หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

คู่มือ ติวสอบครูผู้ช่วย ปี 2566 ครบ ภาค กขค

คู่มือ ติวสอบครูผู้ช่วย ปี 2566 ครบ ภาค กขค
คู่มือ ติวสอบครูผู้ช่วย ปี 2566 ครบ ภาค กขค

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ติวสอบ ความรอบรู้เด่นรอบสัปดาห์ 5-13 ก.ค.2563

อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง) 
เรื่องใหม่น่าสนใจ  (ทั้งหมด ที่ ) 




(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข


40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ 


เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม 

คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร


 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   


ติวสอบ ความรอบรู้เด่นรอบสัปดาห์ 5-13 ก.ค.2563

(จากซ้าย) นายสุวิทย์ เมษินทรีย์-นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์-นายอุตตม สาวนายน-นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล

1.“อุตตม-สนธิรัตน์” นำทีม 4 กุมารไขก๊อกพ้น พปชร. ชี้ภารกิจลุล่วงแล้ว ด้าน “สิระ” ไล่บี้คืนตำแหน่ง รมต.ให้พรรค!

หลังกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ลาออก 18 คน เพื่อกดดันให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ กระทั่งได้มีการเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ให้มานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค และมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 27 คน ซึ่งผลปรากฏว่า ไร้ชื่อ 4 กุมารในกรรมการบริหารพรรค คือ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและอดีตหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและอดีตเลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรมและอดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และอดีตกรรมการบริหารพรรค ทั้งที่บุคคลทั้งสี่มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งพรรค พปชร.และขับเคลื่อนพรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีความพยายามจากบางคนในพรรค พปชร.ให้มีการปรับ ครม.หลังเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค พปชร.ชุดใหม่

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้แถลงข่าวร่วมกันที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร.

โดยนายอุตตม กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีส่วนร่วมเป็นแกนนำจัดตั้งพรรค พปชร.ตั้งใจที่จะทำงานการเมืองเพื่อประเทศชาติในตอนนั้น มีเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นผู้นำประเทศ ก้าวข้ามสถานการณ์ในช่วงนั้น ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยหลายๆ อย่างในพรรคก็มีความก้าวหน้าทั้งการสานต่อนโยบายในการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองมาโดยตลอด หลายๆ คนร่วมกัน จนถึงวันนี้กล่าวได้ว่า ภารกิจทั้ง 4 คนได้บรรลุล่วงไปแล้ว ประกอบกับพรรค พปชร.มีคณะผู้บริหารใหม่ที่พร้อมจะนำพาพรรคให้เดินหน้าต่อไปได้

ขณะที่นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันที่พวกเราเดินเข้ามาร่วมตั้งพรรค พปชร. เราทราบดีว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของบ้านเมือง ขณะนั้นมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้นำประเทศในช่วงรอยต่อ นั่นคือที่มาของการลาออกของพวกเรา 4 คน จากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วมาทำงานการเมือง อย่างที่นายอุตตมพูดถึงว่า ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จนทุกอย่างเดินหน้าตามความตั้งใจ บัดนี้มองว่า บทบาททางการเมืองคือหน้าที่นั้น ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา พวกเราไม่ได้มีความยึดติดกับบทบาทใด พวกเราตั้งใจทำหน้าที่ในทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และจะทำอย่างดีที่สุด ส่วนบทบาทต่างๆ ที่ได้รับ จะดำเนินไปแค่ไหน เมื่อใดนั้น เป็นเรื่องที่พวกเราไม่ยึดติดและยินดีอย่างยิ่งที่จะมีส่วนในการช่วยเหลือบ้านเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลที่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี นายอุตตม กล่าวว่า “เหตุผลที่เรามาแถลงข่าววันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องของพรรค ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร การปรับเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงอะไรในอนาคต เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ พวกตนก็ทำหน้าที่ที่เรามีอยู่อย่างเต็มที่ ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรใน ครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี”

เมื่อถามต่อว่า ต่อไป ทั้ง 4 คน จะมีการทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกันในอนาคตหรือไม่ มีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เรา 4 คน ผูกพันกันพอสมควร ตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาที่ได้ตัดสินใจมาทำงานการเมืองเพื่อประเทศร่วมกัน ส่วนตัวคิดว่า จะต้องมีกิจกรรมร่วมกันต่อไปแน่นอน แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นกิจกรรมอะไร “จะตั้งพรรคหรือไม่ ไม่ได้คิด ต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็จะต้องดูโอกาสเพื่อจะทำให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ก็จะค่อยๆ ดู ค่อยๆ คิดไป”

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีที่ 4 กุมารลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ว่า ต้องขออวยพรให้ทั้ง 4 ท่านโชคดี แต่วันนี้เมื่อไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว ก็ควรจะคืนโควต้าคณะรัฐมนตรีที่ตัวเองดำรงตำแหน่งอยู่กลับมาให้พรรค พปชร.ด้วย ตนขอเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย “ทั้ง 3 ท่าน วันนี้ยังนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในส่วนโควต้าของพรรค พปชร. เมื่อลาออกจากพรรคแล้ว ก็ควรคืนตำแหน่งนี้กลับมาให้เป็นสมบัติของพรรค ไม่ใช่ยังกั๊กตำแหน่งอยู่เช่นนี้ เพราะถือว่าวันนี้พวกท่านไม่มีสิทธิแล้ว และคนที่จะดำรงตำแหน่งแทนท่านก็ควรจะเป็นสมาชิกของพรรค พปชร.ท่านอื่นๆ“ นายสิระ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พวกท่านได้รับประโยชน์จากพรรคไปมากพอแล้ว เมื่อวันนี้ตัดสินใจเดินออกจากพรรคไป ก็ควรคืนสมบัติที่เป็นของพรรคกลับคืนมาด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีที่ 4 กุมารลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ตนก็เคารพการตัดสินใจ ถือเป็นเรื่องภายในพรรค พปชร. “ส่วนผมเองก็ต้องเตรียมพิจารณาว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป วันนี้ขอให้ท่านเชื่อมั่นระบบบริหารราชการแผ่นดินของเรา เชื่อมั่นในตัวผม และผมก็จะนำพาประเทศชาติในช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ในส่วนการปรับเปลี่ยน ครม.ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นวิถีทางทางการเมือง การเข้ามาเป็น ส.ส. การเข้ามาเป็นรัฐมนตรี การจะเข้ามาเป็น ครม. การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องมีการไปพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง”

2."ในหลวง" พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อฯ 13 คัน แก่ สธ. เพื่อเข้าถึง ปชช.กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ทุกพื้นที่อย่างรวดเร็ว!


เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอนุทิน ชาญชีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ เฝ้าฯ รับพระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยจำนวน 13 คัน เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขนำไปใช้ประโยชน์ ณ สำนักงานเขตสุขภาพที่ 1-12 และเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชน บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุกในโรงเรียน วัด ชุมชนแออัดและกลุ่มอาชีพเสี่ยงทั่วประเทศ โดยสามารถเข้าถึงประชาชนในทุกพื้นที่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 6 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,195 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 3,072 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 65 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 5 ราย เดินทางมาจากประเทศคูเวต เข้าพักสถานกักกันใน กทม.

วันต่อมา 7 ก.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้งการติดเชื้อในประเทศและในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมรวมคงที่ 3,195 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 3,072 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 65 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย

วันต่อมา 8 ก.ค. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,197 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 3,074 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 65 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 2 ราย เดินทางกลับมาจากอินเดียและอินโดนีเซีย และอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้

วันต่อมา 9 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,202 ราย รักษาหายเพิ่ม 11 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 3,085 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ. 59 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 5 ราย เดินทางกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัด

นพ.ทวีศิลป์ ได้ชี้แจงถึงกรณีที่ ผบ.ทบ. สหรัฐฯ แขกพิเศษของรัฐบาลเดินทางมาไทยในวันที่ 9-10 ก.ค.ด้วยว่า เป็นไปตามข้อตกลงพิเศษที่มาในระยะสั้น (Special Arrangement) จัดอยู่ใน 11 กลุ่มที่ผ่อนผันไม่ต้องเข้าสู่การกักตัว State Quarantine ตามข้อกำหนดในการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 โดยการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้มีคณะผู้กำกับ/ติดตามการเดินทาง แบ่งออกเป็น 2 คณะ คณะที่ 1 คือ กลุ่มผู้ติดตามที่จัดขึ้นโดยผู้เป็นฝ่ายเชิญ และคณะที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งทั้งหมดจะต้องผ่านการอบรมวิธีการป้องกันตนเองมาก่อนและต้องรายงานหน่วยงานของตน ให้มีการตรวจสุขภาพเพื่อความมั่นใจ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของคณะทำงาน 2 กลุ่มนี้เป็นการทำงานระยะสั้น รักษาระยะห่าง Social Distancing ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน หลังเสร็จภารกิจ โดยเป็นการใช้หลักการเดียวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีความใกล้ชิดกับชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก แต่ไม่จำเป็นต้องกักตัว หรือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ พื้นที่ State Quarantine ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มผู้มีความเสี่ยง ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัวเช่นกัน

วันต่อมา 10 ก.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้งการติดเชื้อในประเทศและในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ โดยมีผู้รักษาหายเพิ่ม 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,202 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 3,087 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 57 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย

ล่าสุด วันนี้ (11 ก.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,216 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 3,088 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 70 ราย ผู้เสียชีวิตรวมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้งหมดเดินทางกลับมาจากบาห์เรน-สหรัฐอเมริกา-ซูซาน และเข้าพักในสถานกักกันของรัฐที่ จ.ชลบุรี

3.“จุรินทร์” เร่งเคลียร์ปม “ลิงเก็บมะพร้าว” แบนกะทิไทย ด้าน “สุเทพ” ชี้ ต่างชาติไม่เข้าใจวิถีชีวิตชาวสวนมะพร้าว!


สัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นที่ถูกพูดถึงกว้างขวางพอสมควร กรณีที่องค์กรประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม (พีตา) ระบุผลสำรวจการใช้ลิงเก็บมะพร้าวของไทยเป็นการทารุณสัตว์ พร้อมเรียกร้องห้างสรรพสินค้าประเทศต่างๆ งดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชาวสวนมะพร้าวและผู้ประกอบการแปรรูปไทย โดยเริ่มมีห้างค้าปลีกบางรายในประเทศอังกฤษถอดผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทยออกจากชั้นวางสินค้าแล้ว

ส่งผลให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าว ผู้ส่งออก และตัวแทนชาวสวนมะพร้าว เมื่อวันที่ 8 ก.ค. เพื่อวางแนวทางชี้แจงข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจกับประเทศต่างๆ

หลังประชุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลหารือได้ข้อสรุป 3 ประเด็น คือ 1.โรงงานผลิตให้ข้อมูลและยืนยันการตรวจสอบย้อนกลับให้ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีการติดรหัสบนหีบห่อผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า ผลิตจากมะพร้าวสวนใด และไม่มีการใช้แรงงานลิงหรือทารุณสัตว์

2.สั่งการให้กรมการค้าระหว่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตอังกฤษและประเทศที่นำเข้ากะทิไทยที่ประจำอยู่ในประเทศไทย รวมถึงสื่อต่างชาติประจำประเทศไทย ร่วมตรวจสอบพื้นที่ปลูกมะพร้าวและโรงงานผลิต โดยอยู่ระหว่างประสานงานและมีกำหนดจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และ 3.สั่งการให้ทีมไทยแลนด์และทูตพาณิชย์ในต่างประเทศเร่งชี้แจงและทำความเข้าใจ รวมถึงให้นัดเจรจาระหว่างเอกชนผู้นำเข้าและผู้ส่งออกไทย เพื่อให้เกิดความเข้าใจและซื้อขายได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ไทยมีการส่งผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวและกะทิปี 2562 มูลค่าประมาณ 12,360 ล้านบาท โดยส่วนนี้เป็นการส่งออกไปอังกฤษ 1,000 ล้านบาท

ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่มาตรการที่รัฐบาลประเทศผู้นำเข้าใช้ปฏิบัติ เป็นเรื่องของเอกชนต่อเอกชน ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า

ส่วนท่าทีจากภาคเอกชน นายเกียรติศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการบริหารและผู้จัดการโรงงานชาวเกาะ บริษัทเทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์กะทิชาวเกาะ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้เข้าหารือกับชาวสวนที่บริษัทได้สั่งซื้อมะพร้าว และจะลงพื้นที่ตรวจสวนก่อนส่งวัตถุดิบเข้าโรงงานว่า ได้ปฏิบัติตามที่ได้ทำข้อตกลงที่บริษัทจะซื้อวัตถุดิบมะพร้าวที่ไม่ใช้แรงงานลิง ซึ่งได้รับการยืนยันจากทุกสวนว่า ไม่ได้ใช้แรงงานลิง

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่มีกระแสข่าวไทยใช้ลิงเก็บมะพร้าว ส่งผลให้สินค้ากะทิชาวเกาะที่อังกฤษถูกถอดออกจากชั้นวางสินค้าในห้างขนาดใหญ่ 2-3 ห้าง ยอดขายหายไปประมาณ 30% ถือว่าสูงมาก อาจเป็นเพราะในรายงานของพีตาระบุชื่อแบรนด์กะทิชาวเกาะชัดเจน ขณะนี้ก็มีลูกค้าที่สหรัฐฯ สอบถามเข้ามา แต่ยังไม่กระทบยอดขาย

ขณะที่นางศศิวรรณ นวลศรี ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดอาวุโส บริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกะทิยี่ห้ออร่อยดี ยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่มีการใช้วัตถุดิบที่ใช้แรงงานลิงแน่นอน และมีการทำข้อสัญญากับทุกสวน รวมถึงวัตถุดิบจากต่างประเทศด้วย และมีการติดรหัสเพื่อตรวจสอบย้อนกลับ เชื่อว่าจะเป็นการแก้ปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นให้สินค้าไทย

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงกรณีห้างสรรพสินค้าในอังกฤษแบนกะทิรวมทั้งผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทย โดยอ้างว่าไทยใช้ลิงเก็บมะพร้าว เป็นการทารุณกรรมสัตว์ว่า ตนเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ท่ามกลางสวนยางพาราและสวนมะพร้าว เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ชาวต่างชาติอาจไม่เข้าใจวิถีชีวิตชาวสวนมะพร้าว

นายสุเทพ ยืนยันด้วยว่า ชาวสวนปฏิบัติต่อลิงที่เก็บมะพร้าวเป็นอย่างดี ให้ความเมตตา ดูแลเหมือนลูกหลาน หากชาวต่างชาติมองจากภายนอกหรือมองผิวเผินก็นึกว่าเป็นการทรมานสัตว์ ซึ่งความจริงไม่ใช่ สมัยโบราณเรายังใช้ม้าลากรถ ใช้วัวควายไถนา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ อย่าไปตื่นเต้นมาก ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรไม่ได้

4.“3 พิธีกรช่องส่องผี” อ่วม ถูกแจ้งความ 2 กรณี บิดเบือนประวัติศาสตร์ย่าโม-กล่าวหาอดีต ผอ.โรงเรียนรับสินบน!

(จากซ้าย) นายศราวุฒิ หรือเจมส์ วรพัทธ์ทวีโชติ-นายเชษฐวุฒิ หรือบ๊วย วัชรคุณ-นางสุรประภา คำขจร หรือเรนนี่ พิธีกรรายการช่องส่องผี
(จากซ้าย) นายศราวุฒิ หรือเจมส์ วรพัทธ์ทวีโชติ-นายเชษฐวุฒิ หรือบ๊วย วัชรคุณ-นางสุรประภา คำขจร หรือเรนนี่ พิธีกรรายการช่องส่องผี

ความคืบหน้ากรณีรายการ ช่องส่องผี ดำเนินรายการโดย นายเชษฐวุฒิ หรือบ๊วย วัชรคุณ นางสุรประภา คำขจร หรือเรนนี่ และนายศราวุฒิ หรือเจมส์ วรพัทธ์ทวีโชติ ซึ่งออกอากาศทางช่อง 8 ได้เดินทางไปบันทึกรายการที่วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา สถานที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี หรือย่าโม และพิธีกรคือ เรนนี่ อวดอ้างมีจิตสัมผัสต่อสิ่งลี้ลับ พบปลัดทองคำ สามีย่าโม และย่าโม รวมทั้ง น.ส.บุญเหลือ พร้อมระบุว่า ปลัดทองคำมาบอกว่า แม่บุญเหลือเป็นเมียอีกคน โดยย่าโมเป็นเมียหลวง และแม่บุญเหลือเป็นเมียสอง ไม่ใช่ลูกสาวบุญธรรมแต่อย่างใด ส่งผลให้เกิดกระแสไม่พอใจของชาวโคราชต่อเรนนี่และรายการว่า เป็นคำกล่าวอ้างที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ ขัดแย้งกับจดหมายเหตุของชาวโคราชและข้อมูลในหนังสือประวัติศาสตร์

ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงการกระทำของพิธีกรรายการ ช่องส่องผี ที่สร้างความไม่พอใจให้ชาวโคราชว่า ได้ให้ พศ.ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า ไม่มีการขออนุญาตถ่ายทำรายการเป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่ไปขอด้วยวาจากับเจ้าอาวาส จึงได้สั่งให้ พ.ศ.นำข้อมูลไปมอบให้กรมศิลปากร เป็นผู้เสียหาย เพื่อดำเนินคดี หากบิดเบือนประวัติศาสตร์จริงๆ ให้ดำเนินการ เราจะสนับสนุนเรื่องข้อมูล รวมถึงจะให้ พศ.ทำข้อมูลส่งถึงผู้ว่าฯ นครราชสีมาที่ถือเป็นผู้เสียหายอีก 1 คน ให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด และอีกส่วนหนึ่งหากยังมีอยู่คือ ญาติพี่น้องของคุณย่าที่เป็นผู้เสียหาย

นายเทวัญ กล่าวด้วยว่า จะให้ พศ.ทำจดหมายไปถึง กสทช.ให้ช่วยตรวจสอบอีกแรงหนึ่ง แต่หากไปทำที่อื่นไม่ใช่วัด ก็ไม่ใช่ส่วนที่ พศ.ดูแล นอกจากนี้ยังให้ พศ.แจ้งไปยังวัดต่างๆ ทั่วประเทศ หากจะมีการจัดรายการเช่นนี้อีก ให้พิจารณาให้รอบคอบ โดยอยู่ในอำนาจของเจ้าอาวาส

ด้าน พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กล่าวถึงรายการ ช่องส่องผี ทางช่อง 8 ที่ถูกหลายฝ่ายระบุว่า มีเนื้อหาบิดเบือนประวัติศาสตร์ว่า กสทช.ได้ทำหนังสือถึงรายการช่องส่องผีไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการในวันที่ 16 ก.ค.นี้ โดยจะมีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงด้วย

พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดใน 2 ประเด็น คือ การเปิดรับบริจาค และการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แบบแปลกๆ อย่างไรก็ตาม ต้องรอการวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการด้านผังรายการฯ ก่อน เพื่อนำเข้าที่ประชุม กสทช.พิจารณาภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ พร้อมออกตัวว่า ทุกคนอาจมองว่า การดำเนินการมีความล่าช้า แต่เนื่องจากต้องยึดตามนิติของกฎหมายปกครอง คือต้องให้ผู้มาชี้แจง เตรียมเอกสารในการชี้แจงรายละเอียด จึงต้องใช้เวลาสักระยะ

ขณะที่นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือบ๊วย 1 ในพิธีกรรายการช่องส่องผี กล่าวว่า ทางรายการจะขอแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยได้ปรึกษากับทางช่อง และทางช่อง 8 เข้าใจ และเห็นใจ จึงอนุญาตให้นำรายการออกจากผังรายการของช่อง 8 ต่อไปนี้จะไม่มีรายการนี้ในทีวีแล้ว จะนำรายการไปเผยแพร่ทางช่องยูทูบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นายเชษฐวุฒิ ยังเปิดใจผ่านคลิปในแฟนเพจเฟซบุ๊กช่องส่องผีด้วยว่า รายการนี้จัดทำขึ้นด้วยความเคารพทุกดวงวิญญาณ ทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเทปรายการดังกล่าวตั้งใจทำ เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่า ย่าโมมีจริง และย่าโมอยากบอกอะไรกับลูกหลาน เมื่อก่อให้เกิดความสะเทือนใจแก่ชาวนครราชสีมา ขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการถอนรายการออกจากช่อง 8 ขณะเดียวกันก็ขอโทษพี่น้องชาวนครราชสีมาด้วย

นายเชษฐวุฒิ กล่าวอีกว่า “ผมแสดงความรับผิดชอบแล้ว ด้วยการเอารายการออกจากช่อง 8 ก็เลยถามกลับไปว่า สื่อต่างๆ หรือใครก็แล้วแต่ ที่ทำให้ผมต้องถอยกลับไปอยู่กับที่ ทั้งๆ ที่ผมมีเจตนาอันดี ทุกคนรับผิดชอบอะไรผมบ้าง อันนี้ผมถามเฉยๆ นะครับ ถ้าไม่รับผิดชอบ ก็ไม่เป็นไร แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ผมค้นพบว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมก็คือ ลมหายใจ เพราะฉะนั้นเรื่องราวต่างๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว สิ่งที่สำคัญสำหรับผมคือลมหายใจ ผมยังมีชีวิตอยู่ แล้วรายการช่องส่องผีก็ทำให้ผมมุ่งมั่นทำความดี” “ใดๆ ก็ตามที่สร้างความไม่พอใจกับใครก็ตาม ผมขอโทษอีกครั้ง ขอโทษแทนอาจารย์เรนนี่ และอาจารย์เจมส์” “โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ยังไงก็แล้วแต่ โปรดให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย”

ทั้งนี้ ได้มีชาวโคราชบางส่วนเข้าแจ้งความดำเนินคดีรายการช่องส่องผีแล้ว โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายศักดิ์ชัย ชาติพุทซา กำนันตำบลหนองกระทุ่ม ในฐานะนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.นครราชสีมา พร้อมพวก เป็นกลุ่มกำนันและผู้ใหญ่บ้านในเขต อ.เมือง และนายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความ จ.นครราชสีมา ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีพิธีกรรายการช่องส่องผี ที่เผยแพร่ทางช่อง 8 และช่อง 31 รวมทั้งช่องยูทูบ กรณีนำเรื่องราวเกี่ยวกับการลบหลู่ ดูหมิ่น บิดเบือนประวัติศาสตร์ท้าวสุรนารีและ น.ส.บุญเหลือ ซึ่งเป็นที่รักและเคารพนับถือและศรัทธาของชาวโคราชและชาวไทย อันเป็นข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ทั้งนี้ นอกจากถูกชาวโคราชแจ้งความดำเนินคดีกรณีบิดเบือนประวัติศาสตร์ย่าโมแล้ว รายการช่องส่องผี ยังถูกแจ้งความดำเนินคดีในอีกกรณีหนึ่ง คือกรณีไปถ่ายทำที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครปฐม และมีบางช่วงที่พิธีกรกล่าวถึงอดีตผู้อำนวยการ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วว่า เป็นเปรตอยู่ที่โรงเรียน เพราะเรียกรับสินบน ทำให้ครอบครัวของอดีตผู้อำนวยการไม่พอใจ เพราะทำให้เสียชื่อเสียง จึงได้แจ้งความดำเนินคดีพิธีกรรายการดังกล่าว

5.“ฌอน” ยิ่งชี้แจงยิ่งพบพิรุธ ด้านตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ออกหมายเรียกให้มาชี้แจง-รับทราบข้อกล่าวหา 14 ก.ค.นี้!

นายฌอน บูรณะหิรัญ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ
นายฌอน บูรณะหิรัญ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ

ความคืบหน้ากรณีนายฌอน บูรณะหิรัญ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเงินบริจาค 8.74 แสนบาท เพื่อนำไปช่วยดับไฟป่าที่ จ.เชียงใหม่ ว่ายอดบริจาคน่าจะน้อยกว่าความเป็นจริง และมีการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ด้วยนั้น

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายฌอน ได้โพสต์คลิปวิดีโอชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า การชี้แจงเรื่องเงินบริจาคของตนทางเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.เป็นไปด้วยความรีบร้อน จึงขออภัยในความไม่รอบคอบในการจัดการเงินบริจาคทั้งหมด ความหละหลวมในการนำเสนอข้อมูลในชุดแรก สื่อสารไปโดยยังรวบรวมข้อมูลไม่ครบถ้วนดี โดยระบุว่า วันนั้นตนอยากรีบสื่อสารให้เร็วที่สุด เพราะห่วงความรู้สึกเพื่อนๆ ที่ไว้ใจตนและบริจาคเข้ามา จึงสื่อสารข้อมูลตัวเลขไม่ครบถ้วน

นายฌอน ชี้แจงต่อว่า “ณ เวลานั้นผมไม่ได้อยู่บ้าน และไม่ทันเช็กให้รอบคอบ จึงรีบให้ทีมงานสรุปยอดเท่าที่มีใบเสร็จที่รวบรวมไว้และยืนยันได้ ณ เวลานั้น โดยได้แจ้งในเพจไปว่า ยอดบริจาค 875,741.53 บาท ...ภายหลังเมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก็พบว่า มียอดตามใบเสร็จทั้งสิ้น 991,541.36 บาท และในบัญชีนี้มีเงินเข้ามาในช่วงเวลาที่รับบริจาคทั้งสิ้นเป็นเงิน 1,338,641.01 บาท”

นายฌอน กล่าวอีกว่า ทันทีที่ทราบว่ามีข้อมูลตกหล่น จึงคิดว่าควรมีหน่วยงานกลางที่เชื่อถือได้มาตรวจสอบ ในวันที่ 29 มิ.ย. ตนรีบยื่นจดหมายถึงหน่วยงานใน จ.เชียงใหม่ ขอความอนุเคราะห์ให้จัดทีมเข้ามาตรวจสอบสเตตเม้นต์บัญชีที่รับบริจาคและบัญชีอื่นๆ รวมทั้งใบเสร็จ ตนได้แสดงหลักฐานทั้งหมด ต่อเจ้าหน้าที่ในวันที่ 2 ก.ค.ที่ จ.เชียงใหม่ แสดงให้เห็นว่า ตนไม่ได้นำเงินส่วนใดไปใช้เรื่องส่วนตัวเลย และว่า มีผู้บริจาคที่ขอเงินคืน 2 ราย ได้ดำเนินการคืนเงินแล้ว รายละ 100 บาท และ 200 บาท รวม 300 บาท

นายฌอน กล่าวต่อไปว่า จากการที่ตนไม่รอบคอบ คิดไม่ถี่ถ้วนในการจัดการเงินบริจาค ตนขอน้อมรับคำแนะนำใหญ่จากผู้ใหญ่และสื่อต่างๆ ด้วยความปรารถนาดี ตนขอแสดงความรับผิดชอบ โดยจะรวบรวมเงินบริจาคทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ ส่งมอบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือเรื่องไฟป่าต่อไป จำนวนเงินดังนี้ ยอดบริจาค (ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.-30 เม.ย.) การโอนเข้าจำนวน 5,974 ครั้ง สเตตเมนต์ 167 แผ่น เป็นจำนวนเงิน 1,338,644.01 บาท รวมกับเงินอีกส่วนที่เข้ามาในบัญชีบริษัทและบัญชีส่วนตัวจำนวน 41 ครั้ง เป็นยอดรวม 3,501.95 บาท ซึ่งสันนิษฐานว่า อาจเป็นเงินที่ผู้โอนมีเจตนาเพื่อร่วมบริจาค

นอกจากนี้เงินที่เข้ามาหลังจากปิดบริจาคหลังจากวันที่ 1 พ.ค.ถึง 28 มิ.ย. มีผู้โอนเข้าอีก 50 ครั้ง เป็นยอดรวม 4,189.92 บาท เงินที่เข้ามาหลังจากปิดบริจาคหลังจากวันที่ 29 มิ.ย.ถึงวันที่ 2 ก.ค. มีผู้โอนเข้ามาอีก 49 ครั้ง เป็นยอดรวม 551,85 บาท รวมจำนวนทั้งหมดหลังจากนำเลขบัญชีออกจากโพสต์รับบริจาค 4,741.77 บาท รวมจำนวนเงินทั้งหมดที่จะส่งมอบ 1,346,887.73 บาท เมื่อได้ส่งมอบให้แก่หน่วยงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ตนจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังนายฌอนชี้แจงผ่านคลิปดังกล่าว พร้อมโชว์สเตตเมนต์ 167 แผ่น ปรากฏว่า โลกโซเชียลได้มีการตรวจสอบสเตตเมนต์ดังกล่าว พบว่า มีการโอนเพื่อจ่ายบัตรเครดิตรวมอยู่ด้วย 2.6 แสนบาท ในวันที่ 2 เม.ย. และ 3-4 เม.ย. ซึ่งไม่ปรากฏในคำชี้แจงของนายฌอนว่า ได้จ่ายบัตรเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์อะไร นอกจากนี้ยังพบว่า ในบัญชีรับบริจาคดังกล่าว ยังมีการถอนเงินเพื่อเข้าบัญชีนายฌอนด้วยเมื่อวันที่ 4 เม.ย.จำนวน 1 ล้านบาท หลังจากนั้น ในวันที่ 12 มิ.ย. พบว่า นายฌอนได้โอนเงินคืนจำนวน 53,000 บาท และมีการโอนเงินให้กับ ChiangMai Delta จำนวน 224,998.48 บาทด้วย

ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งความดำเนินคดีนายฌอน เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ด้วยการเปิดบัญชีขอรับบริจาคและไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ ได้เข้าพบตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 8 ก.ค. เพื่อนำสเตตเมนต์บัญชีธนาคารของนายฌอนให้พนักงานสอบนวนเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี

ขณะที่ พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด เผยว่า ได้รวมหลักฐานไว้หมดแล้ว ส่วนสเตตเมนต์ได้เอกสารมาครบแล้ว เป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขามีโชคพลาซ่า ชื่อบัญชี นายฌอน บูรณะหิรัญ เปิดเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2562 ปัจจุบันยอดคงเหลือ 1,053 บาท ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในสำนวนคดี และว่า ตำรวจได้ออกหมายเรียกนายฌอนแล้วให้เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 14 ก.ค. เวลา 09.30 น.ที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้เข้ามาชี้แจงและรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว


ที่มาเว็บ  ผู้จัดการออนไลน์ไน์ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000071225

 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   

โดย อ./ผอ.นิกร ติวสอบดอทคอม (ฟรีสรุป-ข้อสอบ-เฉลย ภาค กขค)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม