์บอน แต่ยังคงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนา Eco town ประเทศหนึ่งในโลก ขณะเดียวกัน ประเทศเดนมาร์กก็มีการจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับแนวหน้าของโลกในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมพึ่งพาซึ่งกันและกัน (Industrial Symbiosis)
สำหรับการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในประเทศไทยที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยมีบทเรียนจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง กระทรวงอุตสาหกรรมจึงผลักดันและให้ความสำคัญต่อการประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยที่สุดหรือไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเลย ซึ่งกุญแจสำคัญในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
“ประเทศไทยจะก้าวสู่ความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างสมบูรณ์และสามารถยกระดับให้ทัดเทียมระดับสากลได้ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนคือ ความร่วมมือกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เนื่องจากเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็นการพัฒนา และบริหารโดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน พร้อมทั้งประสาน สนับสนุนการพัฒนาชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่อุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ครอบคลุมทุกพื้นที่ใน 5 มิติ ได้แก่ ด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการ” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ให้เป็นหน่วยงานหลักในการประสานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศในเรื่องการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ปี 2555 โดยโครงการหนึ่งที่สำคัญในปี 2558 นี้คือโครงการ “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” (Eco Town Center) ได้พัฒนาพื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรม 4 แห่ง 4 จังหวัด ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี จังหวัดสระบุรี
ทั้งนี้ ได้มุ่งเน้นให้องค์ความรู้แก่ผู้ประกอบกิจการในเขตอุตสาหกรรมเป้าหมายว่าด้วยการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการปลดปล่อยของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศ การปรับพฤติกรรมการบริโภค ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิกเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Network) การศึกษาดูงานโรงงานที่ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 และระดับที่ 5 การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมสู่ CSR-DIW (Corporate Social Responsibility) พร้อมทั้งได้คัดเลือกโรงงานอุตสาหกรรมที่เหมาะสม 3 โรงงาน ให้เข้าร่วมกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ของกากอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ รวม 155 โรงงาน คิดเป็น 52.7% จากโรงงานที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย 4 จังหวัดทั้งหมด 294 โรง นอกจากนี้ กรอ.ได้เตรียมการในการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการกากอุตสาหกรรมประจำเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่การให้ความรู้ สำรวจข้อมูลการจัดการกากอุตสาหกรรม คัดเลือกโรงงานเป้าหมายที่สามารถแลกเปลี่ยนกากอุตสาหกรรมซึ่งกันและกัน รวมถึงการวิเคราะห์การไหลของสารโดยใช้ Material Flow Analysis (MFA) ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณาร่วมกับการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และภัยคุกคาม เพื่อนำไปกำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ สำหรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมในพื้นที่นั้นๆ
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มุ่งหวังที่จะยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้ทัดเทียมกับต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้นำสังคมที่ใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ ที่ใช้เทคโนโลยีเชื้อเพลิงและพลังงานใหม่ๆ มาทดแทนคาร์บอน แต่ยังคงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนา Eco town ประเทศหนึ่งในโลก ขณะเดียวกัน ประเทศเดนมาร์กก็มีการจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับแนวหน้าของโลกในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมพึ่งพาซึ่งกันและกัน (Industrial Symbiosis)
สำหรับการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในประเทศไทยที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยมีบทเรียนจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง กระทรวงอุตสาหกรรมจึงผลักดันและให้ความสำคัญต่อการประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยที่สุดหรือไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเลย ซึ่งกุญแจสำคัญในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
“ประเทศไทยจะก้าวสู่ความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างสมบูรณ์และสามารถยกระดับให้ทัดเทียมระดับสากลได้ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนคือ ความร่วมมือกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เนื่องจากเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็นการพัฒนา และบริหารโดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน พร้อมทั้งประสาน สนับสนุนการพัฒนาชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่อุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ครอบคลุมทุกพื้นที่ใน 5 มิติ ได้แก่ ด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการ” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ให้เป็นหน่วยงานหลักในการประสานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศในเรื่องการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ปี 2555 โดยโครงการหนึ่งที่สำคัญในปี 2558 นี้คือโครงการ “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” (Eco Town Center) ได้พัฒนาพื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรม 4 แห่ง 4 จังหวัด ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี จังหวัดสระบุรี
ทั้งนี้ ได้มุ่งเน้นให้องค์ความรู้แก่ผู้ประกอบกิจการในเขตอุตสาหกรรมเป้าหมายว่าด้วยการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการปลดปล่อยของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศ การปรับพฤติกรรมการบริโภค ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิกเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Network) การศึกษาดูงานโรงงานที่ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 และระดับที่ 5 การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมสู่ CSR-DIW (Corporate Social Responsibility) พร้อมทั้งได้คัดเลือกโรงงานอุตสาหกรรมที่เหมาะสม 3 โรงงาน ให้เข้าร่วมกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ของกากอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ รวม 155 โรงงาน คิดเป็น 52.7% จากโรงงานที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย 4 จังหวัดทั้งหมด 294 โรง นอกจากนี้ กรอ.ได้เตรียมการในการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการกากอุตสาหกรรมประจำเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่การให้ความรู้ สำรวจข้อมูลการจัดการกากอุตสาหกรรม คัดเลือกโรงงานเป้าหมายที่สามารถแลกเปลี่ยนกากอุตสาหกรรมซึ่งกันและกัน รวมถึงการวิเคราะห์การไหลของสารโดยใช้ Material Flow Analysis (MFA) ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณาร่วมกับการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และภัยคุกคาม เพื่อนำไปกำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ สำหรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมในพื้นที่นั้นๆ
ที่มา ; เว็บ นสพ.ผู้จัดการ
ฟรี... ห้องเตรียม-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
ฟรี... ห้องเตรียม-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
(พัฒนาความรู้เตรียมครู-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
(พัฒนาความรู้เตรียมครู-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น