วันนี้ (4 สิงหาคม 2559) เวลา 09.00 น. ณ กระทรวงการต่างประเทศ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานในพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองวันอาเซียนเข้าสู่ปีที่ 50
ภายหลังเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้ร่วมพิธีเชิญธงอาเซียนขึ้นสู่ยอดเสา ก่อนจะถ่ายภาพร่วมกับคณะทูตประเทศสมาชิกอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองวันอาเซียนเข้าสู่ปีที่ 50 สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวในนามของรัฐบาล มีความยินดีที่ได้มาร่วมงานเฉลิมฉลองวันอาเซียนเข้าสู่ปีที่ 50 พร้อมกล่าวว่า วันนี้เราอยู่ตรงรอยต่อตรงกลางของอาเซียน ระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และได้ถือโอกาสนี้รำลึกถึงพันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ ผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียนท่านสุดท้าย ซึ่งด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลที่ได้ริเริ่มก่อตั้ง สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 จนมีความเจริญก้าวหน้า และได้รวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนในวันนี้
ทั้งนี้ อาเซียนได้สร้างบรรทัดฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค โดยยึดหลักผลประโยชน์ร่วมกันและป้องกันความขัดแย้งไม่ให้เกิดในภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมบทบาทอาเซียนในการปฏิสัมพันธ์กับประเทศทั้งในและนอกภูมิภาค และในเวทีระหว่างประเทศ
ปี 2016 ถือเป็นปีแรก และเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ภายหลังการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน โดยประเทศสมาชิกได้ร่วมกันผลักดันแผนปฏิบัติการ และแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนเพื่อรองรับวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางให้ทุกหน่วยงานภาครัฐให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนอาเซียนทั้งสามเสาหลัก รวมถึงรัฐบาลยังได้ดำเนินการเพิ่มพูนศักยภาพของไทยและอาเซียนอย่างรอบด้าน เพื่อส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสของประชาคมอาเซียนให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนชาวไทยร่วมกับประชาชนอาเซียน โดยยึดหลักประชาชนคือศูนย์กลาง และพัฒนาตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ไทยและอาเซียนสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยไม่มีใครถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในภูมิภาคได้รับการจ้างงานที่ดีขึ้น โดยประเทศไทย รัฐบาลได้ส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และพัฒนากำลังคนของประเทศให้สอดคล้องกับโอกาสของตลาดแรงงานที่เปิดกว้างขึ้นในอาเซียน
นายกรัฐมนตรีเห็นว่า กิจกรรมในวันนี้มีส่วนส่งเสริม และสร้างความสมานฉันท์ในความหลากหลายของอาเซียน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการร่วมสร้างประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในภูมิภาค และพัฒนาการของอาเซียนได้เป็นอย่างดี
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมกระทรวงการต่างประเทศที่ได้จัดทำ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมในอาเซียน” ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน ที่เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่ายภายในประเทศ ในภูมิภาคและท้องถิ่น ในการร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศภายในประเทศ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียินดีที่กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำหนังสือ “อาเซียน : เปลี่ยนผ่านในกาลเวลา” ที่สามารถถ่ายทอดความหลากหลายและความคล้ายคลึงของอาเซียนในด้านต่าง ๆ ให้เห็นอย่างเด่นชัด ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีคุณค่าอย่างยิ่ง ทำให้เห็นถึงความหมายของอาเซียนสำหรับประชาชน ทั้งในปัจจุบันและในภายภาคหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาเซียนจะกลายเป็นประชาคมแห่งความเอื้ออาทรและแบ่งปัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีรู้สึกปลื้มปิติที่ได้รับเชิญมาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เชิญลงพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้ โดยยังได้กล่าวเชิญคณะทูตานุทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน แขกผู้มีเกียรติ และนักเรียนทั้งหลายร่วมชมนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตัดริบบิ้นเปิดนิทรรศการ พร้อมร่วมชมนิทรรศการภาพพระราชทานและภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อนเดินทางกลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น