www.tuewsob.com
ปปช.เล่นงาน “สรยุทธ-ไร่ส้ม” ค่าเวลาโฆษณา “อสมท.” มูลค่ากว่า 138 ล้านบาท ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำผิด พร้อมลงดาบเจ้าหน้าที่รัฐทำงานประมาททำให้เกิดความเสียหาย
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ช่วงเดือน มิ.ย. 46 บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้ว่าจ้าง นาย สรยุทธ เป็นผู้ดำเนินรายการ “ถึงลูกถึงคน” และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง จากนั้น นายสรยุทธได้ตั้งบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548-15 กรกฎาคม 2549 บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำสัญญาผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง ในเวลา 12.00-13.00 น. และตามสัญญาได้ให้โฆษณาครั้งละ 5 นาที หากเกินจากนั้นให้เสียค่าโฆษณาให้กับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ไม่ต่ำกว่านาทีละ 2 แสนบาท และรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ที่ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น. ให้เวลาโฆษณาไม่เกิน 2.30 นาที หากเกินกว่านั้นต้องจ่ายเงินให้อสมท. นาทีละไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนบาท
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า นางพิชชาภา มีความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีความผิดทางอาญามาตรา 6,8,11 พ.ร.บ.พนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และนางสาวอัญญา อู่ไทย หัวหน้างาน และผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) มีความผิดทางวินัยฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ ทำให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง แต่ไม่มีเจตนาในการกระทำผิด ให้ข้อกล่าวหาในทางอาญาตกไป ส่วนกรณีของนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่ใช้ให้นางพิชชาภา ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ มีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตามมาตรา 6,8,11 แห่ง พ.ร.บ.พนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 จึงได้ส่งรายงานเอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 42
อย่างไรก็ตาม บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ร้องต่อศาลปกครองให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ชดใช้เงินจำนวน 253 ล้านบาท โดยอ้างว่า สัญญาระหว่างทั้ง 2 บริษัท ตกลงแบ่งโฆษณาคนละครึ่ง ซึ่งทาง บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) มีเวลาโฆษณาเกินในรายการคุยคุ้ยข่าวเช่นกัน จึงต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง
ปปช.เล่นงาน “สรยุทธ-ไร่ส้ม” ค่าเวลาโฆษณา “อสมท.” มูลค่ากว่า 138 ล้านบาท ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำผิด พร้อมลงดาบเจ้าหน้าที่รัฐทำงานประมาททำให้เกิดความเสียหาย
ที่สำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันฑิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมได้มีมติเอกฉัน ชี้มูลความผิด นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 ขอสำนักกลยุทธการตลาด บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) กับพวกที่ช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในการโฆษณาเกินเวลาที่ได้ระบุไว้ในสัญญาโดยไม่เรียกเก็บเงินเพิ่มเติม กว่า 138 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นางสาวมณฑา ธีระเดช และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในฐานะผู้ให้การสนับสนุน จนเป็นเหตุให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหาย
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ช่วงเดือน มิ.ย. 46 บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้ว่าจ้าง นาย สรยุทธ เป็นผู้ดำเนินรายการ “ถึงลูกถึงคน” และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง จากนั้น นายสรยุทธได้ตั้งบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548-15 กรกฎาคม 2549 บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำสัญญาผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง ในเวลา 12.00-13.00 น. และตามสัญญาได้ให้โฆษณาครั้งละ 5 นาที หากเกินจากนั้นให้เสียค่าโฆษณาให้กับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ไม่ต่ำกว่านาทีละ 2 แสนบาท และรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ที่ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น. ให้เวลาโฆษณาไม่เกิน 2.30 นาที หากเกินกว่านั้นต้องจ่ายเงินให้อสมท. นาทีละไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนบาท
แต่ปรากฎว่า นางพิชชาภา ที่เป็นรับผิดชอบการจัดคิวโฆษณาเพียงผู้เดียว ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 -30 มิถุนายน 2549 และจากการไต่สวน นายสรยุทธได้ลงลายมือสั่งจ่ายเช็คให้กับนางพิชชาภา รวมเป็นเงินประมาณ 7.3 แสนบาท ในนาม บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เพื่อเป็นการตอบแทนการกระทำดังกล่าว จากนั้นช่วงเดือนกรกฎาคม 2549 นางบุญฑนิก บูลย์สิน รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการตลอด 1 ได้สังเกตพบความผิดปกติ จึงตรวจสอบย้อนหลัง และเรียกนางพิชชาภามาสอบถาม ซึ่งได้รับสารภาพว่าได้แก้ไขคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในใบคิวโฆษณารวมของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เพื่อปกปิดความผิดในการโฆษณาเกินเวลา ตามคำแนะนำของนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา ก่อนที่จะเกิดการตรวจสอบ จากนั้น บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้มีการชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวนกว่า 138 ล้านบาท เมื่อรวมดอกเบี้ยเป็นเงิน กว่า 152 ล้านบาท
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า นางพิชชาภา มีความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีความผิดทางอาญามาตรา 6,8,11 พ.ร.บ.พนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และนางสาวอัญญา อู่ไทย หัวหน้างาน และผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) มีความผิดทางวินัยฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ ทำให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง แต่ไม่มีเจตนาในการกระทำผิด ให้ข้อกล่าวหาในทางอาญาตกไป ส่วนกรณีของนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่ใช้ให้นางพิชชาภา ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ มีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตามมาตรา 6,8,11 แห่ง พ.ร.บ.พนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 จึงได้ส่งรายงานเอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 42
อย่างไรก็ตาม บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ร้องต่อศาลปกครองให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ชดใช้เงินจำนวน 253 ล้านบาท โดยอ้างว่า สัญญาระหว่างทั้ง 2 บริษัท ตกลงแบ่งโฆษณาคนละครึ่ง ซึ่งทาง บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) มีเวลาโฆษณาเกินในรายการคุยคุ้ยข่าวเช่นกัน จึงต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง
ข่าวสด
"ติวสอบดอทคอม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น