หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567
พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ศธ.ประชุมจัดงาน "วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ

อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง) 
เรื่องใหม่น่าสนใจ  (ทั้งหมด ที่ ) 




(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข


40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ 


เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม 

คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร


 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

ติวสอบ รอง ผอ.เขต 


(25 กุมภาพันธ์ 2563) นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 128 ปี ครั้งที่ 1/2563 โดยมีผู้บริหารเข้าร่วม อาทิ นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และรองโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งคณะกรรมการเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ โดยมีประเด็นสำคัญจากการประชุม สรุปดังนี้
รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานฯ
ที่ประชุมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 128 ปี โดย รมว.ศธ., รมช.ศธ., ปลัด ศธ. และเลขาธิการองค์กรหลักเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาการจัดงาน, ปลัด ศธ. เป็นประธานกรรมการ, รองปลัด ศธ. และรองเลขาธิการองค์กรหลัก เป็นรองประธานกรรมการ, หัวหน้าผู้ตรวจราชการ และเลขาธิการ 3 สำนักบริหาร หน่วยงานในกำกับ ผู้แทนทุกองค์กรหลัก เป็นกรรมการ, โดย ผอ.สำนักอำนวยการ สป. เป็นกรรมการและเลขานุการ
รับทราบความก้าวหน้าการจัดทำหนังสือที่ระลึก 128 ปี ศธ.
ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการจัดทำหนังสือที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 128 ปี ซึ่ง ปลัด ศธ. เป็นประธานกรรมการ ขณะนี้มีความคืบหน้าในการจัดทำแล้วร้อยละ 80 โดยสรุปสาระสำคัญโครงร่างหนังสือที่ระลึก ดังนี้
  1. พิมพ์จำนวน 3,000 เล่ม
  2. การจัดทำเนื้อหา โดยประมาณ 270 หน้า แบ่งเนื้อหาออกเป็น 6 ส่วน
    – ประมวลภาพการเปิดพิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย
    – การศึกษาไทยตั้งแต่ในอดีตกาลและพัฒนาการเรียนการสอน
    – สัญลักษณ์ต่าง ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ
    – วิสัยทัศน์ ทิศทางการดำเนินงานด้านการศึกษาในปี 2563-2564 และแนวโน้มในอนาคต
    – ส่วนหนึ่งจากความภาคภูมิใจในอาชีพด้านการศึกษา
    – ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ผู้ทำคุณประโยชน์)
  3. การมอบหมายงาน จะจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกฯ ได้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยจะจัดส่งให้ สป. 500 เล่ม รวมทั้งจัดส่งให้ห้องสมุดและผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ ศธ. 2,100 เล่ม อีก 400 เล่ม มอบให้ผู้บริหาร บุคคล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นหลักฐานที่กระทรวงศึกษาธิการต่อไป
รับทราบการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ ศธ. ประจำปี 2563
ที่ประชุมรับทราบผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2563 จำนวน 89 ราย ดังนี้
  1. สำนักงานรัฐมนตรี 3 ราย
  2. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 25 ราย
  3. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 3 ราย
  4. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 22 ราย
  5. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 14  ราย
  6. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  4 ราย
  7. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา  1 ราย
  8. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา 4  ราย
  9. โรงเรียนมหิดลวิทยานสรณ์  1  ราย
  10. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ 1  ราย
  11. สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ 1  ราย
  12. โควตาสำรองส่วนกลางฯ  10 ราย
    รวมทั้งสิ้น 89 ราย
กำหนดการ
วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 128 ปี
วันพุธที่ 1 เมษายน 2563

ที่มาเว็บ กระทรวงศึกษาธิการ  

 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

ติวสอบ รอง ผอ.เขต 
โดย  อ./ผอ.นิกร  ติวสอบดอทคอม 


(ฟรีสรุป-ข้อสอบ-เฉลย ภาค กขค)

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ติวสอบ ความรอบรู้สัปดาห์ 16-22 ก.พ.2563

อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง) 
เรื่องใหม่น่าสนใจ  (ทั้งหมด ที่ ) 




(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข


40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ 


เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม 

คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร


 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

ติวสอบ รอง ผอ.เขต 

ติวสอบ ความรอบรู้สัปดาห์ 16-22 ก.พ.2563

เผยแพร่:    โดย: ผู้จัดการออนไลน์

1.ศาล รธน.มีมติ 7 ต่อ 2 ยุบพรรค “อนาคตใหม่” พร้อมตัดสิทธิ กก.บห.10 ปี ด้าน “ธนาธร” ประกาศตั้ง “คณะอนาคตใหม่”!
(ขวา) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. (ซ้าย) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค อนค.
(ขวา) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. (ซ้าย) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค อนค.

เมื่อวันที่ 21ก.พ. ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 กรณีพรรค อนค. กู้ยืมเงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จำนวน 191.2 ล้านบาท โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ให้ยุบพรรค อนค. เนื่องจากเห็นว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และมีมติให้สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ณ วันที่มีการทำสัญญากู้เงินคือ วันที่ 2 ม.ค. 2562 และ 11 เม.ย. 2562 เป็นเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุตอนหนึ่งว่า การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองต้องอาศัยรายได้ของพรรค ซึ่งตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กำหนดแหล่งที่มาไว้ในมาตรา 62 ดังนั้นเงินส่วนใดที่พรรคนำมาใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งไม่มีแหล่งที่มาจากที่กฎหมายระบุไว้ ย่อมถือว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยบทบัญญัติตามมาตรา 62 แม้ พ.ร.ป. นี้ไม่ได้บัญญัติห้ามการกู้เงินไว้โดยชัดเจน แต่ก็ไม่ได้รับรองว่าให้กระทำได้ ประกอบกับพรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน "เงินกู้ แม้ไม่ได้เป็นรายได้ แต่ก็เป็นรายรับและเงินทางการเมือง การได้มาและใช้จ่ายเงินเพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง จึงกระทำได้ตามขอบเขตที่กำหนดไว้เท่านั้น"
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุด้วยว่า ในงบการเงินของ อนค. เมื่อปี 2561 ที่แจ้งต่อ กกต.ว่าพรรคมีรายได้รวม 71.1 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 72.6 ล้านบาท ถือว่ามีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ 1.4 ล้านบาท แต่ผู้ถูกร้องกลับทำสัญญากู้เงินจากนายธนาธร 2 ฉบับ รวมวงเงิน 191.2 ล้านบาท โดยการคิดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ถือเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมือง
แม้ผู้ถูกร้องจะได้ชำระหนี้บางส่วนแก่ผู้กู้หลายครั้ง แต่การชำระหนี้ครั้งแรกเกิดขึ้นภายหลังทำสัญญากู้เงินฉบับแรกเพียง 2 วัน ส่วนการทำสัญญากู้เงินฉบับที่สอง โดยที่ยังมีหนี้เงินกู้ค้างชำระอยู่ ก็ไม่เป็นไปตามปกติวิสัย เมื่อรวมประโยชน์อื่นใด กับเงินที่นายธนาธรบริจาคให้พรรค 8.5 ล้านบาทแล้ว ย่อมชัดแจ้งว่าเป็นการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปี อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 66 วรรคสอง
จากข้อเท็จจริง พฤติการณ์ และหลักฐานดังกล่าวจึงเห็นว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นว่า "การกู้ยืมเงินของผู้ถูกร้อง จึงมีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น ตามมาตรา 66 เมื่อการรับบริจาคดังกล่าวต้องห้ามตามมาตรา 66 จึงเป็นการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น อันรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 72 จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 อันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา 92 วรรคสอง"
ส่วนที่ อนค. โต้แย้งว่า กกต. ไม่มีอำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ได้สั่งยุติเรื่องไปแล้วนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า "ความเห็นผู้ร้อง (กกต.) เป็นอิสระ ไม่ได้ผูกพันตามความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ" และ "กระบวนการดำเนินคดีอาญากับคดียุบพรรคแยกเป็นอิสระต่อกัน" การยื่นคำร้องของผู้ร้องจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
สำหรับมติยุบพรรค อนค. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 7 เสียง ประกอบด้วย นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายจรัญ ภักดีธนากุล, นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายบุญส่ง กุลบุปผา, นายปัญญา อุดชาชน, นายวรวิทย์ กังศศิเทียม และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ส่วนเสียงข้างน้อย 2 เสียง ประกอบด้วย นายชัช ชลวร และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์
ส่วนกรรมการบริหารพรรค อนค.ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีจากกรณียุบพรรค มี 16 คน ประกอบด้วย 1. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค 2. น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3. นายชำนาญ จันทร์เรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5. นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร รองหัวหน้าพรรค 6. นายนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 7.นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เหรัญญิกพรรค 8.นายไกลก้อง ไวทยการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
9.น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 10.นายสุรชัย ศรีสารคาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11.น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 12. นายชัน ภักดีศรี กรรมการบริหาร 13.นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 14. นายสุนทร บุญยอด 15 น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 16.นายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้ กรรมการบริหารพรรค อนค.ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองดังกล่าว เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 คน ส่งผลให้สมาชิกภาพการเป็นส.ส.สิ้นสุดลง ส่วน ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค อนค.คนอื่นๆ ซึ่งไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะยังมีสถานภาพ ส.ส.อยู่ และมีเวลาหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลฯ มีคำสั่งยุบพรรค
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรค อนค. ซึ่งปลุกให้ผู้สนับสนุนไปลุ้นผลศาลรัฐธรรมนูญที่พรรค อนค. อาคารไทยซัมมิท ปรากฏว่า หลังทราบคำวินิจฉัยว่าศาลรัฐธรรมนูญ นายธนาธรและแกนนำพรรคได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายธนาธรได้ขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคที่มาให้กำลังใจ และขอโทษที่นำพรรคเดินต่อไปไม่ได้ แต่ยืนยันว่า แม้วันนี้พรรคถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง ยุบพรรคได้แต่ยุบคนไม่ได้ พรรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นยานพาหนะที่ชื่ออนาคตใหม่ที่สิ้นสุดลง แต่คนต้องเดินต่อไป
นายธนาธรกล่าวด้วยว่า ตนขอประกาศจัดตั้ง “คณะอนาคตใหม่” เพื่อทำงานทางการเมืองต่อ โดยมีวัตถุประสงค์กลับไปจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ คณะอนาคตใหม่จะรณรงค์ตามรอยจากพรรคอนาคตใหม่ และเราจะเดินหน้าการเมืองท้องถิ่น ทำให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนจะต้องเดินต่อ นอกจากนี้จะตั้งมูลนิธิเกี่ยวกับลูกหลาน เกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เราจะก้าวเดินต่อไปในรูปแบบใหม่
2. “ยงยุทธ” เข้าคุกทันที หลังศาลไม่รับฎีกาคดีทุจริตที่ดินอัลไพน์ ส่งผลคดีสิ้นสุด จำคุก 2 ปี แต่โรคเยอะ ได้นอน รพ.ราชทัณฑ์!
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อดีตรองนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อดีตรองนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.63 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง ได้นัดฟังสั่งศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อายุ 78 ปี อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อดีตรองนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบในการพิจารณาอุทธรณ์และสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเรื่องที่ดินอัลไพน์เป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยมีเจตนาช่วยเหลือบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมาให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
โดยคดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ส.ค.59 ว่า การที่นาย ยงยุทธ จำเลย พิจารณาอุทธรณ์และมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินซึ่งให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนามสนามกอล์ฟอัลไพน์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์จากการที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่ถึงแก่ความตายแล้วได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลงดังกล่าว ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารนั้น จำเลยออกคำสั่งโดยมิชอบ โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ และยังจงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ดังนั้นคำสั่งของนายยงยุทธ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่น และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงมีความผิดตามฟ้องให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา หลังจากนั้น จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับการประกันตัวในวงเงิน 5 แสนบาท
ต่อมา ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2562 โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่า การที่จำเลยขณะดำรงตำแหน่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย แล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนมติอธิบดีกรมที่ดินเรื่องที่ดินอัลไพน์เป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยไม่นำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งมีแนวทางวินิจฉัยไว้แล้วมาพิจารณาประกอบ เป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบและโดยทุจริต ทั้งที่แนวทางปฏิบัติเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นมาแล้ว ฝ่ายบริหารจะให้หน่วยราชการยึดถือปฏิบัติ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปในมาตรฐานเดียวกัน เพราะไม่เช่นนั้นในแต่ละยุคสมัยจะมีความเห็นต่างกัน สร้างความเสียหายแก่ระบบบริหารราชการแผ่นดินได้
หลังจากนั้น นายยงยุทธได้ยื่นขออนุญาตฎีกา ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ที่บัญญัติว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้เป็นที่สุด หากคู่ความประสงค์จะฎีกา จะต้องยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณา ซึ่งระหว่างอุทธรณ์ นายยงยุทธได้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์มูลค่า 9 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า คำร้องขอฎีกาของนายยงยุทธ ไม่ได้แสดงถึงปัญหาข้อเท็จจริงหรือปัญหาข้อกฎหมายที่ขออนุญาตฎีกา ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 และข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา โดยยกคำร้องและไม่รับฎีกาของจำเลย เมื่อศาลไม่รับฎีกา ส่งผลให้คดีนี้สิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายยงยุทธ ไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
วันเดียวกัน (17 ก.พ.) นายกฤช กระแสทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายยงยุทธไปตรวจร่างกาย พบเป็นโรคต้อหิน ข้อเข่าเสื่อม โรคหัวใจ
วันต่อมา (18 ก.พ.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยถึงการคุมขังนายยงยุทธตามคำพิพากษาคดีทุจริตที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ว่า นายยงยุทธมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ต้อหิน ข้อเข่าเสื่อม และต้องรับการรักษาจากแพทย์ ดังนั้น กรมราชทัณฑ์ได้ย้ายนายยงยุทธ ไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อม ซึ่งเป็นการรักษาตามอาการ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ช่วงแรกยังไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม
3.“อดีตเจ้าคุณธงชัย” วัดสระเกศฯ รอดคุก ศาลรอลงอาญาคดีเงินทอนวัด ด้าน “พนม” อดีต ผอ.พศ. เจอคุก 2 ปี 12 เดือน!
นายธงชัย สุขโข หรืออดีตพระพรหมสิทธิ ธงชัย สุขโข หรืออดีตเจ้าคุณธงชัย อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
นายธงชัย สุขโข หรืออดีตพระพรหมสิทธิ ธงชัย สุขโข หรืออดีตเจ้าคุณธงชัย อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หรือคดีเงินทอนวัด ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.), นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรอง ผอ.พศ., นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา, นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา, นายธงชัย สุขโข หรืออดีตพระพรหมสิทธิ ธงชัย สุขโข หรืออดีตเจ้าคุณธงชัย อดีตพระราชาคณะเจ้าคณะรอง และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ, ทำ, จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่น โดยทุจริตหรือยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 ประกอบมาตรา 83, 86, 91
คดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.2558-22 ก.ค.2559 พวกจำเลยได้เบียดบังเอาเงินงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประจำปี 2559 จำนวน 69.7 ล้านบาท (จากวงเงินงบประมาณประจำปี 2559 จำนวน 5,360,188,000 บาท) ไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงิน ด้วยการให้วัด โดยเจ้าอาวาสเสนอโครงการเพื่อรับเงินสนับสนุนที่เบียดบังมา จากที่ได้มีการพิจารณาอนุมัติโครงการเงินอุดหนุนในโครงการอบรมคุณธรรม จริยธรรม จำนวน 37.2 ล้านบาท และโครงการศูนย์กลางเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา จำนวน 32.5 ล้านบาท ซึ่งวัดสระเกศฯ ได้รับอนุมัติเงินไปเพียงวัดเดียว โดยเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2561 พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ.ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งมีการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนตามกฎหมาย
นอกจากนี้ โจทก์ได้ขอศาลให้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-5 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 69.7 ล้านบาท แก่ พศ. ผู้เสียหาย พร้อมขอให้ศาลนับโทษจำคุกนายพนม กับคดีร่วมทุจริตการจัดสรรเงินงบ พศ. และนับโทษอดีตพระพรหมสิทธิฯ กับคดีร่วมฟอกเงินด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ นายพนมถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ไม่ได้รับการประกันตัว เพราะถูกดำเนินคดีหลายสำนวน ส่วนอดีตพระพรหมสิทธินั้น เพิ่งได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2562 โดยศาลตีราคาประกัน 2.5 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยมารายงานตัวต่อศาลทุก 1 เดือนไปจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา และห้ามเดินทางอกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-5 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลาทั้งสิ้น 2 ปี 12 เดือน, จำเลยที่ 2-4 จำคุกคนละ 3 ปี 18 เดือน ส่วนอดีตพระพรหมสิทธิ ให้จำคุก 36 เดือน และปรับ 27,000 บาท โดยในส่วนของจำเลยที่ 5 นั้น ศาลเห็นว่า ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแผ่พุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ไม่เคยกระทำผิดทางวินัย จึงเห็นควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ส่วนความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริตหรือยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ศาลยกฟ้อง เนื่องจากไม่พบว่า มีการเบียดบังทรัพย์ไปเป็นของตน รวมถึงท้ายคำฟ้องโจทก์ ที่ให้จำเลยร่วมกันคืนเงิน 69.7 ล้านบาทนั้น ไม่ต้องชำระคืน เนื่องจากไม่พบว่า มีการทุจริตเบียดบังทรัพย์ไปเป็นของตน
หลังฟังคำพิพากษา นายโฆสิต สุวินิจจิต ตัวแทนคณะศิษย์ของอดีตพระพรหมสิทธิ เผยว่า คณะลูกศิษย์ตกลงกันว่า จะขอใช้สิทธิอุทธรณ์ในส่วนของอดีตพระพรหมสิทธิ ซึ่งปัจจุบันท่านก็ยังปฏิบัติธรรมตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะอยู่ข้างในหรือนอกเรือนจำ อีกทั้งยังไม่เคยเปล่งวาจาลาสิกขา ยังปฏิบัติธรรมเป็นพระสมบูรณ์ครบถ้วน ปัจจุบันพำนักอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานใดๆ ของวัดสระเกศฯ ส่วนเรื่องการจะขอคืนสมณศักดิ์หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องไกลเกินไป
4.อัยการส่งฟ้อง “ผอ.กอล์ฟ” 9 ข้อหาหนัก คดีฆ่า-ชิงทองกลางห้างลพบุรี เจ้าตัวสารภาพ ศาลนัดตรวจหลักฐาน 23 มี.ค.นี้!
นายประสิทธิชัย เขาแก้ว อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ผู้ก่อเหตุฆ่าและชิงทองห้างทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี
นายประสิทธิชัย เขาแก้ว อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ผู้ก่อเหตุฆ่าและชิงทองห้างทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้นำทีมแถลงการสั่งคดีนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี

ชิงทรัพย์ห้างทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ว่า ได้มีความเห็นสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาตามที่คณะทำงานอัยการคดีนี้ที่มีนายพรชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ดูแล และมีนายเชาว์ บุญฤทธิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
โดยอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 9 ข้อหา ตามสำนวนการสอบสวน ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น 3.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธและใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส
4.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน 5.พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต 6.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ 8.ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานชิงทรัพย์ 9. มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ หลังอัยการได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา ศาลได้นัดสอบคำให้การเมื่อวันที่ 21 ก.พ. โดยโจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา จำเลยซึ่งมีอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิงนายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้ ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า จนถึงแก่ความตาย และจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ท้ายคำฟ้อง อัยการโจทก์ได้ขอคัดค้านการประกันตัวจำเลยด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด รวมทั้งให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น ราคา 12,300 บาท และจี้ทองคำรูปหัวจรวด น้ำหนัก 1 กรัม ราคา 1,565 บาท หรือใช้ราคาทรัพย์รวมเป็นเงิน 13,955 บาท แก่ผู้เสียหาย บริษัท ออโอร่าดีไซน์ จำกัดด้วย
ด้านศาลได้เบิกตัวนายประสิทธิชัย จำเลย มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมาสอบคำให้การ ซึ่งตั้งแต่การฝากขังในชั้นสอบสวนในวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา นายประสิทธิชัยไม่มีญาติมายื่นคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด
หลังศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจนเข้าใจแล้ว สอบคำให้การว่า จะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งนายประสิทธิชัย จำเลย ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 23 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
5.คนไทยจากอู่ฮั่นกลับบ้านแล้ว หลังเฝ้าระวังครบ 14 วัน ด้าน สธ.เตรียมประกาศไวรัสโคโรนาเป็น “โรคติดต่ออันตราย”!

ความคืบหน้าสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในส่วนของไทย ยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นก็ตาม โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเพียง 1 ราย โดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ว่า ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 1 รายดังกล่าว เป็นหญิงชาวจีน อายุ 68 ปี ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันกับนักท่องเที่ยวชาวจีน 9 ราย ที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้ออยู่แล้ว ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ในไทย เพิ่มขึ้นจาก 34 ราย เป็น 35 ราย
ส่วนคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น 137 คน ซึ่งเข้าพักที่อาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นเวลา 14 วันตามมาตรการคัดกรองโรค ปรากฏว่า หลังครบกำหนด ได้เดินทางกลับบ้านเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีเพียง 1 ราย ที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง และส่งตัวไปดูแลในห้องแยกที่โรงพยาบาลชลบุรี ขณะนี้อาการดีขึ้น แต่ยังเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันแถลงความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตพื้นที่ อ.หัวหิน โดยนายพัลลภ กล่าวว่า ที่ผ่านมา จ.ประจวบฯ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยืนยันที่ อ.หัวหินเพียง 2 ราย รายแรกเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน อายุ 73 ปี เข้ารักษาการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 23 ม.ค. จากนั้นส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี ต่อมาแพทย์รักษาจนหายเป็นปกติ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ส่วนรายที่ 2 เป็นชายอายุ 45 ปี ที่ได้รับเชื้อจากการใกล้ชิดนักท่องเที่ยวหญิงจีนรายแรก ปัจจุบันหายจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกจาก รพ.หัวหินเมื่อวันที่ 14 ก.พ. หลังเข้ารักษาตัววันที่ 2 ก.พ. ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมั่นใจว่า จ.ประจวบฯ มีมาตรการป้องกันโรคเต็มที่ สามารถควบคุมการเกิดโรคได้
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ว่า เป็นการประชุมครั้งสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ และว่า ที่ผ่านมา สามารถควบคุมการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็ยังห่วงและกังวลว่า ถ้าการแพร่ระบาดเกินระดับ 2 ไปถึงระดับ 3 มีการแพร่กระจายในพื้นที่ เราจะต้องมีมาตรการรองรับไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความฉุกละหุกในการดำเนินการต่อไป “ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก สิ่งที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้ เป็นการคาดการณ์เผื่อไว้ในอนาคตเท่านั้น ถ้าไม่เกิดอะไร เราก็ไม่ต้องปฏิบัติ”
วันเดียวกัน (20 ก.พ.) ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างการประกาศให้โรคไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่ออันตราย เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ ซึ่งหากมีการประกาศเป็นโรคติดต่ออันตรายแล้ว จะทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ที่ผ่านมามีการดำเนินการในระดับสูงอยู่แล้ว แต่จำนวนผู้ป่วยยังน้อย การดำเนินการจึงไม่ได้ยุ่งยากมากนัก แต่หากในอีก 2 เดือนอาจจะมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น ก็จะสามารถใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือช่วยในการทำงาน

ที่มาเว็บ ผู้จัดการออนไลน์

 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

ติวสอบ รอง ผอ.เขต 
โดย  อ./ผอ.นิกร  ติวสอบดอทคอม 


(ฟรีสรุป-ข้อสอบ-เฉลย ภาค กขค)

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม