อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
ข่าวที่ 85/2561ครม. เห็นชอบ มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ และแต่งตั้ง ผอ.สสวท.
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 2 เรื่อง คือ มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ และเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ เป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
● เห็นชอบหลักเกณฑ์มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ หลักเกณฑ์การดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นที่เชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชน ดังนี้
ข้อ 1 ในกรณีที่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน แล้วรายงานผลการพิจารณาต่อหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อรับทราบทันที และให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็วซึ่งจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ในระหว่างนี้ให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการต่อหัวหน้าส่วนราชการหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อทราบเป็นระยะตามความเหมาะสม
กรณีที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อถือ และเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่อาจมีผลต่อการตรวจสอบโดยเร็ว และในกรณีที่เป็นเรื่องร้ายแรงหรือมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชน ให้เสนอให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี และดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดขึ้นตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 หรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 68/2559 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราวลงวันที่ 16 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 แล้วแต่กรณี
ข้อ 2 ในกรณีที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าสามารถสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยต่อข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว และให้รายงานหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อทราบความคืบหน้าและเร่งรัดการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ อาจพิจารณาให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นออกจากราชการไว้ก่อนหรือออกจากตำแหน่งก็ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และในกรณีที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาด้วย ให้ส่งเรื่องให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณาดำเนินคดีโดยทันที
กระบวนการพิจารณาดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้องตามปกติ แต่ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วโดยพิจารณาจัดลำดับตามความสำคัญ ความสนใจของประชาชน และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น
ในกรณีที่เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้นให้ปลดออกจากราชการหรือไล่ออกจากราชการ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการปรับย้ายจากตำแหน่งเดิม และห้ามปรับย้ายกลับไปดำรงตำแหน่งหน้าที่ในลักษณะเดิม หรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นภายในเวลา 3 ปี นับแต่วันที่มีการลงโทษทางวินัย
ข้อ 3 การปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ทำให้การปฏิบัติราชการเกิดความล่าช้าหรือไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน ให้ถือเป็นกรณีที่ต้องพิจารณาให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่นตามข้อ 1 วรรคสองด้วย
ข้อ 4 ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดให้มีมาตรการคุ้มครองพยาน หรือผู้ให้ข้อมูลหรือเบาะแสในการตรวจสอบอย่างเหมาะสม เพื่อให้การได้รับข้อมูลและหลักฐานในการดำเนินการต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่ตรวจสอบพบว่ามีการจงใจให้ข้อมูลเพื่อใส่ร้ายหรือบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้มีการดำเนินการ ที่เป็นผลร้ายต่อบุคคลอื่น ให้พิจารณาดำเนินการลงโทษบุคคลดังกล่าวอย่างเด็ดขาดด้วย
ข้อ 5 ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ยึดถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้โดยเคร่งครัดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นดังกล่าวมีหลักการสำคัญ คือ 1) ให้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้เสร็จโดยไวภายในเวลา 7 วัน ในกรณีวินัยอาญา ให้สอบข้อเท็จจริงให้เสร็จภายในเวลาไม่เกิน 30 วัน 2) กรณีบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่มูลแต่ยังไม่ชัดเจน ให้ย้ายออกจากหน่วยงานเดิม ไปอยู่หน่วยงานอื่นในกระทรวงเดียวกันก่อน
ส่วนกรณีที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อราชการ หรือเป็นกรณีที่สำคัญ ให้ย้ายไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าสามารถย้ายข้าราชการระดับซี 9-11 ไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ โดยเตรียมตำแหน่งรองรับกว่า 100 ตำแหน่ง จากนั้นให้เร่งดำเนินการสอบข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว ขณะที่กรณีบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากผิดวินัยร้ายแรงแต่โทษไม่ถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก ห้ามกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งทุกขั้นตอนเน้นย้ำว่าต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีการรายงานหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเป็นระยะ ส่วนกรณีที่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ให้ส่วนราชการสอบถามไปที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม รวมถึงกรณีข้าราชการเกียร์ว่าง หรือผู้ที่ปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้มาตรการเดียวกันได้ทันที
ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเป็นกระทรวงที่มีขนาดใหญ่ และมีการบริหารหลายแท่ง วันนี้จึงมีการซักซ้อมทำความเข้าใจให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่ปัจจุบันมักจะมีข่าวว่ารัฐบาลชุดนี้มีการทุจริตคอร์รัปชันมาก ซึ่งความจริงแล้วการทุจริตมีมานาน แต่สามารถตรวจสอบติดตามผลได้ในรัฐบาลชุดนี้ และเป็นการตรวจสอบโดยอาศัยการข่าวที่ดี ประกอบกับความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการสะสางปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งได้สั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติมปัญหาการทุจริตกรณีการเช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ต MoeNet และโครงการศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา (อควาเรียมหอยสังข์) ให้ทำตามมาตรการนี้เช่นกัน
-
ความคืบหน้ากรณีทุจริตอควาเรียมหอยสังข์ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เข้าไปในพื้นที่จังหวัดสงขลาทุกคนแล้ว ซึ่งมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตนี้จะเข้ามากระชับเรื่องเวลาในการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งย้ายออกจากหน้าที่แล้ว สำหรับผู้ที่เกษียณไปแล้วก็ยังต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เนื่องจากคดีอาญามีอายุความอยู่
-
การทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการลงโทษทางวินัยโดยไล่ออกนางรจนา สินที ตามข่าวที่นำเสนอไป ส่วนด้านสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ดำเนินการทางอาญาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ได้ดำเนินการสืบสวนด้านเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทันที
นพ.ธีระเกียรติ เน้นย้ำอีกว่า "ไม่ใช่รัฐบาลนี้ที่ทุจริตมาก แต่เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้มีการขุดคุ้ยตรวจสอบเอาจริงเอาจัง ดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเป็นกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า ขอให้คุ้มครองพยาน หรือประชาชนที่มาให้ข่าว จนทำให้สามารถตรวจสอบกรณีทุจริตจนสำเร็จทุกเรื่องด้วย จึงขอให้มั่นใจว่ากระทรวงศึกษาธิการทำงานอย่างโปร่งใส ไม่มีมวยล้มแน่นอน"
● แต่งตั้งผู้อำนวยการ สสวท.
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ เป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) (ตามมติคณะกรรมการ สสวท. ครั้งที่ 515/3/2561 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561) ตามความในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2541
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กำหนดในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ลาออกจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
ข่าวที่ 85/2561ครม. เห็นชอบ มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ และแต่งตั้ง ผอ.สสวท.
● เห็นชอบหลักเกณฑ์มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ หลักเกณฑ์การดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นที่เชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชน ดังนี้
ข้อ 1 ในกรณีที่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน แล้วรายงานผลการพิจารณาต่อหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อรับทราบทันที และให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็วซึ่งจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ในระหว่างนี้ให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการต่อหัวหน้าส่วนราชการหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อทราบเป็นระยะตามความเหมาะสม
กรณีที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อถือ และเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่อาจมีผลต่อการตรวจสอบโดยเร็ว และในกรณีที่เป็นเรื่องร้ายแรงหรือมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชน ให้เสนอให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี และดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดขึ้นตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 หรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 68/2559 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราวลงวันที่ 16 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 แล้วแต่กรณี
ข้อ 2 ในกรณีที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าสามารถสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยต่อข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว และให้รายงานหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อทราบความคืบหน้าและเร่งรัดการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ อาจพิจารณาให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นออกจากราชการไว้ก่อนหรือออกจากตำแหน่งก็ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และในกรณีที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาด้วย ให้ส่งเรื่องให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณาดำเนินคดีโดยทันที
กระบวนการพิจารณาดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้องตามปกติ แต่ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วโดยพิจารณาจัดลำดับตามความสำคัญ ความสนใจของประชาชน และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น
ในกรณีที่เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้นให้ปลดออกจากราชการหรือไล่ออกจากราชการ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการปรับย้ายจากตำแหน่งเดิม และห้ามปรับย้ายกลับไปดำรงตำแหน่งหน้าที่ในลักษณะเดิม หรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นภายในเวลา 3 ปี นับแต่วันที่มีการลงโทษทางวินัย
ข้อ 3 การปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ทำให้การปฏิบัติราชการเกิดความล่าช้าหรือไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน ให้ถือเป็นกรณีที่ต้องพิจารณาให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่นตามข้อ 1 วรรคสองด้วย
ข้อ 4 ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดให้มีมาตรการคุ้มครองพยาน หรือผู้ให้ข้อมูลหรือเบาะแสในการตรวจสอบอย่างเหมาะสม เพื่อให้การได้รับข้อมูลและหลักฐานในการดำเนินการต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่ตรวจสอบพบว่ามีการจงใจให้ข้อมูลเพื่อใส่ร้ายหรือบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้มีการดำเนินการ ที่เป็นผลร้ายต่อบุคคลอื่น ให้พิจารณาดำเนินการลงโทษบุคคลดังกล่าวอย่างเด็ดขาดด้วย
ข้อ 5 ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ยึดถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้โดยเคร่งครัดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นดังกล่าวมีหลักการสำคัญ คือ 1) ให้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้เสร็จโดยไวภายในเวลา 7 วัน ในกรณีวินัยอาญา ให้สอบข้อเท็จจริงให้เสร็จภายในเวลาไม่เกิน 30 วัน 2) กรณีบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่มูลแต่ยังไม่ชัดเจน ให้ย้ายออกจากหน่วยงานเดิม ไปอยู่หน่วยงานอื่นในกระทรวงเดียวกันก่อน
ส่วนกรณีที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อราชการ หรือเป็นกรณีที่สำคัญ ให้ย้ายไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าสามารถย้ายข้าราชการระดับซี 9-11 ไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ โดยเตรียมตำแหน่งรองรับกว่า 100 ตำแหน่ง จากนั้นให้เร่งดำเนินการสอบข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว ขณะที่กรณีบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากผิดวินัยร้ายแรงแต่โทษไม่ถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก ห้ามกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งทุกขั้นตอนเน้นย้ำว่าต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีการรายงานหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเป็นระยะ ส่วนกรณีที่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ให้ส่วนราชการสอบถามไปที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม รวมถึงกรณีข้าราชการเกียร์ว่าง หรือผู้ที่ปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้มาตรการเดียวกันได้ทันที
ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเป็นกระทรวงที่มีขนาดใหญ่ และมีการบริหารหลายแท่ง วันนี้จึงมีการซักซ้อมทำความเข้าใจให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่ปัจจุบันมักจะมีข่าวว่ารัฐบาลชุดนี้มีการทุจริตคอร์รัปชันมาก ซึ่งความจริงแล้วการทุจริตมีมานาน แต่สามารถตรวจสอบติดตามผลได้ในรัฐบาลชุดนี้ และเป็นการตรวจสอบโดยอาศัยการข่าวที่ดี ประกอบกับความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการสะสางปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งได้สั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติมปัญหาการทุจริตกรณีการเช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ต MoeNet และโครงการศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา (อควาเรียมหอยสังข์) ให้ทำตามมาตรการนี้เช่นกัน
- ความคืบหน้ากรณีทุจริตอควาเรียมหอยสังข์ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เข้าไปในพื้นที่จังหวัดสงขลาทุกคนแล้ว ซึ่งมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตนี้จะเข้ามากระชับเรื่องเวลาในการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งย้ายออกจากหน้าที่แล้ว สำหรับผู้ที่เกษียณไปแล้วก็ยังต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เนื่องจากคดีอาญามีอายุความอยู่
- การทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการลงโทษทางวินัยโดยไล่ออกนางรจนา สินที ตามข่าวที่นำเสนอไป ส่วนด้านสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ดำเนินการทางอาญาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ได้ดำเนินการสืบสวนด้านเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทันที
นพ.ธีระเกียรติ เน้นย้ำอีกว่า "ไม่ใช่รัฐบาลนี้ที่ทุจริตมาก แต่เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้มีการขุดคุ้ยตรวจสอบเอาจริงเอาจัง ดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเป็นกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า ขอให้คุ้มครองพยาน หรือประชาชนที่มาให้ข่าว จนทำให้สามารถตรวจสอบกรณีทุจริตจนสำเร็จทุกเรื่องด้วย จึงขอให้มั่นใจว่ากระทรวงศึกษาธิการทำงานอย่างโปร่งใส ไม่มีมวยล้มแน่นอน"
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ เป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) (ตามมติคณะกรรมการ สสวท. ครั้งที่ 515/3/2561 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561) ตามความในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2541
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กำหนดในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ลาออกจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
ผบ.ตร.สั่งรับมือเทศกาลสงกรานต์ 11-17 เม.ย. งัดมาตรการ "1ร 2ส 3ข 4ม" ไม่ห้ามโดยสารท้ายกระบะแต่ห้ามนั่งห้อยขา-ดื่มสุรา เตือนห้ามแต่งหวิว ขู่สายหื่นคุก 10 ปี
วันที่ 27 มีนาคม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. แถลงมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การให้บริการและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการเดินทางของประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2561 ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีหนังสือคำสั่งด่วนที่สุดให้ทุกหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ กำชับมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ การให้บริการประชาชน มาตรการความปลอดภัย ตลอดจนมาตรการด้านป้องกันปรามปราบอาชญากรรม เริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“วันนี้เป็นวันแรกในการกวดขันมาตรการต่างๆ โดยจะยกระดับการปฏิบัติงานเข้มข้นตามลำดับ กวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดกฎจราจรในข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการเกิดอุบัติเหตุ ใช้มาตรการ “1ร 2ส 3ข 4ม” ประกอบด้วย 1 ร คือห้ามขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด 2 ส คือ ห้ามขับรถย้อนศร และฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 3 ข คือ ห้ามขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ และแซงในที่คับขัน และ 4 ม คือห้ามเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย รถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ” พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว
ที่มา ; เว็บ http://www.komchadluek.net/news/crime/318096
วันที่ 27 มีนาคม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. แถลงมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การให้บริการและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการเดินทางของประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2561 ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีหนังสือคำสั่งด่วนที่สุดให้ทุกหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ กำชับมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ การให้บริการประชาชน มาตรการความปลอดภัย ตลอดจนมาตรการด้านป้องกันปรามปราบอาชญากรรม เริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“วันนี้เป็นวันแรกในการกวดขันมาตรการต่างๆ โดยจะยกระดับการปฏิบัติงานเข้มข้นตามลำดับ กวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดกฎจราจรในข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการเกิดอุบัติเหตุ ใช้มาตรการ “1ร 2ส 3ข 4ม” ประกอบด้วย 1 ร คือห้ามขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด 2 ส คือ ห้ามขับรถย้อนศร และฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 3 ข คือ ห้ามขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ และแซงในที่คับขัน และ 4 ม คือห้ามเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย รถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ” พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว
ที่มา ; เว็บ http://www.komchadluek.net/news/crime/318096
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ