www.tuewsob.com
ประมูล 3G
บอร์ดกทค.ประกาศ 3 รายผ่านการตรวจสอบ เอไอเอส-ดีแทค-ทรู พร้อมระบุตัวเงินประมูลไม่ใช่สาระสำคัญแม้ราคาจบลงที่ 4,500 ล้านบาทก็ตาม เชื่อเป็นการจัดสรรคลื่นที่สำเร็จลุล่วงแล้ว
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรร รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทค) เปิดเผยวันนี้(9 ต.ค.)ว่า ทางคณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติจากทางมหาวิทยาลัยนิด้า และทางสำนักงานกสทช. ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานะของผู้ยื่นประมูล 3G เสร็จสิ้นแล้ว
โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติระบุว่า ผู้ยื่นเอกสารประมูล 3G ทั้ง 3 ราย ผ่านคุณสมบัติเข้าสู่การประมูลในวันที่ 16 ต.ค.นี้อย่างแน่นอน ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือเอไอเอส บริษัทดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด ในเครือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 3 รายมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในข้อ 8 และได้ดำเนินการตามข้อ 9 ของประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunication -IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 โดยเฉพาะในประเด็น การไม่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่เป็นบริษัทย่อย ไม่เป็นบริษัทร่วม ไม่มีการถือหุ้นไขว้กับผู้ขอรับใบอนุญาตรายอื่นๆ ไม่เป็นผู้มีอำนาจควบคุมหรือถูกควบคุม เป็นต้น
ขณะที่หากการประมูลจบลงราคาไม่เพิ่มขึ้นจากราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท เราคงต้องมาดูพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 3 รายว่าใช้วิธีการประมูลอย่างไรมีความโปร่งหรือไหม ซึ่งหากมีความไม่โปร่งใสจริงบอร์ดกทค.ก็สามรถตัดสินอีกครั้งว่าจะประกาศผู้ชนะการประมูลหรือไหม
ส่วนกรณีมี 3 รายที่เข้ามาประมูลจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการประมูลหรือไม่นั้น เนื่องจาก กสทช.มีข้อกำหนดตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 GHz โดยตามข้อ 5 ของกฏเกณฑ์ดังกล่าว ในข้อสงวนสิทธิ์ ต้องมีกรณีเหตุจำเป็น เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม ถึงจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการประมูลได้ แต่เรื่องมี 3 รายเข้าร่วมประมูลนั้นไม่ใช่เหตุแห่งความจำเป็น ในการเปลี่ยนรูปแบบ
อย่างไรก็ดีหลักเกณฑ์การประมูล 3G ในครั้งนี้ระบุไว้ชัดเจนว่าหากมีผู้เข้าร่วมประมูลเกินกว่า 1 รายก็สามารถเปิดประมูลได้ ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการประมูลแต่อย่างใด ดังนั้นยังคงเดินหน้าการประมูล 3G ตามขั้นตอนรายละเอียดเดิมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.55 นี้
“บอร์ดกทค.มีความเห็นตรงกันว่า ราคาไม่ใช่ประเด็นหลักในการจัดสรรคลื่นความถี่ ดังนั้นราคาจึงไม่ได้เป็นตัวบงบอกว่าผิดกฏหมายหรือไหมหากราคาการประมูลครั้งนี้ออกมามากกว่า 4,500 ล้านบาท เพียงเล้กน้อยเท่านั้น แต่เราถือว่าเป็นความสำเร็จในการจัดสรรคลื่นความถี่อย่างมีประสิทธิภาพ และประเทศชาติได้ประโยชน์ในครั้งนี้มากกว่า”
ขณะเดียวกันหากหลังการประมูล หรือในช่วงการประมูลมีการฟ้องร้องว่าการประมูล 3G ในครั้งนี้ผิดกฏหมาย หรือบอร์ดกทค.ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ บอร์ดกทค.ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำทุกอย่าง แต่หากเราไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกล่าวหาเราก็ขอใช้สิทธิให้คนที่กล่าวหาชดใช้ต่อความเสียหายของประเทศชาติ
อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่าภายหลังจากการประมูล 3G จบลงภายใน6เดือนหรือประมาณช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 2556 จะสามารถเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ได้ตามในเมืองใหญ่ ส่วนครอบคลุมทั่วประเทศนั้นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้วจะต้องดำเนินการตามข้อกำหนดคือภายหลัง2ปีจะต้องครอบคลุมพื้นที่จำนวนประชากร 50% และ 80% ใน 4 ปี
อีกทั้งภายหลังจากผู้เข้าร่วมประมูลได้รับใบอนุญาตไปแล้วกสทช.จะดำเนินการกำกับดูแลต่อผู้ได้รับใบอนุญาตตลอดระยะเวลา 15 ปี ว่ามีการให้บริการ และราคาค่าบริการมีความเหมาะสมกับต้นทุนหรือไหมด้วย
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปว่า ในวันที่ 11 ตุลาคม 2555 จะนำสื่อมวลชนเข้าชมสถานที่ที่จะใช้ในการจัดการประมูล จากนั้นจะมีการประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดและจัดการประมูลรอบสาธิต (Mock Auction) ส่วนผู้เข้าร่วมการประมูลจะจัดขึ้นในวันที่ 12 และ 13 ตุลาคม 2555 และจากนั้นในวันที่ 16 ตุลาคม 2555 จะเป็นวันประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศผลผู้ชนะการประมูลได้ภายใน 3 วัน หลังจากสิ้นสุดการประมูล
นอกจากนี้บอร์ดกทค.ยังมีมัติอนุมัติขยายเวลาออกไปอีก 30 วันให้กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)เพื่อให้ไปดำเนินการแก้ไขข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz เพื่อให้บริการ 3G ภายใต้เทคโนโลยี HSPA ระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ใน 6 ประเด็นที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (บอร์ด กทค.) มีคำสัังให้ดำเนินการแก้ไขจากเดิมจะครบกำหนดในวันที่ 5 ต.ค.2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากบอร์ดเล็งเห็นว่าการแก้ไขสัญญาดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมากแล้วจากรายงานที่กสทส่งมา
ผู้จัดการ
ประมูล 3G
บอร์ดกทค.ประกาศ 3 รายผ่านการตรวจสอบ เอไอเอส-ดีแทค-ทรู พร้อมระบุตัวเงินประมูลไม่ใช่สาระสำคัญแม้ราคาจบลงที่ 4,500 ล้านบาทก็ตาม เชื่อเป็นการจัดสรรคลื่นที่สำเร็จลุล่วงแล้ว
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรร รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทค) เปิดเผยวันนี้(9 ต.ค.)ว่า ทางคณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติจากทางมหาวิทยาลัยนิด้า และทางสำนักงานกสทช. ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานะของผู้ยื่นประมูล 3G เสร็จสิ้นแล้ว
โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติระบุว่า ผู้ยื่นเอกสารประมูล 3G ทั้ง 3 ราย ผ่านคุณสมบัติเข้าสู่การประมูลในวันที่ 16 ต.ค.นี้อย่างแน่นอน ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือเอไอเอส บริษัทดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด ในเครือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 3 รายมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในข้อ 8 และได้ดำเนินการตามข้อ 9 ของประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunication -IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 โดยเฉพาะในประเด็น การไม่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่เป็นบริษัทย่อย ไม่เป็นบริษัทร่วม ไม่มีการถือหุ้นไขว้กับผู้ขอรับใบอนุญาตรายอื่นๆ ไม่เป็นผู้มีอำนาจควบคุมหรือถูกควบคุม เป็นต้น
ขณะที่หากการประมูลจบลงราคาไม่เพิ่มขึ้นจากราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท เราคงต้องมาดูพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 3 รายว่าใช้วิธีการประมูลอย่างไรมีความโปร่งหรือไหม ซึ่งหากมีความไม่โปร่งใสจริงบอร์ดกทค.ก็สามรถตัดสินอีกครั้งว่าจะประกาศผู้ชนะการประมูลหรือไหม
ส่วนกรณีมี 3 รายที่เข้ามาประมูลจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการประมูลหรือไม่นั้น เนื่องจาก กสทช.มีข้อกำหนดตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 GHz โดยตามข้อ 5 ของกฏเกณฑ์ดังกล่าว ในข้อสงวนสิทธิ์ ต้องมีกรณีเหตุจำเป็น เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม ถึงจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการประมูลได้ แต่เรื่องมี 3 รายเข้าร่วมประมูลนั้นไม่ใช่เหตุแห่งความจำเป็น ในการเปลี่ยนรูปแบบ
อย่างไรก็ดีหลักเกณฑ์การประมูล 3G ในครั้งนี้ระบุไว้ชัดเจนว่าหากมีผู้เข้าร่วมประมูลเกินกว่า 1 รายก็สามารถเปิดประมูลได้ ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการประมูลแต่อย่างใด ดังนั้นยังคงเดินหน้าการประมูล 3G ตามขั้นตอนรายละเอียดเดิมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.55 นี้
“บอร์ดกทค.มีความเห็นตรงกันว่า ราคาไม่ใช่ประเด็นหลักในการจัดสรรคลื่นความถี่ ดังนั้นราคาจึงไม่ได้เป็นตัวบงบอกว่าผิดกฏหมายหรือไหมหากราคาการประมูลครั้งนี้ออกมามากกว่า 4,500 ล้านบาท เพียงเล้กน้อยเท่านั้น แต่เราถือว่าเป็นความสำเร็จในการจัดสรรคลื่นความถี่อย่างมีประสิทธิภาพ และประเทศชาติได้ประโยชน์ในครั้งนี้มากกว่า”
ขณะเดียวกันหากหลังการประมูล หรือในช่วงการประมูลมีการฟ้องร้องว่าการประมูล 3G ในครั้งนี้ผิดกฏหมาย หรือบอร์ดกทค.ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ บอร์ดกทค.ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำทุกอย่าง แต่หากเราไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกล่าวหาเราก็ขอใช้สิทธิให้คนที่กล่าวหาชดใช้ต่อความเสียหายของประเทศชาติ
อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่าภายหลังจากการประมูล 3G จบลงภายใน6เดือนหรือประมาณช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 2556 จะสามารถเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ได้ตามในเมืองใหญ่ ส่วนครอบคลุมทั่วประเทศนั้นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้วจะต้องดำเนินการตามข้อกำหนดคือภายหลัง2ปีจะต้องครอบคลุมพื้นที่จำนวนประชากร 50% และ 80% ใน 4 ปี
อีกทั้งภายหลังจากผู้เข้าร่วมประมูลได้รับใบอนุญาตไปแล้วกสทช.จะดำเนินการกำกับดูแลต่อผู้ได้รับใบอนุญาตตลอดระยะเวลา 15 ปี ว่ามีการให้บริการ และราคาค่าบริการมีความเหมาะสมกับต้นทุนหรือไหมด้วย
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปว่า ในวันที่ 11 ตุลาคม 2555 จะนำสื่อมวลชนเข้าชมสถานที่ที่จะใช้ในการจัดการประมูล จากนั้นจะมีการประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดและจัดการประมูลรอบสาธิต (Mock Auction) ส่วนผู้เข้าร่วมการประมูลจะจัดขึ้นในวันที่ 12 และ 13 ตุลาคม 2555 และจากนั้นในวันที่ 16 ตุลาคม 2555 จะเป็นวันประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศผลผู้ชนะการประมูลได้ภายใน 3 วัน หลังจากสิ้นสุดการประมูล
นอกจากนี้บอร์ดกทค.ยังมีมัติอนุมัติขยายเวลาออกไปอีก 30 วันให้กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)เพื่อให้ไปดำเนินการแก้ไขข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz เพื่อให้บริการ 3G ภายใต้เทคโนโลยี HSPA ระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ใน 6 ประเด็นที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (บอร์ด กทค.) มีคำสัังให้ดำเนินการแก้ไขจากเดิมจะครบกำหนดในวันที่ 5 ต.ค.2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากบอร์ดเล็งเห็นว่าการแก้ไขสัญญาดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมากแล้วจากรายงานที่กสทส่งมา
ผู้จัดการ
"ติวสอบดอทคอม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น