อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงผลประชุม ศบค. ว่า การผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 4 ในส่วนมาตรการการบังคับใช้กฎหมายนั้น ที่ประชุมเห็นชอบยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) โดยจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 15 มิ.ย. แต่ยังคงควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เนื่องจากคนติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศทั้งสิ้น จึงยังต้องคงไว้ แต่คนในประเทศเดินทางได้ตลอดเวลา ไม่มีเคอร์ฟิว ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวว่า เริ่มมีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น.วันที่ 14 มิ.ย.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการคลายล็อกระยะที่ 4 ว่า มีดังนี้ 1.การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา มีประเด็นสำคัญ คือ อนุญาตการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ หรือสถาบันการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ และโรงเรียนนอกระบบ ประเภทกวดวิชา รวมถึงอนุญาตจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระบบที่มีนักเรียน รวมทั้งโรงเรียนไม่เกิน 120 คน คือ โรงเรียนขนาดเล็ก บางที่อยู่ไกล หรืออยู่ใน กทม. ถ้ามีขนาดเล็ก สามารถจัดเตรียมได้เร็ว ก็สามารถเปิดได้วันที่ 15 มิ.ย.นี้ รวมถึงโรงเรียนตระเวนชายแดน ก็สามารถจัดการศึกษาได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้อาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการ หน่วยงานในกำกับของรัฐเพื่ออบรมสัมมนาหลักสูตรฝึกอบรมที่หน่วยงานจัดขึ้น
2. กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ประกอบด้วย ก. การจัดประชุม อบรมสัมมนา นิทรรศการ งานพิธี การจัดเลี้ยง การแสดงดนตรี นาฏศิลป์ คอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ ที่จัดในโรงแรม โรงมหรสพ ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์การแสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ และสถานที่อิ่นๆ ใช้เกณฑ์คิด 4 ตารางเมตรต่อคน ดังนั้น การจัดงานอีเวนต์ จัดเลี้ยง เปิดตัวสินค้า ประกวด แข่งขันกีฬา สามารถจัดได้ แต่ต้องมีระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ส่วนงานดนตรี คอนเสิร์ต ต้องดูแลเรื่องความหนาแน่น ไม่แออัดเกินไป ไร้ระเบียบ โดยยึดเกณฑ์ 5 ตารางเมตรต่อคน
ข. บริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงแรม ร้านอาหาร หรือเครื่องดื่มทั่วไป หรือสถานที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ยกเว้นสถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ และโรงเบียร์ ยังไม่อนุญาตเปิดดำเนินการ
ค. สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ที่ดูแลเด็กและผู้สูงอายุแบบรายวัน เดิมอยู่นอนได้แล้ว ตอนนี้รายวันทำได้ ง. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เช่น ท้องฟ้าจำลอง ให้เข้าชมเป็นกลุ่มเป็นรอบ จ. การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ กองถ่าย รวมทุกแผนกไม่เกิน 150 คน ส่วนคนชมไม่เกิน 50 คน
3. กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ สันทนาการ ประกอบด้วย ก. อบตัว อบสมุนไพร อบไอน้ำ ในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ยกเว้น สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบ อบ นวด ยังไม่อนุญาต แต่ให้จัดบริการแบบแยกห้องเดี่ยว กรณีห้องรวมหรือบ่อออนเซนรวม ให้ควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการ จำกัดจำนวนผู้ใช้ต่อรอบ คิดเกณฑ์ 5 ตารางเมตรต่อคน
ข. การออกกำลังกายแบบกลุ่มในสวนสาธารณะ เช่น แอโรบิก ไม่ควรเกิน 50 คน ค. สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก ยกเว้นเครื่องเล่นที่ติดตั้งชั่วคราว หรือมีพื้นผิวสัมผัสมากเสี่ยงต่อการติดเชื้อในเด็ก เช่น บ้านบอล บ้านลม ง. สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย ลานกีฬาเพื่อการเรียนการสอนทุกประเภทกีฬา จัดให้มีการแข่งขัน แต่ต้องไม่มีผู้ชม แต่จัดการถ่ายทอดสดได้ จ. ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ ที่ตั้งในห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า “มาตรการควบคุมทุกกิจกรรม มี 9 ด้าน คือ ทำความสะอาดพื้นผิว กำจัดขยะมูลฝอย สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาของผู้ให้บริการ การควบคุมการเข้าออก การลงทะเบียน การสวมหน้ากากของผู้ใช้บริการ ลงทะเบียนไทยชนะ ดูแลจำนวนคนตามกำหนด จุดล้างมือที่ต้องเพียงพอ”
ส่วนการขนส่งข้ามจังหวัดนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเดินทางโดยเครื่องบินนั้น สามารถใช้ที่นั่งได้เกือบ 100% จากเดิมที่ให้ใช้ 70% เนื่องจากแม้ที่นั่งใกล้กัน แต่การบินภายในประเทศใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่การติดเชื้อใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงให้มีการนั่งได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ขึ้นเครื่องบิน ขณะที่รถโดยสาร เนื่องจากระบบระบายอากาศไม่เหมือนกับเครื่องบิน ต้องอยู่ที่ 70% และมีการลงทะเบียนเพื่อติดตามตัว
3.ไทยยังคุมโควิด-19 ได้ดี ไร้ผู้ติดเชื้อใน ปท. พบรายใหม่ในผู้เดินทางกลับจาก ตปท.เท่านั้น!
สถานการณ์โคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 ในไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 7 ราย ซึ่งทั้งหมดพบในสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine) ทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 7 ราย มาจาก 3 ประเทศ แบ่งเป็น กลับมาจากประเทศปากีสถาน 2 ราย เป็นนักศึกษาชาย กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 ราย เป็นเพศหญิง 3 ราย เป็นพนักงานนวด และนักเรียนชาย วัย 11 ปี กลับมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นหญิงไทย
วันต่อมา 9 มิ.ย. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 2 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,121 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,973 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 90 ราย เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 2 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยรายแรกเป็นนักศึกษาชายกลับมาจากซาอุดีอาระเบีย ส่วนอีกรายเป็นหญิง อายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัท กลับมาจากเนเธอร์แลนด์ ถึงไทยวันที่ 3 มิ.ย. เข้าพักในโรงแรมใน กทม. ตรวจวันที่ 3 มิ.ย. ผลบวกไม่ชัดเจน จึงให้เข้ารับการรักษา รพ.นพรัตนราชธานี กทม. และส่งตรวจซ้ำวันที่ 8 มิ.ย. จึงพบเชื้อ
วันต่อมา 10 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 4 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 8 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,125 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,981 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 86 ราย เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่มาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักกันของรัฐ แบ่งเป็น มาจากมาดากัสการ์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานบริษัท, มาจากปากีสถาน 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 34 ปี สามีเป็นชาวปากีสถาน, มาจากอินเดีย 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี โดย 1 รายมีอาชีพพนักงานนวด อีก 1 รายเป็นนักท่องเที่ยว
วันต่อมา 11 มิ.ย. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ หรือเป็น 0 ราย มีผู้รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,125 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 80 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย
วันต่อมา 12 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 4 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,128 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,984 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 84 ราย เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่กลับมาจากอินเดียและอยู่ในสถานกักกันของรัฐทั้งหมด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. หญิงไทย อายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้าน 2. ชายไทยอายุ 37 ปี และ 53 ปี อาชีพรับจ้าง และหญิงไทยอายุ 44 ปี อาชีพพนักงานนวด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า หากนับผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศถือว่าเป็น 0 เป็นเวลา 18 วันแล้ว แต่การ์ดต้องไม่ตก เพราะนักวิชาการบางท่านบอกว่า 28 วัน หรือ 2 เท่าของระยะฟักตัวของโรค แม้จะปลอดภัยปลอดเชื้อ แต่ทั่วโลกติดเชื้อวันละเป็นแสนรายก็ยังน่ากังวลใจ สำหรับประเทศอินเดีย ยังมีการติดเชื้อสูงที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีคนไทยเดินทางกลับมาจากอินเดีย 2,445 คน พบผู้ป่วย 14 ราย อัตราติดเชื้อคิดเป็น 5.21% ถือว่าสูง
ล่าสุด วันนี้ (13 มิ.ย.) เฟซบุ๊กเพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์ประจำวันของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 13 มิ.ย.ว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 3,134 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,987 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 89 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 รายโดยผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 5 ราย กลับมาจากต่างประเทศ คือ ซาอุดีอาระเบีย และเข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยเป็นนักเรียน นักศึกษา เพศชายทั้งหมด เดินทางถึงประเทศไทยด้วยเครื่องบินลำเดียวกัน
4.ศาล รธน. ฟัน “ระวี รุ่งเรือง” พ้น ส.ว. เหตุเคยถูกไล่ออกจากราชการ ชี้ กม.ล้างมลทิน ลบล้างการกระทำไม่ได้!
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของนายระวี รุ่งเรือง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีตนายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทยและเลขานุการคณะกรรมการศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 ข จากกรณีมีลักษณะต้องห้าม (1) มาตรา 98 (8) และมาตรา 82 วรรคสี่ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำการทุจริต ประพฤติมิชอบในวงราชการ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย
สำหรับกรณีนี้ สืบเนื่องจาก กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังปรากฏหลักฐานว่า ก่อนที่นายระวีจะได้รับการสรรหาและแต่งตั้งเป็น ส.ว. เคยถูกลงโทษทางวินัย ให้ไล่ออกจากราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่าง ร้ายแรง ตามคำสั่งกรมการปกครอง ที่ 689/2539 ลงวันที่ 15 ส.ค.2539 เนื่องจากขณะที่นายระวีเป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง 3 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน ถือเป็นพฤติกรรมในทางทุจริต และศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำพิพากษาว่า การเรียกและรับเงินจากผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับราชการ เพื่อเป็นค่าวิ่งเต้นให้ได้เข้ารับราชการนั้น เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และความร้ายแรงอยู่ที่ระดับเดียวกับกรณีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า “นายระวีจึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ว. แม้ในเวลาต่อมา นายระวีจะได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 และ พ.ร.บ.ล้างมลทินปี 2550 ก็มีความหมายเพียงว่า นายระวีไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ความประพฤติหรือการกระทำของผู้ถูกร้องที่เป็นเหตุให้ถูกลงโทษทางวินัยถูกลบล้างไปด้วยแต่อย่างใด ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539 ที่ได้วางหลักไว้ในกรณีนี้ จึงถือว่ามีเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ว.ของนายระวีสิ้นสุดลง”
ด้านนายระวีกล่าวหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ยอมรับและเคารพคำวินิจฉัยที่ออกมา แต่ก็ยังมีประเด็นคาใจว่า เคยถูกลงโทษทางวินัยครั้งแรกลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ในปี 2536 ต่อมาปี 2539 เดือน มิ.ย. มี พ.ร.บ.ล้างมลทินออกมา แต่อนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กลับมีมติในเดือน ส.ค.2539 ให้เพิ่มโทษตนเป็นไล่ออกจากราชการ ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 กำหนดห้ามมีการเพิ่มโทษบุคคลที่ได้รับโทษทางวินัยไปบางส่วนแล้ว ตนจึงเห็นว่า เมื่อ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 มีการกำหนดห้ามเพิ่มโทษแล้ว ตนก็ต้องไม่เป็นผู้ถูกไล่ออกจากราชการ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ในคำชี้แจงที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไปก่อนหน้านี้ แต่ศาลฯ คงไม่ได้พิจารณา ก็ไม่เป็นไร พร้อมเคารพ
มีรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูยมีคำวินิจฉัยให้นายระวี รุ่งเรือง พ้นสภาพการเป็น ส.ว. ส่งผลให้จะต้องมีการเลื่อน ส.ว.จากรายชื่อในบัญชีสำรองขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน โดยผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในลำดับถัดไป ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนายระวี คือ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
5.น้องชายพระกิตติวุฑโฒ “บุญช่วย-ลูก” นอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกันตัว คดีฮุบที่ดิน 3.8 พันไร่!
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ตำรวจกองปราบฯ นำโดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ และ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ได้นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 32/21 หมู่ 10 ต.คลองพลู อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี เพื่อเข้าจับกุมนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี น้องชายอดีตพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดจิตตภาวัน จ.ชลบุรี และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชายนายบุญช่วย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาเบิกความเท็จต่อศาล ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ ซึ่งขณะเข้าจับกุม ผู้ต้องหากำลังนอนหลับอยู่
สำหรับการเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 คนนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2561 มูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเอาผิดนายบุญช่วย น้องชายอดีตพระกิตติวุฑโฒ และอดีตประธานมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุว่า ได้ยักยอกที่ดินในพื้นที่ ต.พลวง ต.ตะเคียนทอง อ.เขาคิชฌกูฏ และบางส่วนใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ของมูลนิธิฯ กว่า 3,800 ไร่ ไปเป็นของตนเอง โดยมีการสวมสิทธิการครอบครองและนำไปออกโฉนดโดยมิชอบด้วยการแจ้งเท็จต่อศาลแพ่งและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า เดิมที ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดิน สปก.มีนายสมพล โกศลานันท์ เป็นผู้ครอบครอง กระทั่งปี 2513-2515 พระกิตติวุฑโฒ ในขณะนั้นได้ก่อตั้งมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย พร้อมเปิดรับบริจาครวบรวมเงินจากชาวบ้านมาเป็นทุนซื้อที่ดินผืนดังกล่าวจากนายสมพล เพื่อนำมาใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ของพระสงฆ์ ในราคา 12 ล้านบาท แต่จ่ายเงินไปเพียง 8 ล้าน อีก 4 ล้านยังไม่ได้ชำระ แต่นายสมพลเห็นว่า จะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ทางศาสนา จึงมอบที่ดินให้ไปใช้ประโยชน์ก่อน
หลังพระกิตติวุฑโฒได้ที่ดินมาแล้ว ได้มอบหมายให้นายบุญช่วย น้องชาย เป็นผู้ดูแลที่ดิน แต่เมื่อพระกิตติวุฑโฒมรณภาพ เมื่อปี 2548 นายบุญช่วยและบุตรชายกลับวางแผนที่จะเข้าครอบครองที่ดินผืนดังกล่าวมาเป็นของตนเอง โดยในปี 2550 นายบุญช่วยไปยื่นเรื่องฟ้องร้องนายเรวัฒิ โกศลานันท์ ลูกชายของนายสมพล ในฐานะเป็นผู้รับมรดก เพื่อให้โอนที่ดินดังกล่าวมาเป็นของตัวเอง โดยมีนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความชื่อดังเป็นทีมทนายความ กระทั่งศาลจังหวัดจันทบุรี มีคำพิพากษาให้ทายาทของนายสมพล โอนที่ดินดังกล่าวไปเป็นชื่อของนายบุญช่วยตามที่ร้องขอ
จากนั้นปี 2554-2555 นายบุญช่วยไปยื่นขอเปลี่ยนสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดที่ดิน ต่อมา น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นหลานของนายสมพล เห็นความผิดปกติ และไม่พอใจ เพราะที่ดินดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางศาสนาตามวัตประสงค์เดิม จึงเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นหลายคดี โดยความขัดแย้งบานปลายถึงขั้น พล.ต.ต.ธารินทร์ตัดสินใจใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่ทีมทนายความของนายบุญช่วย ภายในศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2562 ทำให้ทีมทนายของนายบุญช่วย เสียชีวิต 2 คน คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ และนายวิจัย สุขรมย์ ส่วนนายวิชัย อุดมธนภัทร ทนายความ และนางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ภรรยานายบัญชา บาดเจ็บสาหัส
ทั้งนี้ หลังตำรวจสอบปากคำนายบุญช่วยและนายกิตติพงษ์ บุตรชายแล้ว ทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งต่อมา วันที่ 11 มิ.ย. ตำรวจกองปราบฯ ได้นำตัว 2 ผู้ต้องหาดังกล่าวไปยื่นศาลอาญาขอฝากขัง พร้อมคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว
หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ผู้ต้องหาได้ทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว ด้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนา และมูลค่าความเสียหายในคดีสูง หากปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่า ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและอาจหลบหนีได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม
คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
ติวสอบ รอง ผอ.เขต 2563
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
ติวสอบรอบรู้เด่น ในรอบสัปดาห์ 7-15 มิ.ย.2563
1.สุดเศร้า! มะเร็งตับคร่าชีวิต "ตั้ว-ศรัณยู" ในหลวง-พระราชินี พระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพ ด้าน "อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" ชื่นชมเป็น "คนไทยสมบูรณ์แบบที่สุด"!
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. วงการบันเทิงได้สูญเสียดารานักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง วัย 59 ปี หลังเข้ารักษาตัวด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดย “เปิ้ล” หัทยา วงษ์กระจ่าง ภรรยาคู่ชีวิต ได้โพสต์ในอินสตาแกรมว่า “อยากให้เวลาเดินช้าๆ ขอเวลาสักหน่อย” พร้อมภาพวิวจากตึก ภูมิสิริมังคลานุสรณ์ รพ.จุฬา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาก่อนที่สามีจะจากโลกนี้ไปไม่นาน
ซึ่งต่อมา หลังข่าวการเสียชีวิตของ ตั้ว-ศรัณยู บุคคลหลายแวดวง ทั้งวงการบันเทิงและผู้ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อสถาบันและความถูกต้องในบ้านเมืองได้โพสต์แสดงความอาลัยต่อการจากไปของ ตั้ว-ศรัณยู จำนวนมาก เช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เขียนข้อความไว้อาลัยด้วยลายมือระบุว่า “ในชีวิตผมมีความเสียใจมากที่สุดกับการเสียชีวิตของบิดาและมารดา เสียใจมากที่สุดอีกครั้งกับการจากไปของภรรยา (คุณจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล) ...วันนี้ก็เป็นอีกวันที่รู้สึกเสียใจที่สุดเช่นกัน เพราะตั้วเหมือนน้องชายแท้ๆ ...ตั้วเป็นมนุษย์ในความเป็นมนุษย์ เป็นคนที่มีจิตใจดีงามมากๆ ...ผมกับตั้วไม่ค่อยได้เจอกันตั้งแต่ออกจากเรือนจำมา ได้รับแต่ข่าวการเจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยความเป็นห่วงมากๆ อาจจะเป็นเพราะเราใจถึงใจกันมาตั้งแต่การร่วมกันต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ...ทุกวันนี้ผมทำบุญตักบาตรทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิภาวนาทุกๆ เช้า จบลงทุกครั้งทุกวันก็จะแผ่เมตตา อุทิศกุศลผลบุญดังกล่าวให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่ผมรักและเคารพ จากวันนี้ก็ต้องเพิ่มตั้วเข้าไปอีกคนจากกลุ่มคนที่ผมแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ และก็คงจะต้องทำให้ตั้ว ทุกๆ วันจนกว่าผมจะจากโลกนี้ไป ...ด้วยความรักและอาลัยอย่างที่สุดกับน้องรักคนนี้ ขอให้ตั้วไปที่ดีๆ และมีความสุข และสงบ"
ขณะที่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ แต่งกลอน "ดาวศรัณยู" เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ ตั้ว-ศรัณยู ว่า "เธอผู้เป็นพลังใจให้มวลชน เธอผู้กล้าฝ่าหนกลางฝนห่า เธอผู้ถือธงธรรมนำประชา เธอคือดาวผ่องหล้านภาดิน บนเวทีละคร ขจรจบ เจนจัดครบบทบาท ทุกศาสตร์ศิลป์ เวทีสื่อสารสื่อ ระบือระบิล ศิลปินหนึ่งนำเป็นตำนาน กำกับโลกการแสดงก็แกร่งกล้า กำกับโลกโชคชะตาก็กล้าหาญ ทั้งโลกจริงโลกแสดงแกร่งตระการ ให้ผู้คนกล่าวขานอยู่นานยาว โอ้ว่าดวงดาวคล้อยมาลอยล่วง อัญเชิญดาวหยาดดวงคืนห้วงหาว ไปส่องแสงศรัทธาในฟ้าพราว ให้ฟ้าฝากเฝ้าดาวคอยเฝ้าดู ยืนหยัดชัดเจนเป็นศิลปิน ทั้งงานศิลป์สร้างสรรค์งานต่อสู้ กระจ่างชัดทัดทานต้านศัตรู ศรัณยู วงษ์กระจ่าง กระจ่างใจ"
ด้านประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง ได้โพสต์ภาพวาด ตั้ว-ศรัณยู ที่เพิ่งวาดเสร็จ พร้อมเขียนบทกลอนผ่านเฟซบุ๊กว่า "เป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง เป็นครู เป็นศิษย์ซึ่งกตัญญู ยิ่งแล้ว เป็นพสกนิกรผู้ จงรัก เป็นถ้วนแล้วพ่อแก้ว. กระจ่างแท้ศรัณยู"
สำหรับพิธีศพ ตั้ว-ศรัณยู มีขึ้นที่วัดนาคปรก ซอยเทอดไทย 49 ภาษีเจริญ กทม. โดยเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพวงมาลาวางที่หน้าหีบศพนายนรัญยู (ศรัณยู) วงษ์กระจ่าง
ต่อมา วันที่ 12 มิ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ไปวางที่หน้าหีบศพนายนรัญยู (ศรัณยู) วงษ์กระจ่าง ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แก่ครอบครัววงษ์กระจ่าง อย่างหาที่สุดมิได้
ทั้งนี้ เปิ้ล-หัทยา ภรรยา ตั้ว-ศรัณยู เผยถึงอาการป่วยของสามีว่า เริ่มจากก่อนหน้านี้ที่มีปัญหากระดูกสันหลังข้อที่ 3 ยุบตัวลง และพบลิ่มเลือด แพทย์จึงเช็คอย่างละเอียดว่า ลิ่มเลือดเกิดจากอะไร จึงพบว่า พี่ตั้วเป็นมะเร็งตับ และลามไปที่กระดูก ซึ่งมะเร็งตับเกิดจากการที่พี่ตั้วมีภาวะไวรัสตับอักเสบบีอยู่แล้วแต่กลายพันธุ์เป็นมะเร็งตับ และว่า พี่ตั้วเป็นไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ซึ่งปกติพี่ตั้วดูแลตัวเองและเช็คร่างกายตลอด แต่ช่วง 2 ปีหลังไม่ได้เช็ค ตอนแรกหมอลงความเห็นว่า น่าจะเป็นมะเร็งระยะ 3 และให้การรักษา จนพี่ตั้วสามารถออกมาทำงานได้อีกครั้ง กระทั่งปวดบริเวณสะบักและเอว ทำให้ต้องกลับไปหาหมออีกครั้ง
เปิ้ล-หัทยา เล่าต่อว่า “ซึ่งในครั้งนั้นคุณหมอก็ลงความเห็นว่าควรจะต้องพัก เนื่องจากกระดูกของเขาทรุดเพิ่ม เราจึงเข้าสู่กระบวนการฉายแสง แต่ด้วยความที่ตับมันอยู่ใกล้กับท้องอยู่ใกล้กับกระเพาะ เลยทำให้เวลาพี่ตั้วทานอาหารเขารู้สึกพะอืดพะอม ไม่ค่อยอยากทานอาหารสักเท่าไหร่ ประกอบกับเขามีภาวะแคลเซียมสูง ดังนั้น เมื่อแคลเซียมสูงมันก็จึงไปทำลายระบบความคิด ระบบการพักผ่อน และทำให้เขาเริ่มไม่อยากนอน”
เปิ้ล-หัทยา ยังบอกด้วยว่า ไม่คิดว่า สามีจะจากไปเร็วแบบนี้ คิดว่าเข้าโรงพยาบาลเพื่อเปลี่ยนยาในการรักษา “มันก็เร็วนะคะ เร็ว ตอนแรกเราคิดว่าการไปโรงพยาบาลครั้งนี้ น่าจะทำให้เขาแข็งแรงขึ้น เพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนยา ไม่ได้คิดเลยว่า... ไม่ได้คิดเลย (น้ำตาคลอ)”
สำหรับกำหนดการสวดพระอภิธรรม ตั้ว-ศรัณยู เริ่มตั้งแต่วันที่ 11-17 มิ.ย. และพระราชทานเพลิงศพวันที่ 18 มิ.ย.เวลา 17.00 น. โดยมีเพื่อนและบุคคลในแวดวงบันเทิง รวมถึงแวดวงการเมืองมาร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ ตั้ว-ศรัณยู จำนวนมาก อาทิ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ แดง-ธัญญา วชิรบรรจง, ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค, ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรฯ, นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ฯลฯ
สำหรับ ตั้ว-ศรัณยู มีชื่อจริงว่า นรัณยู วงษ์กระจ่าง เกิดเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2503 ที่ ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นน้องชายของธเนศ วรากุลนุเคราะห์ มีพี่น้อง 4 คน โดยใช้คนละนามสกุลกัน เนื่องจากศรัณยูถูกป้าขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ยังเด็ก จึงใช้นามสกุลของป้ามาตลอด ในด้านการศึกษา จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีใจรักวงการบันเทิงและฝีมือด้านการแสดงตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เริ่มต้นจากการเล่น “ละคอนถาปัด” ซึ่งเป็นละครเวทีโดยนิสตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
เมื่อจบการศึกษา ได้มีผลงานทางโทรทัศน์ รายการ เพชฌฆาตความเครียด ส่วนงานด้านอาชีพนักแสดง เป็นพระเอกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มีทั้งผลงานละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และละครเวที มากกว่า 100 เรื่อง สำหรับผลงานละครโทรทัศน์ ได้แก่ เก้าอี้ขาวในห้องแดง, ระนาดเอก, บ้านทรายทอง และ พจมาน สว่างวงศ์, ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง, วนาลี, น้ำเซาะทราย, มนต์รักลูกทุ่ง, นายฮ้อยทมิฬ ฯลฯ ส่วนผลงานละครเวทีที่เป็นที่จดจำมากที่สุด คือ สู่ฝันอันยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ ตั้ว-ศรัณยู ยังมีผลงานพิธีกร ผู้กำกับละครโทรทัศน์ และผู้กำกับภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง และได้ออกมาร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันและบ้านเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ซึ่งเป็นคนในวงการบันเทิงที่สนิทกับ ตั้ว-ศรัญยู มากที่สุด กล่าวว่า "พี่ตั้วเป็นคนที่ทรงคุณค่าทั้งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ศาสนาพี่ตั้วอยู่ใกล้วัดนาคปรก บำรุงตลอด ชาติเรารู้ว่าพี่ตั้วทำอะไร พระมหากษัตริย์ ก็มีพวงหรีดมา พระราชทานหรีดมา เพราะอะไร เพราะคนๆ นี้ รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นคนไทยที่สมบูรณ์แบบที่สุด"
2.ศบค. เห็นชอบคลายล็อก ระยะ 4 ยกเลิก "เคอร์ฟิว" ไฟเขียว "จัดเลี้ยง-คอนเสิร์ต-ดื่มเหล้าในร้าน" ยังเบรกผับบาร์-อาบอบนวด!
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. วงการบันเทิงได้สูญเสียดารานักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง วัย 59 ปี หลังเข้ารักษาตัวด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดย “เปิ้ล” หัทยา วงษ์กระจ่าง ภรรยาคู่ชีวิต ได้โพสต์ในอินสตาแกรมว่า “อยากให้เวลาเดินช้าๆ ขอเวลาสักหน่อย” พร้อมภาพวิวจากตึก ภูมิสิริมังคลานุสรณ์ รพ.จุฬา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาก่อนที่สามีจะจากโลกนี้ไปไม่นาน
ซึ่งต่อมา หลังข่าวการเสียชีวิตของ ตั้ว-ศรัณยู บุคคลหลายแวดวง ทั้งวงการบันเทิงและผู้ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อสถาบันและความถูกต้องในบ้านเมืองได้โพสต์แสดงความอาลัยต่อการจากไปของ ตั้ว-ศรัณยู จำนวนมาก เช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เขียนข้อความไว้อาลัยด้วยลายมือระบุว่า “ในชีวิตผมมีความเสียใจมากที่สุดกับการเสียชีวิตของบิดาและมารดา เสียใจมากที่สุดอีกครั้งกับการจากไปของภรรยา (คุณจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล) ...วันนี้ก็เป็นอีกวันที่รู้สึกเสียใจที่สุดเช่นกัน เพราะตั้วเหมือนน้องชายแท้ๆ ...ตั้วเป็นมนุษย์ในความเป็นมนุษย์ เป็นคนที่มีจิตใจดีงามมากๆ ...ผมกับตั้วไม่ค่อยได้เจอกันตั้งแต่ออกจากเรือนจำมา ได้รับแต่ข่าวการเจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยความเป็นห่วงมากๆ อาจจะเป็นเพราะเราใจถึงใจกันมาตั้งแต่การร่วมกันต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ...ทุกวันนี้ผมทำบุญตักบาตรทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิภาวนาทุกๆ เช้า จบลงทุกครั้งทุกวันก็จะแผ่เมตตา อุทิศกุศลผลบุญดังกล่าวให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่ผมรักและเคารพ จากวันนี้ก็ต้องเพิ่มตั้วเข้าไปอีกคนจากกลุ่มคนที่ผมแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ และก็คงจะต้องทำให้ตั้ว ทุกๆ วันจนกว่าผมจะจากโลกนี้ไป ...ด้วยความรักและอาลัยอย่างที่สุดกับน้องรักคนนี้ ขอให้ตั้วไปที่ดีๆ และมีความสุข และสงบ"
ขณะที่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ แต่งกลอน "ดาวศรัณยู" เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ ตั้ว-ศรัณยู ว่า "เธอผู้เป็นพลังใจให้มวลชน เธอผู้กล้าฝ่าหนกลางฝนห่า เธอผู้ถือธงธรรมนำประชา เธอคือดาวผ่องหล้านภาดิน บนเวทีละคร ขจรจบ เจนจัดครบบทบาท ทุกศาสตร์ศิลป์ เวทีสื่อสารสื่อ ระบือระบิล ศิลปินหนึ่งนำเป็นตำนาน กำกับโลกการแสดงก็แกร่งกล้า กำกับโลกโชคชะตาก็กล้าหาญ ทั้งโลกจริงโลกแสดงแกร่งตระการ ให้ผู้คนกล่าวขานอยู่นานยาว โอ้ว่าดวงดาวคล้อยมาลอยล่วง อัญเชิญดาวหยาดดวงคืนห้วงหาว ไปส่องแสงศรัทธาในฟ้าพราว ให้ฟ้าฝากเฝ้าดาวคอยเฝ้าดู ยืนหยัดชัดเจนเป็นศิลปิน ทั้งงานศิลป์สร้างสรรค์งานต่อสู้ กระจ่างชัดทัดทานต้านศัตรู ศรัณยู วงษ์กระจ่าง กระจ่างใจ"
ด้านประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง ได้โพสต์ภาพวาด ตั้ว-ศรัณยู ที่เพิ่งวาดเสร็จ พร้อมเขียนบทกลอนผ่านเฟซบุ๊กว่า "เป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง เป็นครู เป็นศิษย์ซึ่งกตัญญู ยิ่งแล้ว เป็นพสกนิกรผู้ จงรัก เป็นถ้วนแล้วพ่อแก้ว. กระจ่างแท้ศรัณยู"
สำหรับพิธีศพ ตั้ว-ศรัณยู มีขึ้นที่วัดนาคปรก ซอยเทอดไทย 49 ภาษีเจริญ กทม. โดยเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพวงมาลาวางที่หน้าหีบศพนายนรัญยู (ศรัณยู) วงษ์กระจ่าง
ต่อมา วันที่ 12 มิ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ไปวางที่หน้าหีบศพนายนรัญยู (ศรัณยู) วงษ์กระจ่าง ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แก่ครอบครัววงษ์กระจ่าง อย่างหาที่สุดมิได้
ทั้งนี้ เปิ้ล-หัทยา ภรรยา ตั้ว-ศรัณยู เผยถึงอาการป่วยของสามีว่า เริ่มจากก่อนหน้านี้ที่มีปัญหากระดูกสันหลังข้อที่ 3 ยุบตัวลง และพบลิ่มเลือด แพทย์จึงเช็คอย่างละเอียดว่า ลิ่มเลือดเกิดจากอะไร จึงพบว่า พี่ตั้วเป็นมะเร็งตับ และลามไปที่กระดูก ซึ่งมะเร็งตับเกิดจากการที่พี่ตั้วมีภาวะไวรัสตับอักเสบบีอยู่แล้วแต่กลายพันธุ์เป็นมะเร็งตับ และว่า พี่ตั้วเป็นไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ซึ่งปกติพี่ตั้วดูแลตัวเองและเช็คร่างกายตลอด แต่ช่วง 2 ปีหลังไม่ได้เช็ค ตอนแรกหมอลงความเห็นว่า น่าจะเป็นมะเร็งระยะ 3 และให้การรักษา จนพี่ตั้วสามารถออกมาทำงานได้อีกครั้ง กระทั่งปวดบริเวณสะบักและเอว ทำให้ต้องกลับไปหาหมออีกครั้ง
เปิ้ล-หัทยา เล่าต่อว่า “ซึ่งในครั้งนั้นคุณหมอก็ลงความเห็นว่าควรจะต้องพัก เนื่องจากกระดูกของเขาทรุดเพิ่ม เราจึงเข้าสู่กระบวนการฉายแสง แต่ด้วยความที่ตับมันอยู่ใกล้กับท้องอยู่ใกล้กับกระเพาะ เลยทำให้เวลาพี่ตั้วทานอาหารเขารู้สึกพะอืดพะอม ไม่ค่อยอยากทานอาหารสักเท่าไหร่ ประกอบกับเขามีภาวะแคลเซียมสูง ดังนั้น เมื่อแคลเซียมสูงมันก็จึงไปทำลายระบบความคิด ระบบการพักผ่อน และทำให้เขาเริ่มไม่อยากนอน”
เปิ้ล-หัทยา ยังบอกด้วยว่า ไม่คิดว่า สามีจะจากไปเร็วแบบนี้ คิดว่าเข้าโรงพยาบาลเพื่อเปลี่ยนยาในการรักษา “มันก็เร็วนะคะ เร็ว ตอนแรกเราคิดว่าการไปโรงพยาบาลครั้งนี้ น่าจะทำให้เขาแข็งแรงขึ้น เพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนยา ไม่ได้คิดเลยว่า... ไม่ได้คิดเลย (น้ำตาคลอ)”
สำหรับกำหนดการสวดพระอภิธรรม ตั้ว-ศรัณยู เริ่มตั้งแต่วันที่ 11-17 มิ.ย. และพระราชทานเพลิงศพวันที่ 18 มิ.ย.เวลา 17.00 น. โดยมีเพื่อนและบุคคลในแวดวงบันเทิง รวมถึงแวดวงการเมืองมาร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ ตั้ว-ศรัณยู จำนวนมาก อาทิ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ แดง-ธัญญา วชิรบรรจง, ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค, ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรฯ, นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ฯลฯ
สำหรับ ตั้ว-ศรัณยู มีชื่อจริงว่า นรัณยู วงษ์กระจ่าง เกิดเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2503 ที่ ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นน้องชายของธเนศ วรากุลนุเคราะห์ มีพี่น้อง 4 คน โดยใช้คนละนามสกุลกัน เนื่องจากศรัณยูถูกป้าขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ยังเด็ก จึงใช้นามสกุลของป้ามาตลอด ในด้านการศึกษา จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีใจรักวงการบันเทิงและฝีมือด้านการแสดงตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เริ่มต้นจากการเล่น “ละคอนถาปัด” ซึ่งเป็นละครเวทีโดยนิสตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
เมื่อจบการศึกษา ได้มีผลงานทางโทรทัศน์ รายการ เพชฌฆาตความเครียด ส่วนงานด้านอาชีพนักแสดง เป็นพระเอกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มีทั้งผลงานละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และละครเวที มากกว่า 100 เรื่อง สำหรับผลงานละครโทรทัศน์ ได้แก่ เก้าอี้ขาวในห้องแดง, ระนาดเอก, บ้านทรายทอง และ พจมาน สว่างวงศ์, ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง, วนาลี, น้ำเซาะทราย, มนต์รักลูกทุ่ง, นายฮ้อยทมิฬ ฯลฯ ส่วนผลงานละครเวทีที่เป็นที่จดจำมากที่สุด คือ สู่ฝันอันยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ ตั้ว-ศรัณยู ยังมีผลงานพิธีกร ผู้กำกับละครโทรทัศน์ และผู้กำกับภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง และได้ออกมาร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันและบ้านเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ซึ่งเป็นคนในวงการบันเทิงที่สนิทกับ ตั้ว-ศรัญยู มากที่สุด กล่าวว่า "พี่ตั้วเป็นคนที่ทรงคุณค่าทั้งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ศาสนาพี่ตั้วอยู่ใกล้วัดนาคปรก บำรุงตลอด ชาติเรารู้ว่าพี่ตั้วทำอะไร พระมหากษัตริย์ ก็มีพวงหรีดมา พระราชทานหรีดมา เพราะอะไร เพราะคนๆ นี้ รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นคนไทยที่สมบูรณ์แบบที่สุด"
2.ศบค. เห็นชอบคลายล็อก ระยะ 4 ยกเลิก "เคอร์ฟิว" ไฟเขียว "จัดเลี้ยง-คอนเสิร์ต-ดื่มเหล้าในร้าน" ยังเบรกผับบาร์-อาบอบนวด!
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงผลประชุม ศบค. ว่า การผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 4 ในส่วนมาตรการการบังคับใช้กฎหมายนั้น ที่ประชุมเห็นชอบยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) โดยจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 15 มิ.ย. แต่ยังคงควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เนื่องจากคนติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศทั้งสิ้น จึงยังต้องคงไว้ แต่คนในประเทศเดินทางได้ตลอดเวลา ไม่มีเคอร์ฟิว ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวว่า เริ่มมีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น.วันที่ 14 มิ.ย.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการคลายล็อกระยะที่ 4 ว่า มีดังนี้ 1.การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา มีประเด็นสำคัญ คือ อนุญาตการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ หรือสถาบันการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ และโรงเรียนนอกระบบ ประเภทกวดวิชา รวมถึงอนุญาตจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระบบที่มีนักเรียน รวมทั้งโรงเรียนไม่เกิน 120 คน คือ โรงเรียนขนาดเล็ก บางที่อยู่ไกล หรืออยู่ใน กทม. ถ้ามีขนาดเล็ก สามารถจัดเตรียมได้เร็ว ก็สามารถเปิดได้วันที่ 15 มิ.ย.นี้ รวมถึงโรงเรียนตระเวนชายแดน ก็สามารถจัดการศึกษาได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้อาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการ หน่วยงานในกำกับของรัฐเพื่ออบรมสัมมนาหลักสูตรฝึกอบรมที่หน่วยงานจัดขึ้น
2. กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ประกอบด้วย ก. การจัดประชุม อบรมสัมมนา นิทรรศการ งานพิธี การจัดเลี้ยง การแสดงดนตรี นาฏศิลป์ คอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ ที่จัดในโรงแรม โรงมหรสพ ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์การแสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ และสถานที่อิ่นๆ ใช้เกณฑ์คิด 4 ตารางเมตรต่อคน ดังนั้น การจัดงานอีเวนต์ จัดเลี้ยง เปิดตัวสินค้า ประกวด แข่งขันกีฬา สามารถจัดได้ แต่ต้องมีระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ส่วนงานดนตรี คอนเสิร์ต ต้องดูแลเรื่องความหนาแน่น ไม่แออัดเกินไป ไร้ระเบียบ โดยยึดเกณฑ์ 5 ตารางเมตรต่อคน
ข. บริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงแรม ร้านอาหาร หรือเครื่องดื่มทั่วไป หรือสถานที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ยกเว้นสถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ และโรงเบียร์ ยังไม่อนุญาตเปิดดำเนินการ
ค. สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ที่ดูแลเด็กและผู้สูงอายุแบบรายวัน เดิมอยู่นอนได้แล้ว ตอนนี้รายวันทำได้ ง. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เช่น ท้องฟ้าจำลอง ให้เข้าชมเป็นกลุ่มเป็นรอบ จ. การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ กองถ่าย รวมทุกแผนกไม่เกิน 150 คน ส่วนคนชมไม่เกิน 50 คน
3. กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ สันทนาการ ประกอบด้วย ก. อบตัว อบสมุนไพร อบไอน้ำ ในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ยกเว้น สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบ อบ นวด ยังไม่อนุญาต แต่ให้จัดบริการแบบแยกห้องเดี่ยว กรณีห้องรวมหรือบ่อออนเซนรวม ให้ควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการ จำกัดจำนวนผู้ใช้ต่อรอบ คิดเกณฑ์ 5 ตารางเมตรต่อคน
ข. การออกกำลังกายแบบกลุ่มในสวนสาธารณะ เช่น แอโรบิก ไม่ควรเกิน 50 คน ค. สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก ยกเว้นเครื่องเล่นที่ติดตั้งชั่วคราว หรือมีพื้นผิวสัมผัสมากเสี่ยงต่อการติดเชื้อในเด็ก เช่น บ้านบอล บ้านลม ง. สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย ลานกีฬาเพื่อการเรียนการสอนทุกประเภทกีฬา จัดให้มีการแข่งขัน แต่ต้องไม่มีผู้ชม แต่จัดการถ่ายทอดสดได้ จ. ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ ที่ตั้งในห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า “มาตรการควบคุมทุกกิจกรรม มี 9 ด้าน คือ ทำความสะอาดพื้นผิว กำจัดขยะมูลฝอย สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาของผู้ให้บริการ การควบคุมการเข้าออก การลงทะเบียน การสวมหน้ากากของผู้ใช้บริการ ลงทะเบียนไทยชนะ ดูแลจำนวนคนตามกำหนด จุดล้างมือที่ต้องเพียงพอ”
ส่วนการขนส่งข้ามจังหวัดนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเดินทางโดยเครื่องบินนั้น สามารถใช้ที่นั่งได้เกือบ 100% จากเดิมที่ให้ใช้ 70% เนื่องจากแม้ที่นั่งใกล้กัน แต่การบินภายในประเทศใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่การติดเชื้อใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงให้มีการนั่งได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ขึ้นเครื่องบิน ขณะที่รถโดยสาร เนื่องจากระบบระบายอากาศไม่เหมือนกับเครื่องบิน ต้องอยู่ที่ 70% และมีการลงทะเบียนเพื่อติดตามตัว
3.ไทยยังคุมโควิด-19 ได้ดี ไร้ผู้ติดเชื้อใน ปท. พบรายใหม่ในผู้เดินทางกลับจาก ตปท.เท่านั้น!
สถานการณ์โคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 ในไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 7 ราย ซึ่งทั้งหมดพบในสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine) ทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 7 ราย มาจาก 3 ประเทศ แบ่งเป็น กลับมาจากประเทศปากีสถาน 2 ราย เป็นนักศึกษาชาย กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 ราย เป็นเพศหญิง 3 ราย เป็นพนักงานนวด และนักเรียนชาย วัย 11 ปี กลับมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นหญิงไทย
วันต่อมา 9 มิ.ย. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 2 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,121 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,973 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 90 ราย เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 2 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยรายแรกเป็นนักศึกษาชายกลับมาจากซาอุดีอาระเบีย ส่วนอีกรายเป็นหญิง อายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัท กลับมาจากเนเธอร์แลนด์ ถึงไทยวันที่ 3 มิ.ย. เข้าพักในโรงแรมใน กทม. ตรวจวันที่ 3 มิ.ย. ผลบวกไม่ชัดเจน จึงให้เข้ารับการรักษา รพ.นพรัตนราชธานี กทม. และส่งตรวจซ้ำวันที่ 8 มิ.ย. จึงพบเชื้อ
วันต่อมา 10 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 4 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 8 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,125 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,981 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 86 ราย เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่มาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักกันของรัฐ แบ่งเป็น มาจากมาดากัสการ์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานบริษัท, มาจากปากีสถาน 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 34 ปี สามีเป็นชาวปากีสถาน, มาจากอินเดีย 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี โดย 1 รายมีอาชีพพนักงานนวด อีก 1 รายเป็นนักท่องเที่ยว
วันต่อมา 11 มิ.ย. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ หรือเป็น 0 ราย มีผู้รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,125 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 80 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย
วันต่อมา 12 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 4 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,128 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,984 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 84 ราย เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่กลับมาจากอินเดียและอยู่ในสถานกักกันของรัฐทั้งหมด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. หญิงไทย อายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้าน 2. ชายไทยอายุ 37 ปี และ 53 ปี อาชีพรับจ้าง และหญิงไทยอายุ 44 ปี อาชีพพนักงานนวด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า หากนับผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศถือว่าเป็น 0 เป็นเวลา 18 วันแล้ว แต่การ์ดต้องไม่ตก เพราะนักวิชาการบางท่านบอกว่า 28 วัน หรือ 2 เท่าของระยะฟักตัวของโรค แม้จะปลอดภัยปลอดเชื้อ แต่ทั่วโลกติดเชื้อวันละเป็นแสนรายก็ยังน่ากังวลใจ สำหรับประเทศอินเดีย ยังมีการติดเชื้อสูงที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีคนไทยเดินทางกลับมาจากอินเดีย 2,445 คน พบผู้ป่วย 14 ราย อัตราติดเชื้อคิดเป็น 5.21% ถือว่าสูง
ล่าสุด วันนี้ (13 มิ.ย.) เฟซบุ๊กเพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์ประจำวันของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 13 มิ.ย.ว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 3,134 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 2,987 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 89 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 รายโดยผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 5 ราย กลับมาจากต่างประเทศ คือ ซาอุดีอาระเบีย และเข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยเป็นนักเรียน นักศึกษา เพศชายทั้งหมด เดินทางถึงประเทศไทยด้วยเครื่องบินลำเดียวกัน
4.ศาล รธน. ฟัน “ระวี รุ่งเรือง” พ้น ส.ว. เหตุเคยถูกไล่ออกจากราชการ ชี้ กม.ล้างมลทิน ลบล้างการกระทำไม่ได้!
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของนายระวี รุ่งเรือง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีตนายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทยและเลขานุการคณะกรรมการศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 ข จากกรณีมีลักษณะต้องห้าม (1) มาตรา 98 (8) และมาตรา 82 วรรคสี่ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำการทุจริต ประพฤติมิชอบในวงราชการ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย
สำหรับกรณีนี้ สืบเนื่องจาก กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังปรากฏหลักฐานว่า ก่อนที่นายระวีจะได้รับการสรรหาและแต่งตั้งเป็น ส.ว. เคยถูกลงโทษทางวินัย ให้ไล่ออกจากราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่าง ร้ายแรง ตามคำสั่งกรมการปกครอง ที่ 689/2539 ลงวันที่ 15 ส.ค.2539 เนื่องจากขณะที่นายระวีเป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง 3 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน ถือเป็นพฤติกรรมในทางทุจริต และศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำพิพากษาว่า การเรียกและรับเงินจากผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับราชการ เพื่อเป็นค่าวิ่งเต้นให้ได้เข้ารับราชการนั้น เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และความร้ายแรงอยู่ที่ระดับเดียวกับกรณีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า “นายระวีจึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ว. แม้ในเวลาต่อมา นายระวีจะได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 และ พ.ร.บ.ล้างมลทินปี 2550 ก็มีความหมายเพียงว่า นายระวีไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ความประพฤติหรือการกระทำของผู้ถูกร้องที่เป็นเหตุให้ถูกลงโทษทางวินัยถูกลบล้างไปด้วยแต่อย่างใด ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539 ที่ได้วางหลักไว้ในกรณีนี้ จึงถือว่ามีเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ว.ของนายระวีสิ้นสุดลง”
ด้านนายระวีกล่าวหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ยอมรับและเคารพคำวินิจฉัยที่ออกมา แต่ก็ยังมีประเด็นคาใจว่า เคยถูกลงโทษทางวินัยครั้งแรกลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ในปี 2536 ต่อมาปี 2539 เดือน มิ.ย. มี พ.ร.บ.ล้างมลทินออกมา แต่อนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กลับมีมติในเดือน ส.ค.2539 ให้เพิ่มโทษตนเป็นไล่ออกจากราชการ ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 กำหนดห้ามมีการเพิ่มโทษบุคคลที่ได้รับโทษทางวินัยไปบางส่วนแล้ว ตนจึงเห็นว่า เมื่อ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 มีการกำหนดห้ามเพิ่มโทษแล้ว ตนก็ต้องไม่เป็นผู้ถูกไล่ออกจากราชการ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ในคำชี้แจงที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไปก่อนหน้านี้ แต่ศาลฯ คงไม่ได้พิจารณา ก็ไม่เป็นไร พร้อมเคารพ
มีรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูยมีคำวินิจฉัยให้นายระวี รุ่งเรือง พ้นสภาพการเป็น ส.ว. ส่งผลให้จะต้องมีการเลื่อน ส.ว.จากรายชื่อในบัญชีสำรองขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน โดยผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในลำดับถัดไป ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนายระวี คือ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
5.น้องชายพระกิตติวุฑโฒ “บุญช่วย-ลูก” นอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกันตัว คดีฮุบที่ดิน 3.8 พันไร่!
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ตำรวจกองปราบฯ นำโดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ และ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ได้นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 32/21 หมู่ 10 ต.คลองพลู อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี เพื่อเข้าจับกุมนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี น้องชายอดีตพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดจิตตภาวัน จ.ชลบุรี และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชายนายบุญช่วย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาเบิกความเท็จต่อศาล ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ ซึ่งขณะเข้าจับกุม ผู้ต้องหากำลังนอนหลับอยู่
สำหรับการเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 คนนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2561 มูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเอาผิดนายบุญช่วย น้องชายอดีตพระกิตติวุฑโฒ และอดีตประธานมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุว่า ได้ยักยอกที่ดินในพื้นที่ ต.พลวง ต.ตะเคียนทอง อ.เขาคิชฌกูฏ และบางส่วนใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ของมูลนิธิฯ กว่า 3,800 ไร่ ไปเป็นของตนเอง โดยมีการสวมสิทธิการครอบครองและนำไปออกโฉนดโดยมิชอบด้วยการแจ้งเท็จต่อศาลแพ่งและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า เดิมที ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดิน สปก.มีนายสมพล โกศลานันท์ เป็นผู้ครอบครอง กระทั่งปี 2513-2515 พระกิตติวุฑโฒ ในขณะนั้นได้ก่อตั้งมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย พร้อมเปิดรับบริจาครวบรวมเงินจากชาวบ้านมาเป็นทุนซื้อที่ดินผืนดังกล่าวจากนายสมพล เพื่อนำมาใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ของพระสงฆ์ ในราคา 12 ล้านบาท แต่จ่ายเงินไปเพียง 8 ล้าน อีก 4 ล้านยังไม่ได้ชำระ แต่นายสมพลเห็นว่า จะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ทางศาสนา จึงมอบที่ดินให้ไปใช้ประโยชน์ก่อน
หลังพระกิตติวุฑโฒได้ที่ดินมาแล้ว ได้มอบหมายให้นายบุญช่วย น้องชาย เป็นผู้ดูแลที่ดิน แต่เมื่อพระกิตติวุฑโฒมรณภาพ เมื่อปี 2548 นายบุญช่วยและบุตรชายกลับวางแผนที่จะเข้าครอบครองที่ดินผืนดังกล่าวมาเป็นของตนเอง โดยในปี 2550 นายบุญช่วยไปยื่นเรื่องฟ้องร้องนายเรวัฒิ โกศลานันท์ ลูกชายของนายสมพล ในฐานะเป็นผู้รับมรดก เพื่อให้โอนที่ดินดังกล่าวมาเป็นของตัวเอง โดยมีนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความชื่อดังเป็นทีมทนายความ กระทั่งศาลจังหวัดจันทบุรี มีคำพิพากษาให้ทายาทของนายสมพล โอนที่ดินดังกล่าวไปเป็นชื่อของนายบุญช่วยตามที่ร้องขอ
จากนั้นปี 2554-2555 นายบุญช่วยไปยื่นขอเปลี่ยนสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดที่ดิน ต่อมา น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นหลานของนายสมพล เห็นความผิดปกติ และไม่พอใจ เพราะที่ดินดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางศาสนาตามวัตประสงค์เดิม จึงเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นหลายคดี โดยความขัดแย้งบานปลายถึงขั้น พล.ต.ต.ธารินทร์ตัดสินใจใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่ทีมทนายความของนายบุญช่วย ภายในศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2562 ทำให้ทีมทนายของนายบุญช่วย เสียชีวิต 2 คน คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ และนายวิจัย สุขรมย์ ส่วนนายวิชัย อุดมธนภัทร ทนายความ และนางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ภรรยานายบัญชา บาดเจ็บสาหัส
ทั้งนี้ หลังตำรวจสอบปากคำนายบุญช่วยและนายกิตติพงษ์ บุตรชายแล้ว ทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งต่อมา วันที่ 11 มิ.ย. ตำรวจกองปราบฯ ได้นำตัว 2 ผู้ต้องหาดังกล่าวไปยื่นศาลอาญาขอฝากขัง พร้อมคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว
หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ผู้ต้องหาได้ทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว ด้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนา และมูลค่าความเสียหายในคดีสูง หากปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่า ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและอาจหลบหนีได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
ติวสอบ รอง ผอ.เขต 2563
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
(ฟรีสรุป-ข้อสอบ-เฉลย ภาค กขค)
(ฟรีสรุป-ข้อสอบ-เฉลย ภาค กขค)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น