ความคืบหน้าเหตุสังหารหมู่กลางกรุงปารีส ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 129 คน และมีผู้บาดเจ็บ 352 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 99 คน ขณะที่การสอบสวนมีความคืบหน้าเมื่อสามารถระบุตัวร้ายได้บ้างแล้ว
ล่าสุดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558 นายฟรังซัวส์ โมแลง อัยการฝรั่งเศส แถลงเมื่อวันเสาร์ (14 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า คนร้ายมีทั้งหมด 7 คนไม่ใช่ 8 คน ตามที่ให้ข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งหมดสวมเสื้อระเบิดพลีชีพที่ใช้สารอะซีโตนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์ระเบิดแรงสูงแบบเดียวกับที่ใช้ในการก่อการร้ายหลายครั้งก่อนหน้า รวมถึงระเบิดในกรุงลอนดอนเมื่อปี 2548 กับมีปืนไรเฟิลเป็นอาวุธ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม แยกย้ายกันก่อเหตุโจมตีหลายจุดในเวลาไล่เลี่ยกัน
ตำรวจฝรั่งเศสสามารถระบุตัวผู้ก่อการร้ายได้แล้ว 1 คน จากการตรวจสอบลายนิ้วมือจากชิ้นส่วนปลายนิ้วมือที่พบที่คอนเสิร์ตฮอลล์ บาตาคลอง ซึ่งมีคนร้ายจุดระเบิดฆ่าตัวตาย 3 ราย หลังหน่วยคอมมานโดบุกช่วยตัวประกัน
ชายคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2528 ในย่านคูคูฮอน เขตเอสซอน มีประวัติกระทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ หลายครั้ง โดยถูกตัดสินว่า กระทำความผิดถึง 8 ครั้ง แต่ไม่เคยติดคุก ประวัติของเขาถูกบันทึกด้วยตัวอักษรเอส (S) หมายถึงมีแนวคิดหัวรุนแรง แต่ยังไม่เคยถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้าย
สื่อและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุชื่อผู้ต้องสงสัยคือ อิสมาเอล โอมาร์ มอสเตฟาย วัย 29 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เชื้อสายแอลจีเรีย อาศัยอยู่ในเมืองชาทร์ จนถึงปี 2555
ต่อมาตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้าน และควบคุมตัวพี่หรือน้องชายกับบิดาของเขาไปสอบถามเพิ่มเติม ตามกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมบุคคลทั้งสองได้ 96 ชั่วโมง หากไม่แจ้งข้อหาจะต้องปล่อยตัว
นายฟรังซัวส์ เปิดเผยด้วยว่า พบหนังสือเดินทางซีเรียใกล้กับศพหนึ่งในคนร้าย ที่ด้านนอกสนามกีฬาสต๊าด เดอ ฟรองซ์ และไม่เป็นที่รู้จักของหน่วยข่าวกรองฝรั่งเศส แต่อัยการไม่ได้พูดชัดถึงขั้นว่าเป็นหนังสือเดินทางของผู้ตาย
การค้นพบหนังสือเดินทางซีเรียใกล้กับร่างคนร้ายจุดคำถามว่า ผู้ก่อการร้ายบางส่วนอาจเล็ดลอดเข้ายุโรปปะปนไปกับคลื่นผู้อพยพหนีภัยสงครามซีเรีย
นายนิคอส โทสคาส รัฐมนตรีคุ้มครองพลเมืองของกรีซ ยืนยันว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางซีเรียที่ว่านี้ เคยผ่านมายังเกาะเลรอสของกรีซ ซึ่งเป็นจุดผ่านหลักของการอพยพเข้ายุโรปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม และเข้าสู่ขั้นตอนการขอลี้ภัย แต่ไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าหนังสือเดินทางอาจมีการเปลี่ยนมือก่อนเหตุโจมตี
ขณะที่สื่อในเซอร์เบียอ้างว่า หนึ่งในผู้ก่อการร้ายปารีสคือ นายอาห์เหม็ด อัลมูฮาเหม็ด วัย 25 ปี ถือหนังสือเดินทางซีเรีย เป็นหนึ่งในมือระเบิดที่บาตาคลอง คอนเสิร์ตฮอลล์ ซึ่งเป็นจุดมีผู้เสียชีวิต 89 คน จากการกราดยิง นายอัลมูฮาเหม็ด กับมือระเบิดอีกคนหนึ่ง เดินทางเข้ายุโรปผ่านทางเกาะเลรอสของกรีซเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม
สหรัฐส่งเอฟบีไอช่วยสอบสวน
สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ของสหรัฐ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังกรุงปารีสเพื่อช่วยสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ที่ส่งมีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ และเมื่อฝรั่งเศสสามารถสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับเครือข่ายของผู้ก่อการร้ายและเส้นทางการเดินทางของคนกลุ่มนี้
เอฟบีไอคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ชุดนี้จะช่วยส่งข้อมูลกลับสหรัฐเพื่อจะได้สืบค้นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวอเมริกันหรือไม่ ที่ผ่านมาเอฟบีไอใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการสืบหาความเชื่อมโยงจากโซเชียลมีเดียระหว่างผู้ก่อเหตุและประชาชนในสหรัฐ
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนฝรั่งเศสยังกำลังทำงานร่วมกับเบลเยียม หลังพบว่ารถยนต์คันหนึ่งที่นำมาใช้ในการโจมตีที่คอนเสิร์ตฮอลล์เป็นรถที่ชาวฝรั่งเศสพำนักในเบลเยียมเช่ามา ตำรวจเบลเยียมจับกุมบุคคลผู้นี้ขณะขับรถอีกคันเมื่อวันเสาร์ โดยรวมแล้วมีชาย 3 คนถูกตำรวจเบลเยียมควบคุมตัวในประเด็นการเช่ารถ
ที่เยอรมนี ทางการสอบสวนความเชื่อมโยงเหตุโจมตีในปารีส กับการจับกุมชายขณะขับรถยนต์บรรทุกอาวุธและระเบิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เผยมือระเบิดพยายามเข้าสนาม
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างการเปิดเผยของตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า หนึ่งในคนร้ายที่โจมตีหน้าสนามกีฬาสต๊าด เดอ ฟรองซ์ มีตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี และพยายามที่จะเข้าไปในสนามจุ 8 หมื่น
ที่นั่ง
นายโซแอร์ พนักงาน รปภ.เล่าว่า หลังการแข่งขันผ่านไปได้ 15 นาที คนร้ายพยายามจะเข้าไปข้างในสนาม แต่เมื่อค้นตัวที่ประตูทางเข้าพบว่าสวมเสื้อระเบิดพลีชีพอยู่ คนร้ายจึงพยายามวิ่งหนีและจุดระเบิด ตำรวจอีกนายเปิดเผยในทำนองเดียวว่า คนร้ายมุ่งเข้าไปจุดระเบิดข้างใน เพื่อพยายามให้เกิดความแตกตื่นเหยียบกันตาย
3 นาทีหลังจากนั้น ชายอีกคนจุดระเบิดที่หน้าสนาม และคนที่ 3 จุดระเบิดที่ร้านแมคโดนัลด์ฝั่งตรงข้าม
เหตุระเบิดเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกการแข่งขัน เสียงดังสนั่น 2 ครั้ง ได้ยินอย่างชัดเจนในสนามและผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ แต่เสียงดังที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติระหว่างการแข่งขันฟุตบอลในยุโรป เพราะบางครั้งแฟนบอลก็จุดประทัด จึงไม่มีคนเอะใจในตอนแรกว่าเป็นเสียงระเบิด
ผู้นำมุสลิมทั่วโลกประณาม
อินดิเพนเดนท์ ในอังกฤษรายงานว่า ผู้นำมุสลิมทั่วโลกพากันประณามการโจมตีในกรุงปารีส ตั้งแต่ก่อนไอเอสจะออกแถลงการณ์ว่าเป็นผู้ลงมือ ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานีแห่งอิหร่าน ประณามว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ส่วนนายคาหลิด อัล อัตติเยาะห์ รัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ ระบุว่าเป็นการกระทำที่น่าขยะแขยง ชีคซาบาห์ อัล ซาบาห์ เจ้าผู้ครองรัฐคูเวต กล่าวว่า การโจมตีปารีสเป็นการก่อการร้ายที่ขัดหลักคำสอนทุกศาสนาและมนุษยธรรม
กลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซาและสหรัฐกับอียูถือเป็นกลุ่มก่อการร้าย ประณามการโจมตีในปารีสว่าก้าวร้าวและป่าเถื่อน และการกระทำของไอเอสไม่มีความเสี่ยงข้องกับอิสลาม ส่วนอิสลามิค ญีฮัด ระบุว่า เป็นอาชญากรรมต่อประชาผู้บริสุทธิ์ สร้างความเกลียดชัง และกล่าวด้วยว่าศาสนาอิสลามปฏิเสธการประหัตประหารอย่างไม่เลือกเป้าหมายเช่นนี้
นายเยน สโตลเทนเบิร์ก ผู้บัญชาการนาโต กล่าวย้ำเช่นกันว่า การโจมตีในปารีส ตอกย้ำถึงการต่อสู้ระหว่างพวกสุดโต่ง อาชญากร กับคนที่่เชื่อในเสรีภาพและการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่การต่อสู่ระหว่างอิสลามกับโลกตะวันตก เวลานี้ชาวมุสลิมเป็นผู้นำในการต่อสู้กับไอเอสเช่นกัน ทั้งในตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ เพราะพวกเขาเผชิญความสูญเสียมากที่สุด
สหภาพยุโรปประกาศว่าจะจัดให้มีการสงบนิ่งไว้อาลัยนาน 1 นาทีใน 28 ประเทศสมาชิกในวันจันทร์นี้ (16 พ.ย.) โดยเชิญชวนให้ปราชนราว 510 ล้านคน ร่วมไว้อาลัยในเวลาเที่ยงวันตามเวลาท้องถิ่น หรือ 18.00 น.ตามเวลาไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น