อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม
คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
ข่าวที่ 167/2562 รมช.ศธ.บรรยาย "ภารกิจใหม่กระทรวงการอุดมศึกษาฯ" ในการประชุม ทปอ.
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายพิเศษ "โครงการและภารกิจใหม่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม" ในการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และการประชุมสามัญสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำประเทศไทย ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2562 ณ อาคารหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร กล่าวว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) มีที่มาจากความประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ขึ้นเป็นกระทรวงใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต่อมาได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่ให้ทุนวิจัย คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รวมถึงการบูรณาการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อจัดตั้งเป็นกระทรวงใหม่
โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศร่วมกัน ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งจะมีการบูรณาการระหว่างการเรียนการสอน และการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อให้มีทิศทางในการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของประเทศอย่างชัดเจน พร้อมทั้งส่งเสริมและใช้ประโยชน์ทุนมนุษย์ ด้วยการสร้างกำลังคนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ รวมทั้งติดตามและสนับสนุนการพัฒนากำลังคนอย่างเป็นระบบ ตลอดจนสร้างความเป็นเอกภาพระหว่างงานวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อนำการวิจัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ การจัดตั้ง อว. มีเจตนารมณ์เพื่อปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กล่าวคือ การรวมตัวกันของหลายหน่วยงานเพื่อจัดตั้งกระทรวงใหม่นี้จะต้องมีพลังมากขึ้น (Synergy) เกิดการแลกเปลี่ยนบุคลากรอย่างคล่องตัว (Mobility) ที่เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรร่วมกัน รวมทั้งมีเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมให้กับประเทศ (Innovation)
โดยจะมุ่งเน้นการปฏิรูปใน 3 เรื่องสำคัญ คือ ด้านการบริหารราชการ ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบของระบบราชการน้อยลง และมีองค์การมหาชนเพิ่มมากขึ้น, ด้านกฎระเบียบ เพื่อช่วยให้งานวิจัยเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน รวมถึงด้านระบบงบประมาณ ที่จะต้องมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการช่วยสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานวิจัยทั่วประเทศให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
อีกทั้งได้มีการออกแบบกระทรวงใหม่ให้การทำงานที่คล่องตัวและมีอิสระมากขึ้น สามารถส่งเสริมสนับสนุนภารกิจของสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัย พร้อมทั้งเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยกับกระทรวงต่าง ๆ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนสนับสนุนงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ประสานการจัดสรรงบประมาณ และวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศพัฒนาคนและหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง สร้างระบบกระบวนการบริหารจัดการด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)
สำหรับโครงสร้างในภาพรวม ของ อว. ประกอบด้วย สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สอวช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยสภาฯ นี้จะทำหน้าที่กำหนดนโยบายให้ อว. พร้อมกับมีคณะกรรมการ จำนวน 3 ชุด คือ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กสว.), คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) พร้อมด้วยสำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ในส่วนของประเด็นความท้าทายด้านการวิจัย ที่ อว. ต้องดูแลและรับผิดชอบ ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน และสังคม, การทำงานอย่างมีเอกภาพระหว่างการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, การเชื่อมโยงระหว่าง “การพัฒนาบุคลากรภาคการอุดมศึกษา” “การวิจัยและนวัตกรรม” และ “การใช้ประโยชน์”, การบูรณาการส่งต่อผลงานองค์ความรู้สู่ผู้ใช้ประโยชน์, การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน ตลอดจนการบูรณาการและใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมร่วมกัน
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า การอุดมศึกษาไทยต้องปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เมื่อโลกเปลี่ยนคนก็ต้องปรับ ทั้งวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต วัฒนธรรมการเรียนรู้ และวัฒนธรรมการทำงาน การจัดการเรียนการสอนต้องเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เน้นการใช้ความรู้สร้างนวัตกรรม และเป้าหมายสุดท้ายของการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาอาจไม่ใช่ปริญญาอีกต่อไป แต่เป็นการจัดการศึกษาเพื่อสร้างให้คนมีอาชีพ มีรายได้ และมีงานทำ สำหรับคนทุกช่วงวัย เน้นคนวัยแรงงาน และผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นการสร้างหลักสูตรที่เป็น Non-degree และการฝึกอบรมเพิ่มขึ้น รวมทั้งเน้นทักษะสมรรถนะด้านภาษาอังกฤษและดิจิทัล พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
ข่าวที่ 167/2562 รมช.ศธ.บรรยาย "ภารกิจใหม่กระทรวงการอุดมศึกษาฯ" ในการประชุม ทปอ.
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายพิเศษ "โครงการและภารกิจใหม่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม" ในการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และการประชุมสามัญสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำประเทศไทย ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2562 ณ อาคารหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศร่วมกัน ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งจะมีการบูรณาการระหว่างการเรียนการสอน และการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อให้มีทิศทางในการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของประเทศอย่างชัดเจน พร้อมทั้งส่งเสริมและใช้ประโยชน์ทุนมนุษย์ ด้วยการสร้างกำลังคนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ รวมทั้งติดตามและสนับสนุนการพัฒนากำลังคนอย่างเป็นระบบ ตลอดจนสร้างความเป็นเอกภาพระหว่างงานวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อนำการวิจัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ การจัดตั้ง อว. มีเจตนารมณ์เพื่อปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กล่าวคือ การรวมตัวกันของหลายหน่วยงานเพื่อจัดตั้งกระทรวงใหม่นี้จะต้องมีพลังมากขึ้น (Synergy) เกิดการแลกเปลี่ยนบุคลากรอย่างคล่องตัว (Mobility) ที่เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรร่วมกัน รวมทั้งมีเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมให้กับประเทศ (Innovation)
โดยจะมุ่งเน้นการปฏิรูปใน 3 เรื่องสำคัญ คือ ด้านการบริหารราชการ ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบของระบบราชการน้อยลง และมีองค์การมหาชนเพิ่มมากขึ้น, ด้านกฎระเบียบ เพื่อช่วยให้งานวิจัยเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน รวมถึงด้านระบบงบประมาณ ที่จะต้องมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการช่วยสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานวิจัยทั่วประเทศให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
อีกทั้งได้มีการออกแบบกระทรวงใหม่ให้การทำงานที่คล่องตัวและมีอิสระมากขึ้น สามารถส่งเสริมสนับสนุนภารกิจของสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัย พร้อมทั้งเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยกับกระทรวงต่าง ๆ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนสนับสนุนงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ประสานการจัดสรรงบประมาณ และวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศพัฒนาคนและหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง สร้างระบบกระบวนการบริหารจัดการด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)
สำหรับโครงสร้างในภาพรวม ของ อว. ประกอบด้วย สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สอวช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยสภาฯ นี้จะทำหน้าที่กำหนดนโยบายให้ อว. พร้อมกับมีคณะกรรมการ จำนวน 3 ชุด คือ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กสว.), คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) พร้อมด้วยสำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ในส่วนของประเด็นความท้าทายด้านการวิจัย ที่ อว. ต้องดูแลและรับผิดชอบ ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน และสังคม, การทำงานอย่างมีเอกภาพระหว่างการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, การเชื่อมโยงระหว่าง “การพัฒนาบุคลากรภาคการอุดมศึกษา” “การวิจัยและนวัตกรรม” และ “การใช้ประโยชน์”, การบูรณาการส่งต่อผลงานองค์ความรู้สู่ผู้ใช้ประโยชน์, การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน ตลอดจนการบูรณาการและใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมร่วมกัน
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า การอุดมศึกษาไทยต้องปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เมื่อโลกเปลี่ยนคนก็ต้องปรับ ทั้งวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต วัฒนธรรมการเรียนรู้ และวัฒนธรรมการทำงาน การจัดการเรียนการสอนต้องเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เน้นการใช้ความรู้สร้างนวัตกรรม และเป้าหมายสุดท้ายของการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาอาจไม่ใช่ปริญญาอีกต่อไป แต่เป็นการจัดการศึกษาเพื่อสร้างให้คนมีอาชีพ มีรายได้ และมีงานทำ สำหรับคนทุกช่วงวัย เน้นคนวัยแรงงาน และผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นการสร้างหลักสูตรที่เป็น Non-degree และการฝึกอบรมเพิ่มขึ้น รวมทั้งเน้นทักษะสมรรถนะด้านภาษาอังกฤษและดิจิทัล พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น