เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com
-คู่มือ 4 ชุด นโยบาย บริบริหาร ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วย
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2559 เวลา 20.15 น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงอุทิศพระองค์ เพื่อช่วยเหลือชาวนา “กระดูกสันหลังของชาติ” และได้มีการพัฒนาข้าวไทยในทุกๆ ด้าน อาทิ ทรงให้ความสำคัญกับพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทรงทำนาข้าวทดลองและทรงริเริ่มกิจการโรงสีข้าวตัวอย่างเป็นโครงการส่วนพระองค์ในสวนจิตรลดา และทรงสนับสนุนให้มีการก่อตั้งธนาคารข้าว เพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศ เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้น เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อยกย่องในพระปรีชาสามารถของพระองค์ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย”ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมใจกันสนองปณิธานของพ่อหลวงไทย ด้วยการเห็นคุณค่าของข้าว และความสำคัญของชาวนาไทย เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยทุกคน
วันจันทร์ที่4 กรกฎาคม 2559 นี้ เป็นวันคล้ายวันประสูติ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์” ของปวงชนชาวไทย ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ประเทศชาติและประชาชน ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรงเป็นประธานมูลนิธิจุฬาภรณ์
มี “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” เกิดจากการรวมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ กับสถาบันบัณฑิตจุฬาภรณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การแพทย์สาธารณสุข ตลอดจนให้บริการทางการแพทย์ ไปเผยแพร่และประยุกต์ใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ความมุ่งหมายต่อไปคือ ในด้านสาธารณสุขนั้น ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อสานต่อพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ รวมทั้ง สืบสานพระราชปณิธาน ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พอ.สว. ที่ประชาชนจะเรียกขานอาสาสมัครเหล่านี้ว่า “หมอกระเป๋าเขียว” ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร ให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ที่ดี ห่างไกลจากโรคร้าย
ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ “ทรงพระเจริญ”
ในการพัฒนาประเทศตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” นั้น แตกต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งหลายพรรคการเมือง อาจจะมุ่งสร้างเฉพาะความพึงพอใจของประชาชน ด้วยการทำนโยบายประชานิยมบ้างที่มีปัญหา อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศชาติ และประชาชน ในการสร้างความเข้มแข็ง สร้างความยั่งยืน อย่างแท้จริง อาจจะด้วยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น รัฐบาลนี้ ได้นำแนวทาง “ประชารัฐ” ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม ในการพัฒนาประเทศ อุดรอยรั่ว ช่องโหว่ของภาครัฐ
ไทยแลนด์ 4.0 นั้น จะเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยความเข้าใจ ด้วยความสมัครใจ บนวิสัยทัศน์เดียวกันคือ “มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ทั้งนี้จะได้เป็นการขับเคลื่อนประเทศ บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ บวกนวัตกรรม และเทคโนโลยี ในทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้เกิดความสมดุลกับทางสังคม และสิ่งแวดล้อม เราได้กำหนด 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิเช่น
(1) กลุ่มอาหารและเกษตรกรรม มีการจัดตั้งเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรของประเทศ ครบวงจร สร้างความมั่นคงทางอาหารให้โลก และตอบสนองนโยบาย “ประเทศไทยเป็นครัวโลก”
(2) กลุ่มสุขภาพ มีการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา ทั้งสมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก และ ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อให้ไทยเป็น “เมืองสมุนไพร” หรือ “ศูนย์กลางสุขภาพครบวงจร” Medical Hub ในภูมิภาค ตอบสนองสังคมผู้สูงอายุของเราและโลก ที่กำลังมาถึง การมาเมืองไทยนั้นจะได้ทั้งรักษาสุขภาพ พักผ่อน ท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึมซับวัฒนธรรมอันงดงามและความเป็นไทย
(3) กลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อัตโนมัติ ซึ่งมีความสำคัญต่อภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม อาทิ หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม ที่โลกมีความต้องการสูง จำเป็นต่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมหนัก ในอนาคต ทุกแขนง
สำหรับ 4 คือกลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นระเบียงเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า Eastern Economic Corridor มีศักยภาพในการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม คิดเป็นร้อยละ 39 ของเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการลงทุนด้าน ปิโตรเคมี พลังงาน ยานยนต์ และกิจกรรมต่อเนื่อง จากผู้ประกอบการภายในและต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม ในกลุ่มที่ 5 อุตสาหกรรม เช่นการบินและโลจิสติกส์ โดยได้วางกรอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กว่า 2.2 ล้านล้านบาท อาทิ เส้นทางหลวงพิเศษ กรุงเทพ – พัทยา – ระยอง ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ให้มีขีดความสามารถรองรับปริมาณสินค้า เพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้าน TEU ต่อปี พร้อมกับการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่ง สามารถรองรับสินค้าได้ 3 แสน TEU ต่อปี ศูนย์การขนส่งทางราง ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง ได้ปีละ 2 ล้าน TEUท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่อเรือ โดยพัฒนาท่าเรือ Ferry เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล“อ่าวไทย” พัทยา – จุกเสม็ด – ชะอำ สนามบินอู่ตะเภา ให้สามารถรองรับผู้โดยสาร 5 ล้านคนต่อปี และการพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน เพื่อขยายศักยภาพ ให้สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค สามารถซ่อมบำรุงอากาศยานได้ 144 ลำต่อปี และซ่อมเครื่องยนต์ได้ 72 เครื่องต่อปีทั้งนี้ เราก็ได้คิดให้มีระบบรถไฟและรถไฟความเร็วสูงเพื่อจะเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคม ทุกระบบ ทั้งทางบก ทางราง ท่าเรือ ทางอากาศด้วย เพื่อให้รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผมได้สั่งการให้ดำเนินการจัดทำแผนการลงทุนแล้ว ให้สำเร็จภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ มี 6 กลุ่ม อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็นอุตสาหกรรมเดิม ที่ไทยมีศักยภาพ เรามีจุดแข็ง ในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว โดยสามารถผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าในอนาคต พลังงานสีเขียว เป็นมิตรกับธรรมชาติ เป็นทิศทางของโลก ในอนาคต ในระยะยาว แทนการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติที่มาจากฟอสซิลในอนาคตด้วย ทั้งนี้เราต้องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในการที่โลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน และนับวันเชื้อเพลิงเหล่านั้นก็จะร่อยหลอลงทุกที สิ่งที่ภาครัฐกำลังดำเนินการอยู่ ในทุกมิตินั้นได้แก่
(1) คือการสร้างความรับรู้ ทั้งในเรื่องพลังงานทดแทน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ความเชื่อมั่นในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่จะใช้แทนรถยนต์พลังงานน้ำมันในอนาคต คงไม่ใช่ทั้งหมดในวันนี้ แล้วก็แทนรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติด้วย โลกต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องเตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ขณะเดียวกัน เราก็ต้องส่งเสริม รถยนต์พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และ “Eco car” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วันนี้เราเป็นศูนย์กลางการผลิต Eco Car เราหยุดไม่ได้อยู่แล้ว ก็ทำคู่ขนานกันไปให้เกิดความสมดุล ไม่มีผลกระทบกันทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุน ก็คงจะเป็นทางเลือกของประชาชนในโอกาสต่อไป ในระยะแรกเพื่อให้เป็นการสร้างความคุ้นเคยเราก็ได้อนุญาตให้มีการนำเข้ารถโดยสารประจำทางไฟฟ้า มาให้บริการสาธารณะ ให้ประชาชนได้รู้จัก ได้คุ้นเคยก่อนที่จะขยายไปสู่รถยนต์ส่วนบุคคล ระยะแรกอาจจะต้องนำเข้า แต่ราคาสูง ถ้าเอาเข้ามาแล้วก็ต้องเร่งรัดในเรื่องการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การร่วมทุนต่างๆ จะได้ทันต่ออนาคต
เรื่องที่ 2 คือการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมการผลิตทั้งระบบ ทั้งตัวรถ ชิ้นส่วนประกอบ แบตเตอรี่ หัวจ่าย สถานีชาร์จ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้มีความพร้อม แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีหลายกระทรวง และหน่วยงาน ทั้งภาคเอกชน ก็สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนร่วม อาจจะเป็นการสร้างความมั่นใจ และเกิดความชัดเจนมากขึ้น ขณะนี้ได้ให้ BOI ไปศึกษาแล้วก็ให้เกิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่ 3 คือการสร้างแรงจูงใจ นักลงทุนชาวไทย และชาวต่างประเทศ ในเรื่องสิทธิประโยชน์ มาตรการทางภาษีต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุงกฎ ระเบียบ การขออนุญาต การเสียภาษี การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อกระตุ้นการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจังในอนาคต
เรื่องที่ 4 คือการส่งเสริมการ การสร้างแรงงานฝีมือ วางระบบการศึกษา อาชีวะ วิศวกร รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการจัดตั้งศูนย์ทดสอบ สนามทดสอบ ล้อรถยางรถยนต์ และรถยนต์ ในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ “ไทยแลนด์ 4.0” นั้นยังมี 7 กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตอล เป็นเหมือน “กระดูกสันหลัง” ในด้านข้อมูลข่าวสาร การศึกษา โทรคมนาคม การติดต่อสื่อสาร เพื่อรองรับการพัฒนากิจกรรมต่างๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายข้างต้น รวมทั้ง “วิสาหกิจเริ่มต้นใหม่” Start-up ที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ในเรื่อง
(1) คือการปรับปรุงกฎหมาย ให้ทันสมัย เป็นสากล รองรับการเติบโตของ Start-up ซึ่งเป็นไปตามกระแสของโลกในปัจจุบัน
(2) มาตรการทางภาษี การเงิน การคลัง เช่น การลดภาระค่าธรรมเนียม การค้ำประกันสินเชื่อ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อส่งเสริมให้เกิด “เถ้าแก่ใหม่” กล้าลงทุน เป็นเจ้าของ เปิดกิจการใหม่ แล้วก็เป็นทางเลือกให้สังคมด้วย โดยเฉพาะ Eco System หรือธุรกิจที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ระบบนิเวศน์
(3) การสร้างแรงจูงใจ การอำนวยความสะดวก ช่วยการดึงนักลงทุน นักการตลาด นักวิจัย ที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาลงทุน ทำงานในเมืองไทย นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีชั้นสูง สมัยใหม่ เข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ของไทย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการ “แตกกิ่งก้านสาขา” ใหม่ๆ ให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย โดยอีกบทบาทของภาครัฐ คือ
(4) เป็นผู้กำกับด้านนโยบาย อาทิ ผลักดันให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในระบบ ICT การคมนาคมสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ให้เกิดการเชื่อมองค์ความรู้ เทคโนโลยี สำหรับนักวิจัยหน้าใหม่ ในลักษณะ “ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ” หรือ “Think Tank” ซึ่งรัฐบาลได้ขับเคลื่อนแล้ว ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม Digital Economy ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนแล้ว ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วย
อีกเรื่องที่ผมเป็นห่วงก็คือเรื่องของการประกอบการของธุรกิจSMEs ซึ่งเราแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ประเภท 1-2-3 นี่ ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ในการที่จะขยายกิจการ เพิ่มทุน ให้เจริญเติบโตในประเทศ แล้วก็ส่งเสริมไปต่างประเทศ แต่มีประเภทที่ 4 ก็คือประเภทที่ต้องฟื้นฟู ที่เขาขาดสภาพคล่องนะครับ แล้วก็ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมบ้าง ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจบ้าง แต่ยังมีศักยภาพอยู่แต่ขาดเงินหมุนเวียนจะต้องทำยังไง รัฐบาลก็รับเรื่องนี้มาพิจารณา เมื่อวันก่อนผมได้พบกับเขา ก็สงสารเขา หลายกิจการหมดเนื้อหมดตัวกัน แล้วก็กู้ยืมเงินใครก็ไม่ได้ แล้วก็จะต้องถูกธนาคารยึดไป ทั้งโรงงานทั้งพื้นที่ อะไรต่างๆเหล่านี้ ที่ดิน เขาก็ลำบาก แต่เราต้องมาดูซิว่าจะทำอย่างไร
ถ้าเราจะทำอะไรต่อไปนี้ เราคงต้องใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาดูด้วย การมีเหตุมีผล การลงทุนพอประมาณ และการมีคุณสมบัติที่ดี คือมีความรู้ และมีคุณธรรม ถ้าเราโตเร็วเกินไปใช้เงินมากเกินไป พอมันเสียหายขึ้นมา มันก็มีผลกระทบมาก เราก็ค่อยๆเป็นค่อยๆ ไปก็ได้ บางครั้งเราต้องเตรียมรับความเสี่ยงในอนาคตไว้ด้วยจากปัจจัยภายในและภายนอก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็จะดูแลมากน้อยตามที่เรามีงบประมาณอยู่ หรือเป็นไปตามกฎหมาย มันหลายส่วนด้วยกัน ทั้งแหล่งเงินของรัฐ งบกลาง หรือในส่วนของธนาคารพาณิชย์ เหล่านี้ ถ้าเราใช้มากเกินไป หลายอย่างก็เป็นเรื่องของการพาณิชย์ ก็ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน รัฐบาลก็พยายามจะแก้ให้นะครับ ที่ผ่านมาหลายรายมีผลกระทบจากน้ำท่วม ตั้งแต่ปี 2554 - 2555 โน่นแน่ะ ก็ยังค้างคากันอยู่ ก็เป็นจำนวนเงินหลายสตางค์อยู่เหมือนกันแหละ ก็ใจเย็นๆ ผมจะดูแลให้ แต่ขอให้ฟังกันด้วยนะ บางอย่างมันต้องดูงบประมาณ ดูกฎหมายด้วยอะไรด้วย
อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของการค้ามนุษย์ หรือ IUU ที่กำลังทำอยู่วันนี้ ผมเคยบอกไว้แล้วว่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ และทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมันมีผลกระทบกับประเทศเพื่อนบ้าน ต่อโลก ต่อทรัพยากรทางทะเลด้วย อันนี้ถ้าหากว่าผลออกมาเป็นการดีผมก็ขอขอบคุณ ทุกพวกทุกฝ่าย ที่เป็นผลจากการทุ่มเท การทำงานของทุกๆฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนด้วย ก็ถือว่าสิ่งที่ได้รับมานั้นเป็นของขวัญ เป็นกำลังใจ ในการทำงานในขั้นต้นของพวกเราเท่านั้นเอง ก็ขอให้ทุกคนได้มีการประเมินสถานการณ์ ในเรื่องคอรัปชั่น และภาพพจน์ของประเทศในสายตาของคนไทย และนานาชาติไปด้วย จากสถาบันและองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้รัฐบาลเอามาดูหมด และก็การประเมินจากต่างประเทศ
วันนี้เรื่องทุจริตก็มีหลายหน่วยด้วยกันของต่างประเทศ CPI CSI PERC IOD PWC และจุฬาฯ พบว่า (1)สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศ “ดีที่สุด ในรอบ 3 ปี” (2) ภาพลักษณ์ประเทศ ด้านความโปร่งใส ในสายตานานาชาติ “ดีที่สุด รอบ 10 ปี” และ(3) การเรียกรับสินบน “ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เทียบกับ 15 ปีที่แล้ว” และมีแนวโน้มจะลดลงอีก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรัฐบาล และ คสช. ได้ผลักดันกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฯ รวมทั้ง มาตรการ + กลไก + นโยบายต่างๆ ในการทำงานทั้งหมดนะครับ เราได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งหมดก็ขอขอบคุณประชาชน ภาคธุรกิจ การค้าต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือด้วย เราจะต้องไม่ให้มีการทุจริตอีกต่อไป
ได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คสช.) + การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e - Market)ก็มีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ + วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) ก็ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมด มันเป็นการเริ่มต้น + การทำสัญญาคุณธรรม (IP) + ระบบ COST ที่เป็นสากลในการตรวจสอบ และก็เราได้มีช่องทางของรัฐบาล G-Channel มาใช้ เพื่อป้องกันการคอร์รัปชั่น เชิงระบบ หรือระบบพวกพ้อง ในระยะยาว ท่านคงต้องตามดูว่า มันจะมีช่องหนึ่งที่เขาเขียนว่า ภาษีไปไหน อันที่ 2 คือ G-News ซึ่งจะเป็นข้อมูลของทุกหน่วยงานทุกกระทรวง ที่เกี่ยวข้องที่เขาทำงานอยู่วันนี้ ถ้าท่านเปิดดูท่านจะมีความรู้มากขึ้น จะได้เข้าใจการทำงานของรัฐ และจะได้แสวงหาข้อมูลกันได้ ถ้าไม่เปิดดู ท่านก็จะใช้ความรู้สึก มีความขัดแย้ง กระทบกระทั่งไม่เข้าใจกันไปแบบนี้ ไปตลอด ก็เป็นช่องทางให้หลายพวกหลายฝ่ายเข้ามาหาประโยชน์ได้จากความไม่เข้าใจของพวกเรา
สำหรับในด้าน การเดินหน้าประเทศ ปัญหาบางประการ ท่านทราบดีอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือท่านช่วยกัน กับผมกับรัฐบาลกับ คสช. ว่าเราจะต้อง ถึงเวลาแล้วในการที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติและลูกหลานในอนาคตสำคัญที่สุดคือ
เรื่องการเคารพกฎหมาย การที่เราขาดจิตสำนึก เราต้องปลูกจิตสำนึกให้ได้ อันนี้ต้องอยู่ที่ตัวคน การขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นต้นเหตุ ให้มีเหตุการณ์ที่น่าเสียใจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจล่าช้า การเดินหน้าประเทศไม่ราบรื่น ไม่ดีเท่าที่ควร
หลายอย่างก็เป็นเพราะมีความคิดสุดโต่ง หารือกันไม่ได้ หาทางออกไม่ได้ หรือคิดได้พูดได้แต่ทำไม่เป็น เหล่านี้ต้องมาช่วยกัน บางอย่างผมก็พร้อมรับฟังความเห็นที่เป็นประโยชน์ของท่าน ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรไปกว่าท่าน เพียงแต่ว่าต้องมาคุยกัน โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ต้องไม่มีตัวตนทั้งสิ้น ถ้าเราฟังกันบ้างลดราวาศอกกันบ้าง ก็มีอะไรที่สามารถทำได้ในวันนี้ อย่าเอาความขัดแย้งมาพูดก่อน อย่าเอาการผิดกฎหมายมาพูดก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นภายใต้กรอบของกฎหมาย เรื่องสำคัญต่อไปคือเรื่อง
เรื่องการทำประชามติ ซึ่งใกล้เข้ามาทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันในการใช้สิทธิของท่านหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ผมทำหน้าที่ของผม ท่านทำหน้าที่ของท่านที่จะลงประชามติ รัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างในส่วนของรัฐบาลได้มีการมอบหมายเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องของการรับผิดชอบในการทำประชามติ โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล้ำ ก้าวล่วง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเอง กฎหมายต่างๆ ที่ออกมาก็ระมัดระวังหน่อย คิดว่าถ้าทุกคนมีเจตนาดี บริสุทธิ์ก็ไม่น่าจะเป็นกังวล ไม่ใช่อาจจะมีอยู่หลายคนหลายพวกก็บอกว่า กฎหมายเยอะก็อย่าไปเลย เดี๋ยวจะมีความผิด ผมว่าถ้าชี้นำแบบนี้ ผมว่ามันน่าจะไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของชาตินะ หน้าที่ของทุกคนก็ไปทำประชามติ ไม่ต้องไปกลัว เขาเขียนไว้ชัดเจน อะไรคือผิด อะไรคือถูก
ฉะนั้นอย่าไปข่มขู่ประชาชนว่าอย่าไปเลย แต่ถ้าทุกคนไปให้ใครชี้นำอยู่ในทางที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ ก็ไม่สามารถปลดล็อคตัวเอง เป็นอิสระจากคนอื่นเขาได้ อยากให้ทุกคนมีอิสระทางความคิดของแต่ละบุคคล กรุณาให้ความสำคัญหน่อย มีไม่กี่ข้อ มีไม่กี่เรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชน แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ไปอ่านเอาเอง ก็หลายคนหลายนักการเมือง ก็ไปพูดจาบิดเบือนอยู่ในวันนี้ ในพื้นที่ในระดับท้องถิ่นนะ ตามหมู่บ้านบ้างอะไรบ้าง เช่น รัฐบาล จะลดการศึกษาฟรี 15 ปี ยกเลิกการใช้บัตรทองจะให้ คสช.เขาดำเนินการ พูดโกหกบิดเบือนอย่างเลวร้าย คนพวกนี้แย่มาก
เรื่องการขยายความขัดแย้งใดๆก็ตาม โดยสื่อฯ + โซเชียล ทั้งโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยไม่สนใจข้อกฎหมาย มันก็เลยทำให้สังคมเชื่อไปว่า รัฐมีการดำเนินการ 2 มาตรฐาน มันต้องมาตรฐานเดียว เพราะกฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เคยคิดจะไปละเมิดสิทธิ์ใคร และก็ไม่พยายามจะใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มันก็จำเป็นที่ต้องใช้นะ เพราะคนปั่นป่วนยังมีอยู่ ถ้าไม่มีผมจะใช้ทำไม
สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยอธิบายให้ต่างชาติได้เข้าใจว่าสถานการณ์ประเทศไทยเป็นอย่างไร วันนี้เรากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ดี มีศักยภาพ มีหลายประเทศต้องการมาลงทุนกับเรา หลายประเทศก็ให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของการปฏิรูปประเทศหรือการแก้ปัญหา ก็มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่ยินยอมกันอยู่คือเรื่องทางการเมือง อยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า อะไรมันสำคัญกว่ากันตอนนี้ จริงๆ แล้วสำคัญทั้งคู่ ถ้าเดินไปพร้อมๆ กันได้ก็ดีคือการเมืองก็คือการเมืองที่มันเป็นสุจริต แล้วก็ในเรื่องของการปฏิรูปก็ช่วยกันทำไปแล้ววันหน้าการเมืองเหล่านั้นก็เข้ามาทำต่อ มันมีปัญหาตรงไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
แต่ผมยืนยันได้เป็นความสัตย์จริงว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เลยจากการที่เราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ฉะนั้นไปตรวจสอบได้ แม้กระทั่งใช้กฎหมายปกติหรือกฎหมายพิเศษ ไม่มีเลย หลายคนนี่ดื้อดึงขัดขืนหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้จับกุม ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังอะไรเหล่านี้ แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดี อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง แต่ก็ต้องทำในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องเข้าใจ หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้มาตราโน้น มาตรานี้ ทำให้เร็ว ผมไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆเข้าไปได้ มันอยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆหมื่นคนเหล่านั้นจะยุติซะ แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย มันเหมือนไม่เคารพกฎหมาย ก็บอกว่า อะไรนะ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอ๊ะเขาทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้ ผมถามประชาชนทั้งประเทศว่าทำได้ไหม ช่วยกันตอบผมหน่อย ถ้าระหว่างนี้ทำผิดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แล้ววันหน้าค่อยมีรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วค่อยมามอบตัวกันตอนนั้น ผมว่ามันไม่ใช่ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้กระบวนการยุติธรรมเขาก็มีอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ท่านต่อสู้คดี
เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะว่ามันหลายอย่างด้วยกันนะครับท่านก็รู้ดีอยู่ กฎหมายปรกติไม่ค่อยเชื่อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง ถ้าทำผมก็ลงโทษนะ ฉะนั้นก็เพียงนำพามา และสอบสวน ให้สู้คดี ต่างคนต่างก็พยายามที่จะบิดเบือน หลายคนก็เคยให้ความเมตตาแล้ว ให้ออกมา ให้ประกัน บอกไม่ประกันอีก จะขออยู่ในคุกก็แล้วแต่ตามใจ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ใช่ผมไปบังคับให้เขาอยู่ ต้องการให้เขาติดคุกไม่ใช่ ผมเมตตาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิสิต นักศึกษา แต่เขาบอกเขาไม่อยากออกจากคุก จนกว่าจะมีประชาธิปไตย ก็แล้วแต่นะ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับประเทศไทย คนไทย จะคิดยังไงนะ ว่าผมรังแกเขาหรือเปล่า พ่อแม่ก็เดือดร้อน ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็มาเกลียดชังผม จริงๆมันไม่น่าใช่นะไปคิดเอา
วันนี้เราต้องไม่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมไทยในต่างประเทศด้วย ทำไมต้องให้ผมเหน็ดเหนื่อยทำทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ผมก็ต้องไปอธิบายเขาอีก ทำไมไม่สนใจหน้าตาภาพลักษณ์ของประเทศกันเลยหรือ ผมเข้ามาแบบนี้ผมรู้ตัวของผมดี แต่ผมรู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร หลายคนก็รู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร แต่ทำไมคนบางคนไม่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ร่วมในขบวนการทำความผิดทั้งสิ้น อันนี้ผมฝากให้ชาวโลกได้ดูด้วยแล้วกัน ให้รับทราบด้วย กรุณาสอบถาม กรณีผู้ที่อยู่ต่างประเทศ หนีไปพูดโน่นพูดนี่ ประชุมโน่นนี่ กลับมาเล่นงานประเทศไทย ก็ผมคิดว่าไม่น่ากลับมาอะนะ กลับมาก็กลับไม่ได้ ผมคิดว่าคนไทยคงไม่ยอมอยู่แล้ว ไปประณามประเทศตัวเอง ผมคิดว่าคนเหล่านี้ คนไทยไม่น่าจะยอมรับได้นะ มีหลายคน วันหลังน่าจะเอาชื่อขึ้นจอซะทีนะ ที่หนีไป หนีด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คดีเล็กๆน้อยๆก็หนีแล้วก็ไปด่าประเทศไทย ผมไม่เข้าใจจริงๆ และก็ไปสนับสนุนอยู่พวกเดียวกันนั่นแหละ ก็คิดเอาแล้วกัน
ช่วยกันนะครับ เราต้องรู้ว่าเราจะอยู่กันยังไง เราเป็นคนไทย แล้วทำไมคนเหล่านั้นถึงเอาประเทศเป็นตัวประกัน แล้วก็ทำลายประเทศชาติ เอาประชาชนเป็นโล่กำบัง ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานั่นแหละ ทำลายประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองทั้งๆที่ มีคนไม่กี่คนที่ทำความผิดแล้วหลบหนีคดี จริงๆแล้วคนเดียวนั่นแหละ ก็ทำทุกอย่างมันบานปลายไปหมดนะ คนอื่นก็ตามกันไปด้วยความหลงเชื่อ หรือจะเชื่อมั่นศรัทธายังไงก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้นะมันผิดกฎหมาย ทั้งหมดก็ผิดหมดนะ
เรื่องการปฏิรูป ถ้าเราไม่เคารพกฎหมายกันแล้ว ไม่ร่วมมือกันไม่มีใครทำได้หรอกครับ อย่างมากมันก็ได้แต่พูดกัน พูดอย่างนี้อย่างนั้นพูดถึงปัญหาพูดถึงสิ่งที่เราต้องแก้ไขแต่ไม่มีวิธีการ วันนี้รัฐบาลกำลังหาวิธีการแล้วก็ใช้วิธีการหลายอย่างทำมาแล้ว ทำมา 1 ปี 9 เดือน ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหากฎหมายได้ กว่าจะหาวิธีการได้ กว่าจะปรับแก้วิธีการบริหารจัดการได้ กว่าจะให้ข้าราชการได้เข้าใจ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้สร้างการเรียนรู้เหล่านี้ไว้ อันนี้คือความยาก หลายคนอย่ามาบอกว่าไม่ได้ผลอะไรเลย ปฏิรูปก็ไม่ได้ปฏิรูป อันที่ 1 บ้านเมืองสงบไหมครับ อันที่ 2 กฎหมายที่ออกมามีประโยชน์ต่อประชาชนไหม อันที่ 3 สิ่งที่เราทำมาแล้ววันนี้ มันสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศหรือเปล่า กฎหมายระเบียบกติกา กฎหมายที่เป็นสากลออกมาใหม่ให้หรือเปล่า แล้วทำไมประเทศต่างๆถึงมารุมเยือนประเทศไทยเพื่อจะมาแสวงหาความร่วมมือกับประเทศไทยแต่มีคนไทยต่อต้านทุกประการ ผมเลยไม่เข้าใจว่านี้คือประเทศไทยหรือไง เพราะฉะนั้นคนไทยกรุณาแสดงความคิดเห็นออกมานะครับ ก็อย่าเงียบกันมากนักนะ ส่วนใหญ่ก็สนับสนุนตลอดเต็มที่กำลังใจ สนับสนุนได้พูดได้แต่อย่าผิดกฎหมาย เพราะเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม แสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ แล้วก็เพื่อการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในอนาคต ฉะนั้นอย่าต่อว่ารัฐบาลมากนักเลยผมไม่ได้ออกมาบ่นอะไรนักหรอกยังไงท่านบ่นยังไงผมก็ทำผมก็จะอยู่ตรงนี้นะ บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์นะท่าน
รัฐบาลกำลังทำให้แข็งแรงนะครับ ถ้าหากต้องการปฏิรูป ประชาชนทุกคนต้องเรียกร้องต้องการปฏิรูปก็แสดงความคิดเห็นกันออกมา อยากปฏิรูปแต่จะปฏิรูปยังไงท่านก็บอกมาแล้วกัน ผมก็จะทำให้ ใครที่ไม่ต้องการการปฏิรูปก็บอกมาให้ชัดเจนเลยว่าไม่ต้องการปฏิรูป ถ้าไม่ปฏิรูปจะเดินหน้าประเทศยังไงบอกมาให้ชัด อย่ามาพูดให้ไขว้เขวกันไปไขว้เขวกันมาแล้วก็อ้างประชาชนต้องการ ผมไปต่างจังหวัดผมก็เห็นประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำโน่นทำนี่ให้เขาแล้วผมก็ทำไปให้เขาตั้งเยอะแล้ว ก็ยังไปเอาสิ่งที่มันบิดเบือนมาพูดอีก
ตัวเลขโพลต่างๆ ก็ไปดูเอาแล้วกัน มันก็แล้วแต่จะทำนะ หลายๆอย่างอยู่ที่คำถามอยู่ที่คำตอบด้วยและก้อยู่ที่จะถามใคร ฉะนั้นประชาชนต้องเชื่อมั่นตัวเอง แล้วก็เพิ่มพูนความรู้ เรียนรู้ตัวเองว่าเราจะรู้เท่าทันเขาอย่างไร ประชาชนทุกคนผมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจริงใจกับทุกคนนั้นแหละ เพราะฉะนั้นใครที่จริงใจกับเขาก็จะตอบสนองท่าน แต่ถ้าใครไม่จริงใจกับเขานั้นแหละเป็นการแสดงที่เรียกว่าทำร้ายพวกเขา หยุด อย่าให้เขาหลอก ประชาชนต้องอย่าให้เขาหลอกเพื่อให้เป็นบันไดปีนสู่อำนาจและผลประโยชน์ในอนาคต เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง
ในเรื่องคดีความก็ปล่อยไปเป็นเรื่องของทางกฎหมาย อย่าไปพิจารณาเองอย่าไปคิดเอาเอง จริงๆแล้วการที่จะลงโทษอะไรก็ตามไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าอยู่ดีๆสั่งนี่สั่งโน่นไม่ใช่ ต้องมีกระบวนการเริ่มต้นมีการร้องเรียนอะไรต่างๆมาผมก็ให้ไปสอบสวน นำเข้าคณะพิจารณา คณะพิจารณานำขึ้นมา ถ้าจำเป็นต้องใช้กฎหมายปกติได้ก็กฎหมายปกติ กฎหมายพิเศษเพื่อจะสอบสวนต่อ ผมก็ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูกสักคนเลย แต่มันก็จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาครหาต่อไป ก็ต้องขอโทษถ้าหากทำให้ท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็ด้วยความจำเป็นเพราะมันมีผลต่อประเทศในกิจการแต่ละกิจการ ก็ถือว่าเพื่อสร้างความเจริญขึ้น ก็ขอร้องกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่ให้มีประชาธิปไตยแบบเดิมๆ มีการทุจริตคอรัปชั่น มีการเพิกเฉยไม่บังคับใช่กฎหมาย ไม่ว่าจะรวยใครก็แล้วแต่ ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง รัฐบาล มันทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อแปล ธุรกิจผิดกฎหมายก็มากมาย ไม่สุจริต บ้านเมืองไม่เป็นระเบียบ วันนี้ไปดูซิจับอะไรได้บ้างจับได้ทุกวัน ไม่ว่าจะการพนัน บุกป่า ทุกวันนี้ยังมีอยู่เลย บุกป่าตัดไม้พยุง ล่าสัตว์ป่า วันก่อนผมก็ไปร่วมงานวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 5 มิถุนายน เพิ่งจัดมาเมื่อ 2-3 วันนี้ หยุดล่า หยุดขาย หยุดค้าแล้วก็หยุดกิน ซึ่งนั้นคือสัตว์ป่านั้นแหละ ไม่เกิดประโยชน์ผมสงสารเขา ผมเห็นรูป ลิง ช้าง ดูเทียบแววตาคนกับแววตาเขามันเหมือนกันนั้นแหละ เขาก็คือชีวิต ชีวิตหนึ่ง โลกต้องประกอบไปด้วย คน สัตว์ พืช แล้วก็ทรัพยากรธรรมชาติ มันต้องอยู่ด้วยกันซิครับ มีที่ให้กินตั้งเยอะตั้งแยะมีอย่างอื่นให้กินตั้งมากมาย ก็ไปกินในสิ่งที่มีชีวิตในที่มันไม่ใช่อาหารไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ไง ผมว่าบาปกรรมนะ บาปกรรม ไม่ดีหรอก ทางธรรมพุทธศาสนาก็สอนไว้ว่าไม่ดีหรอก รัฐบาลนี้พยายามทำทุกอย่าง
ก็ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณของตนเอง อย่าให้ใครมาปิดหูปิดตาหรือเปิดหูเปิดตาในทางที่มันไม่ถูกต้อง ฟังความทั้ง 2 ทาง ฟังผมก็ได้แล้วฟังเขาบ้าง แล้วถามเขาว่าที่ผมพูดว่าไง ถ้าเขาตอบผิดก็มาถามผมซิว่าใช่หรือเปล่า ถ้าเขาบอกสิ่งที่ผมพูดในทางที่มันไม่ดีกับท่านก็มาถามผมกลับที่ทำเนียบ ผมพร้อมจะตอบทุกคำถาม แต่ท่านถามเขาก็ให้เขาตอบทุกคำถามด้วยแล้วกัน แล้วเอาคำถามคำตอบเขามาบอกผม แล้วผมจะอธิบายให้ดูว่าทุกเรื่องมันเป็นอย่างไร ทุกอย่างนี้ที่ผมเอาจริงจังวันนี้เพราะว่ามันเป็นอนาคตของเราของประเทศชาติและลูกหลานในอนาคตผมไม่อยากให้เวลามันเสียเปล่าที่เข้ามา
วันนี้ต้องมาพูดทุกเรื่องทุกประเด็น แทนที่จะพูดถึงเรื่องที่เป็นความก้าวหน้าพูดถึงสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ ต้องมาตอบโต้ในสิ่งที่มันบิดเบือนอยู่อย่างนี้มันเสียเวลาของผม เสียอารมณ์ด้วยนะ เพราะฉะนั้นอยากให้ไปดูซิว่าที่ผ่านมามีรัฐบาลไหนที่มาชี้แจ้งทุกเรื่องอย่างนี้ เสร็จแล้วท่านก็มาเก็บประเด็นเล็กประเด็นน้อยมาจับผิดผม มันไม่น่าใช่นะ เพราะฉะนั้นท่านคงอยากให้ไม่ต้องพูดอะไรเลยมั่งแบบเก่าหรือเปล่า ต่างคนต่างไม่ต้องรู้อะไรกัน อนาคตก็ไม่ต้องรู้ ถ้าเป็นแบบนั้นประเทศชาติก็อยู่ที่เดิม อยากให้ทุกคนใช้สติให้มาก มากกว่าการใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก ใช้ธรรมะให้มาก น้อมนำแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองคน ครองเรือน ประกอบกิจการงานในสิ่งที่ถูกที่ควร อันจะนำความเจริญมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนตลอดไป
สุดท้ายนี้ผมอยากให้ครอบครัวคนไทยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ พักผ่อนให้มีความสุข อาทิเช่น 1.ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบฯ 5-24 กรกฎาคมนี้ จะเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติและชุมชน มีกิจกรรมสร้างจิตสำนึก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คัดแยกขยะ การลดใช้ถุงพลาสติกการเพิ่มใช้ถุงผ้าเป็นต้น วันนี้ผมอยากให้เพิ่มเป็นสัก 2 วันนะ เพิ่มวันเดียวลดไปหลาย 10 ล้านต้น เพราะฉะนั้นถ้า 2 วัน ใช้ถุงผ้าแทน มันจะลดได้เป็น 2 เท่า หรือ 3 วันก็ 3 เท่า มันต้องลดให้มาก ทั้งบนบกทั้งในทะเล ในทะเลก็เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ ตายเยอะเลยปลาใหญ่ปลาเล็ก กินถุงพลาสติกเข้าไป เขาไม่รู้หรอกครับ ท่านนะทำบาปนะครับ เพราะฉะนั้นลดการใช้ถุงพลาสติกให้มากที่สุด อย่าเอาสะดวกอย่างเดียว ขอเชิญชวนห้างร้านต่างๆ ภาคธุรกิจเอกชนนะครับกรุณาสนับสนุนในเรื่องถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติกกับรัฐบาลด้วย ถือว่าช่วยกัน
อีกเรื่องคลองผดุงกรุงเกษมเหมือนกันผมก็ได้ให้นโยบายไปแล้ว แล้วทาง กทม.ก็เริ่มปฏิบัติไปแล้ว ก็คือ นำเรือมาวิ่งให้บริการผู้โดยสาร อาจจะเป็นลำเก่าก่อน เป็นเวลาไหนที่ระดับน้ำสามารถวิ่งได้ก็วิ่ง ระดับไหนที่วิ่งไม่ได้ก็ต้องหยุดไปก่อน อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นแล้วต่อไปก็กำลังจะมีแผนงานที่จะทำให้มันสมบูรณ์ในอนาคตด้วย ก็ขอขอบคุณ กทม. แล้วก็อีกประการหนึ่งผมมีนโยบายให้มีเรือขายกาแฟ ผมอยากให้มันกลับไปทบทวนเหมือนคลองที่ผมเคยอยู่ตอนเด็กๆนะ ผมเคยอยู่ริมคลองบางหลวง เช้าๆ กลางวัน เย็น ผมก็นั่งรอเรือ ก๋วยเตี่ยวพายขายก็อร่อยดีนะ แต่มันต้องดูว่าเขาใช้น้ำในคลองหรือเปล่าแต่ปรากฏว่าเขาใช้น้ำที่อยู่ในตุ่มที่เอามาเอง
อันนี้ก็ต้องช่วยกันนะ เรื่องเรือก๋วยเตี่ยว เรื่องกาแฟ ผมอยากให้เริ่มต้นก่อน เสาร์อาทิตย์นี้ทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ต้องมาเพราะใครหรอกมันมีคนตั้งแต่ตั้งแยะที่เขาเลือกมาวันหน้าอาจจะมีเรือจ้างก็ได้เรือแจวเรือจ้าง เรือเงียบๆเป็นเรือท่องเที่ยว แล้วก็มีอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ มีห่วงยางมีอะไรต่างๆให้เรียบร้อย เพราะฉะนั้นทุกคนรู้ตัวอยู่แล้วว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ถ้าไม่เป็นก็อย่าลงไป ถ้าเราเริ่มต้นอย่างนี้ได้ คลองเหล่านี้ก็จะต่อไปยังคลองอื่นๆก็จะได้พัฒนาคลองอื่นไปด้วย แล้วคลองที่เหลือเราจะทำยังไง ถ้าบอกว่าติดสะพานท่านก็ไปต่อตรงสะพานนู้นก็ได้มีอีกช่วงหนึ่งที่จะไปขึ้นเรืออีกลำหนึ่งอีกสะพานหนึ่ง ก็ไปทำท่าเทียบเรือให้ได้ คิดแบบนี้ มันถึงจะเกิดได้ วันหน้ามันก็จะสามารถไปได้ทุกคลอง ถ้าเราทำอย่างนี้ได้มันก็จะลดการใช้รถยนต์ลงไปได้พอสมควร อันที่สองก็ไม่ต้องไปกังวลรถติดไม่ต้องสร้างมลภาวะด้วย คิดแบบนี้ ถ้าเรือลำใหญ่มันติด ก็เรือลำเล็กใช่ไหมล่ะ ถ้ามันไปไม่ได้น้ำมันตื้นก็ต้องเรือท้องแบน เขาเรียกคิดแบบนี้มันถึงจะไปได้ คิดนอกกรอบซะบ้างวิธีการแก้ปัญหามีเยอะแยะไป
เรื่องกีฬาเหมือนกัน ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยมาเป็นกำลังใจให้กับนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในการแข่งขันกับทีมชาติบราซิลในวันพุธที่ 6 กรกฎาคมนี้ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ช่วยกันเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์ กรังด์ปรีย์ 2016 รอบสุกท้าย ณ อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก กรุงเทพ ระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคมนี้ ก็ขอบคุณนะครับทีมวอลเลย์บอลขอให้ทำเต็มที่ผมเห็นแล้ว แข่งไม่หยุดเลยนะอาทิตย์หนึ่งแข่งไม่หยุดเลย รักษาสุขภาพให้ดี กีฬามันอยู่ที่วิทยาศาสตร์การกีฬาก่อนแข่งและหลังแข่ง ก่อนแข่งครั้งต่อไปหลังแข่งมันต้องมีการฟื้นฟู ฟื้นฟูด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างไร เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น และอีกเรื่องก็คือเรื่องของนักจิตวิทยา และก็อย่าหลงลืมว่าเราเล่นกีฬาไปตลอดชีวิตไม่ได้อายุมากหลายคน หลายทีมก็ไปหานักกีฬาใหม่ที่ขายาวๆ แขนยาวๆขายาวๆที่ตบแรงๆไปหามา ผมว่ามีนะคนไทยรุ่นใหม่เพียงแต่ว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าเขามีพรสวรรค์ทางนี้หรือเปล่า ไปหามาเถอะครับช้างเผือกเยอะแยะไป จะได้สนับสนุนดูแลเขาได้
เรื่องน้ำท่วมการจราจรก็อย่าถือว่าเป็นการโทษใครโทษใครเลย เพราะฉะนั้นผมว่าต้องช่วยกัน ต้องช่วยกัน นี้ผมก็สั่งการไปหลายอย่างนะครับ ให้มีมาตรการช่วยเหลือทั้งกระทรวงมหาดไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กทม. ต้องช่วยกันทั้งหมด เพราะสถานการณ์ในกรุงเทพท่านก็เห็นอยู่แล้ว พื้นถนน ท่อระบายน้ำเป็นยังไง ซึ่งมันพัฒนาไม่ทัน อันนี้ก็ต้องไปดูซิว่าความเป็นระเบียบจะทำอย่างไร ก็เมื่อในวันนี้ถนนเส้นทางผังเมืองมันทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะมันปล่อยปะละเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว การที่เราจะไปรื้อใหม่ ทำใหม่ทั้งหมด มันก็ไม่ได้อีก จะไปทำเพิ่มเติมก็ไม่รู้จะทำตรงไหน เพราะมันติดคนไปหมด นี่แหละที่เรียกว่า การเจริญเติบโตของเมืองใหญ่ที่ไม่มีการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า ผมถึงบอกว่าวันนี้ต้องไปคิดแล้วนะครับว่าใน 18 กลุ่มจังหวัด ใน 76 จังหวัด คืออย่าไปคิดแต่จะอยู่ในเมืองกันต้องตีกรอบข้างนอกแล้วว่าจะทำอย่างไร ว่าจะขยายเมืองออกข้างนอกได้อย่างไร เพราะฉะนั้นก็ไปดูวิในศักยภาพของแต่ละกลุ่มจังหวัด จะทำอย่างไรถ้าเมืองไหนเป็นศูนย์กลาง ตรงนั้นก็ต้องไปความเชื่อมโยงในกลุ่มจังหวัดของตัวเองได้อย่างไร ไม่ใช่ทุกคนต้องการความเจริญเหมือนกันหมด ต้องการถนน 8 เลน เท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องไปวิธีการให้ได้นี้คือแนวทางที่รัฐบาลได้ส่งเสริมลงไปและกำหนดนโยบายลงไป ต้องร่วมมือกันทั้งรัฐเอกชน ประชาสังคม แม้กระทั่ง NGO ต่างๆก็ตาม ทำเพื่อประเทศไทยทุกอย่างมันสำเร็จแน่ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ สวัสดีครับ
ที่มา ; เว็บไซต์ รัฐบาลไทย
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วย
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วย
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2559 เวลา 20.15 น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงอุทิศพระองค์ เพื่อช่วยเหลือชาวนา “กระดูกสันหลังของชาติ” และได้มีการพัฒนาข้าวไทยในทุกๆ ด้าน อาทิ ทรงให้ความสำคัญกับพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทรงทำนาข้าวทดลองและทรงริเริ่มกิจการโรงสีข้าวตัวอย่างเป็นโครงการส่วนพระองค์ในสวนจิตรลดา และทรงสนับสนุนให้มีการก่อตั้งธนาคารข้าว เพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศ เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้น เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อยกย่องในพระปรีชาสามารถของพระองค์ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย”ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมใจกันสนองปณิธานของพ่อหลวงไทย ด้วยการเห็นคุณค่าของข้าว และความสำคัญของชาวนาไทย เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยทุกคน
วันจันทร์ที่4 กรกฎาคม 2559 นี้ เป็นวันคล้ายวันประสูติ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์” ของปวงชนชาวไทย ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ประเทศชาติและประชาชน ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรงเป็นประธานมูลนิธิจุฬาภรณ์
มี “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” เกิดจากการรวมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ กับสถาบันบัณฑิตจุฬาภรณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การแพทย์สาธารณสุข ตลอดจนให้บริการทางการแพทย์ ไปเผยแพร่และประยุกต์ใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ความมุ่งหมายต่อไปคือ ในด้านสาธารณสุขนั้น ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อสานต่อพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ รวมทั้ง สืบสานพระราชปณิธาน ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พอ.สว. ที่ประชาชนจะเรียกขานอาสาสมัครเหล่านี้ว่า “หมอกระเป๋าเขียว” ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร ให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ที่ดี ห่างไกลจากโรคร้าย
ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ “ทรงพระเจริญ”
ในการพัฒนาประเทศตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” นั้น แตกต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งหลายพรรคการเมือง อาจจะมุ่งสร้างเฉพาะความพึงพอใจของประชาชน ด้วยการทำนโยบายประชานิยมบ้างที่มีปัญหา อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศชาติ และประชาชน ในการสร้างความเข้มแข็ง สร้างความยั่งยืน อย่างแท้จริง อาจจะด้วยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น รัฐบาลนี้ ได้นำแนวทาง “ประชารัฐ” ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม ในการพัฒนาประเทศ อุดรอยรั่ว ช่องโหว่ของภาครัฐ
ไทยแลนด์ 4.0 นั้น จะเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยความเข้าใจ ด้วยความสมัครใจ บนวิสัยทัศน์เดียวกันคือ “มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ทั้งนี้จะได้เป็นการขับเคลื่อนประเทศ บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ บวกนวัตกรรม และเทคโนโลยี ในทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้เกิดความสมดุลกับทางสังคม และสิ่งแวดล้อม เราได้กำหนด 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิเช่น
(1) กลุ่มอาหารและเกษตรกรรม มีการจัดตั้งเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรของประเทศ ครบวงจร สร้างความมั่นคงทางอาหารให้โลก และตอบสนองนโยบาย “ประเทศไทยเป็นครัวโลก”
(2) กลุ่มสุขภาพ มีการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา ทั้งสมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก และ ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อให้ไทยเป็น “เมืองสมุนไพร” หรือ “ศูนย์กลางสุขภาพครบวงจร” Medical Hub ในภูมิภาค ตอบสนองสังคมผู้สูงอายุของเราและโลก ที่กำลังมาถึง การมาเมืองไทยนั้นจะได้ทั้งรักษาสุขภาพ พักผ่อน ท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึมซับวัฒนธรรมอันงดงามและความเป็นไทย
(3) กลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อัตโนมัติ ซึ่งมีความสำคัญต่อภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม อาทิ หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม ที่โลกมีความต้องการสูง จำเป็นต่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมหนัก ในอนาคต ทุกแขนง
สำหรับ 4 คือกลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นระเบียงเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า Eastern Economic Corridor มีศักยภาพในการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม คิดเป็นร้อยละ 39 ของเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการลงทุนด้าน ปิโตรเคมี พลังงาน ยานยนต์ และกิจกรรมต่อเนื่อง จากผู้ประกอบการภายในและต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม ในกลุ่มที่ 5 อุตสาหกรรม เช่นการบินและโลจิสติกส์ โดยได้วางกรอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กว่า 2.2 ล้านล้านบาท อาทิ เส้นทางหลวงพิเศษ กรุงเทพ – พัทยา – ระยอง ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ให้มีขีดความสามารถรองรับปริมาณสินค้า เพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้าน TEU ต่อปี พร้อมกับการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่ง สามารถรองรับสินค้าได้ 3 แสน TEU ต่อปี ศูนย์การขนส่งทางราง ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง ได้ปีละ 2 ล้าน TEUท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่อเรือ โดยพัฒนาท่าเรือ Ferry เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล“อ่าวไทย” พัทยา – จุกเสม็ด – ชะอำ สนามบินอู่ตะเภา ให้สามารถรองรับผู้โดยสาร 5 ล้านคนต่อปี และการพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน เพื่อขยายศักยภาพ ให้สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค สามารถซ่อมบำรุงอากาศยานได้ 144 ลำต่อปี และซ่อมเครื่องยนต์ได้ 72 เครื่องต่อปีทั้งนี้ เราก็ได้คิดให้มีระบบรถไฟและรถไฟความเร็วสูงเพื่อจะเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคม ทุกระบบ ทั้งทางบก ทางราง ท่าเรือ ทางอากาศด้วย เพื่อให้รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผมได้สั่งการให้ดำเนินการจัดทำแผนการลงทุนแล้ว ให้สำเร็จภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ มี 6 กลุ่ม อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็นอุตสาหกรรมเดิม ที่ไทยมีศักยภาพ เรามีจุดแข็ง ในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว โดยสามารถผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าในอนาคต พลังงานสีเขียว เป็นมิตรกับธรรมชาติ เป็นทิศทางของโลก ในอนาคต ในระยะยาว แทนการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติที่มาจากฟอสซิลในอนาคตด้วย ทั้งนี้เราต้องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในการที่โลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน และนับวันเชื้อเพลิงเหล่านั้นก็จะร่อยหลอลงทุกที สิ่งที่ภาครัฐกำลังดำเนินการอยู่ ในทุกมิตินั้นได้แก่
(1) คือการสร้างความรับรู้ ทั้งในเรื่องพลังงานทดแทน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ความเชื่อมั่นในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่จะใช้แทนรถยนต์พลังงานน้ำมันในอนาคต คงไม่ใช่ทั้งหมดในวันนี้ แล้วก็แทนรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติด้วย โลกต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องเตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ขณะเดียวกัน เราก็ต้องส่งเสริม รถยนต์พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และ “Eco car” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วันนี้เราเป็นศูนย์กลางการผลิต Eco Car เราหยุดไม่ได้อยู่แล้ว ก็ทำคู่ขนานกันไปให้เกิดความสมดุล ไม่มีผลกระทบกันทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุน ก็คงจะเป็นทางเลือกของประชาชนในโอกาสต่อไป ในระยะแรกเพื่อให้เป็นการสร้างความคุ้นเคยเราก็ได้อนุญาตให้มีการนำเข้ารถโดยสารประจำทางไฟฟ้า มาให้บริการสาธารณะ ให้ประชาชนได้รู้จัก ได้คุ้นเคยก่อนที่จะขยายไปสู่รถยนต์ส่วนบุคคล ระยะแรกอาจจะต้องนำเข้า แต่ราคาสูง ถ้าเอาเข้ามาแล้วก็ต้องเร่งรัดในเรื่องการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การร่วมทุนต่างๆ จะได้ทันต่ออนาคต
เรื่องที่ 2 คือการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมการผลิตทั้งระบบ ทั้งตัวรถ ชิ้นส่วนประกอบ แบตเตอรี่ หัวจ่าย สถานีชาร์จ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้มีความพร้อม แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีหลายกระทรวง และหน่วยงาน ทั้งภาคเอกชน ก็สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนร่วม อาจจะเป็นการสร้างความมั่นใจ และเกิดความชัดเจนมากขึ้น ขณะนี้ได้ให้ BOI ไปศึกษาแล้วก็ให้เกิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่ 3 คือการสร้างแรงจูงใจ นักลงทุนชาวไทย และชาวต่างประเทศ ในเรื่องสิทธิประโยชน์ มาตรการทางภาษีต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุงกฎ ระเบียบ การขออนุญาต การเสียภาษี การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อกระตุ้นการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจังในอนาคต
เรื่องที่ 4 คือการส่งเสริมการ การสร้างแรงงานฝีมือ วางระบบการศึกษา อาชีวะ วิศวกร รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการจัดตั้งศูนย์ทดสอบ สนามทดสอบ ล้อรถยางรถยนต์ และรถยนต์ ในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ “ไทยแลนด์ 4.0” นั้นยังมี 7 กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตอล เป็นเหมือน “กระดูกสันหลัง” ในด้านข้อมูลข่าวสาร การศึกษา โทรคมนาคม การติดต่อสื่อสาร เพื่อรองรับการพัฒนากิจกรรมต่างๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายข้างต้น รวมทั้ง “วิสาหกิจเริ่มต้นใหม่” Start-up ที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ในเรื่อง
(1) คือการปรับปรุงกฎหมาย ให้ทันสมัย เป็นสากล รองรับการเติบโตของ Start-up ซึ่งเป็นไปตามกระแสของโลกในปัจจุบัน
(2) มาตรการทางภาษี การเงิน การคลัง เช่น การลดภาระค่าธรรมเนียม การค้ำประกันสินเชื่อ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อส่งเสริมให้เกิด “เถ้าแก่ใหม่” กล้าลงทุน เป็นเจ้าของ เปิดกิจการใหม่ แล้วก็เป็นทางเลือกให้สังคมด้วย โดยเฉพาะ Eco System หรือธุรกิจที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ระบบนิเวศน์
(3) การสร้างแรงจูงใจ การอำนวยความสะดวก ช่วยการดึงนักลงทุน นักการตลาด นักวิจัย ที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาลงทุน ทำงานในเมืองไทย นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีชั้นสูง สมัยใหม่ เข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ของไทย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการ “แตกกิ่งก้านสาขา” ใหม่ๆ ให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย โดยอีกบทบาทของภาครัฐ คือ
(4) เป็นผู้กำกับด้านนโยบาย อาทิ ผลักดันให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในระบบ ICT การคมนาคมสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ให้เกิดการเชื่อมองค์ความรู้ เทคโนโลยี สำหรับนักวิจัยหน้าใหม่ ในลักษณะ “ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ” หรือ “Think Tank” ซึ่งรัฐบาลได้ขับเคลื่อนแล้ว ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม Digital Economy ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนแล้ว ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วย
อีกเรื่องที่ผมเป็นห่วงก็คือเรื่องของการประกอบการของธุรกิจSMEs ซึ่งเราแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ประเภท 1-2-3 นี่ ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ในการที่จะขยายกิจการ เพิ่มทุน ให้เจริญเติบโตในประเทศ แล้วก็ส่งเสริมไปต่างประเทศ แต่มีประเภทที่ 4 ก็คือประเภทที่ต้องฟื้นฟู ที่เขาขาดสภาพคล่องนะครับ แล้วก็ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมบ้าง ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจบ้าง แต่ยังมีศักยภาพอยู่แต่ขาดเงินหมุนเวียนจะต้องทำยังไง รัฐบาลก็รับเรื่องนี้มาพิจารณา เมื่อวันก่อนผมได้พบกับเขา ก็สงสารเขา หลายกิจการหมดเนื้อหมดตัวกัน แล้วก็กู้ยืมเงินใครก็ไม่ได้ แล้วก็จะต้องถูกธนาคารยึดไป ทั้งโรงงานทั้งพื้นที่ อะไรต่างๆเหล่านี้ ที่ดิน เขาก็ลำบาก แต่เราต้องมาดูซิว่าจะทำอย่างไร
ถ้าเราจะทำอะไรต่อไปนี้ เราคงต้องใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาดูด้วย การมีเหตุมีผล การลงทุนพอประมาณ และการมีคุณสมบัติที่ดี คือมีความรู้ และมีคุณธรรม ถ้าเราโตเร็วเกินไปใช้เงินมากเกินไป พอมันเสียหายขึ้นมา มันก็มีผลกระทบมาก เราก็ค่อยๆเป็นค่อยๆ ไปก็ได้ บางครั้งเราต้องเตรียมรับความเสี่ยงในอนาคตไว้ด้วยจากปัจจัยภายในและภายนอก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็จะดูแลมากน้อยตามที่เรามีงบประมาณอยู่ หรือเป็นไปตามกฎหมาย มันหลายส่วนด้วยกัน ทั้งแหล่งเงินของรัฐ งบกลาง หรือในส่วนของธนาคารพาณิชย์ เหล่านี้ ถ้าเราใช้มากเกินไป หลายอย่างก็เป็นเรื่องของการพาณิชย์ ก็ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน รัฐบาลก็พยายามจะแก้ให้นะครับ ที่ผ่านมาหลายรายมีผลกระทบจากน้ำท่วม ตั้งแต่ปี 2554 - 2555 โน่นแน่ะ ก็ยังค้างคากันอยู่ ก็เป็นจำนวนเงินหลายสตางค์อยู่เหมือนกันแหละ ก็ใจเย็นๆ ผมจะดูแลให้ แต่ขอให้ฟังกันด้วยนะ บางอย่างมันต้องดูงบประมาณ ดูกฎหมายด้วยอะไรด้วย
อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของการค้ามนุษย์ หรือ IUU ที่กำลังทำอยู่วันนี้ ผมเคยบอกไว้แล้วว่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ และทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมันมีผลกระทบกับประเทศเพื่อนบ้าน ต่อโลก ต่อทรัพยากรทางทะเลด้วย อันนี้ถ้าหากว่าผลออกมาเป็นการดีผมก็ขอขอบคุณ ทุกพวกทุกฝ่าย ที่เป็นผลจากการทุ่มเท การทำงานของทุกๆฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนด้วย ก็ถือว่าสิ่งที่ได้รับมานั้นเป็นของขวัญ เป็นกำลังใจ ในการทำงานในขั้นต้นของพวกเราเท่านั้นเอง ก็ขอให้ทุกคนได้มีการประเมินสถานการณ์ ในเรื่องคอรัปชั่น และภาพพจน์ของประเทศในสายตาของคนไทย และนานาชาติไปด้วย จากสถาบันและองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้รัฐบาลเอามาดูหมด และก็การประเมินจากต่างประเทศ
วันนี้เรื่องทุจริตก็มีหลายหน่วยด้วยกันของต่างประเทศ CPI CSI PERC IOD PWC และจุฬาฯ พบว่า (1)สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศ “ดีที่สุด ในรอบ 3 ปี” (2) ภาพลักษณ์ประเทศ ด้านความโปร่งใส ในสายตานานาชาติ “ดีที่สุด รอบ 10 ปี” และ(3) การเรียกรับสินบน “ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เทียบกับ 15 ปีที่แล้ว” และมีแนวโน้มจะลดลงอีก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรัฐบาล และ คสช. ได้ผลักดันกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฯ รวมทั้ง มาตรการ + กลไก + นโยบายต่างๆ ในการทำงานทั้งหมดนะครับ เราได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งหมดก็ขอขอบคุณประชาชน ภาคธุรกิจ การค้าต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือด้วย เราจะต้องไม่ให้มีการทุจริตอีกต่อไป
ได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คสช.) + การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e - Market)ก็มีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ + วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) ก็ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมด มันเป็นการเริ่มต้น + การทำสัญญาคุณธรรม (IP) + ระบบ COST ที่เป็นสากลในการตรวจสอบ และก็เราได้มีช่องทางของรัฐบาล G-Channel มาใช้ เพื่อป้องกันการคอร์รัปชั่น เชิงระบบ หรือระบบพวกพ้อง ในระยะยาว ท่านคงต้องตามดูว่า มันจะมีช่องหนึ่งที่เขาเขียนว่า ภาษีไปไหน อันที่ 2 คือ G-News ซึ่งจะเป็นข้อมูลของทุกหน่วยงานทุกกระทรวง ที่เกี่ยวข้องที่เขาทำงานอยู่วันนี้ ถ้าท่านเปิดดูท่านจะมีความรู้มากขึ้น จะได้เข้าใจการทำงานของรัฐ และจะได้แสวงหาข้อมูลกันได้ ถ้าไม่เปิดดู ท่านก็จะใช้ความรู้สึก มีความขัดแย้ง กระทบกระทั่งไม่เข้าใจกันไปแบบนี้ ไปตลอด ก็เป็นช่องทางให้หลายพวกหลายฝ่ายเข้ามาหาประโยชน์ได้จากความไม่เข้าใจของพวกเรา
สำหรับในด้าน การเดินหน้าประเทศ ปัญหาบางประการ ท่านทราบดีอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือท่านช่วยกัน กับผมกับรัฐบาลกับ คสช. ว่าเราจะต้อง ถึงเวลาแล้วในการที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติและลูกหลานในอนาคตสำคัญที่สุดคือ
เรื่องการเคารพกฎหมาย การที่เราขาดจิตสำนึก เราต้องปลูกจิตสำนึกให้ได้ อันนี้ต้องอยู่ที่ตัวคน การขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นต้นเหตุ ให้มีเหตุการณ์ที่น่าเสียใจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจล่าช้า การเดินหน้าประเทศไม่ราบรื่น ไม่ดีเท่าที่ควร
หลายอย่างก็เป็นเพราะมีความคิดสุดโต่ง หารือกันไม่ได้ หาทางออกไม่ได้ หรือคิดได้พูดได้แต่ทำไม่เป็น เหล่านี้ต้องมาช่วยกัน บางอย่างผมก็พร้อมรับฟังความเห็นที่เป็นประโยชน์ของท่าน ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรไปกว่าท่าน เพียงแต่ว่าต้องมาคุยกัน โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ต้องไม่มีตัวตนทั้งสิ้น ถ้าเราฟังกันบ้างลดราวาศอกกันบ้าง ก็มีอะไรที่สามารถทำได้ในวันนี้ อย่าเอาความขัดแย้งมาพูดก่อน อย่าเอาการผิดกฎหมายมาพูดก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นภายใต้กรอบของกฎหมาย เรื่องสำคัญต่อไปคือเรื่อง
เรื่องการทำประชามติ ซึ่งใกล้เข้ามาทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันในการใช้สิทธิของท่านหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ผมทำหน้าที่ของผม ท่านทำหน้าที่ของท่านที่จะลงประชามติ รัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างในส่วนของรัฐบาลได้มีการมอบหมายเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องของการรับผิดชอบในการทำประชามติ โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล้ำ ก้าวล่วง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเอง กฎหมายต่างๆ ที่ออกมาก็ระมัดระวังหน่อย คิดว่าถ้าทุกคนมีเจตนาดี บริสุทธิ์ก็ไม่น่าจะเป็นกังวล ไม่ใช่อาจจะมีอยู่หลายคนหลายพวกก็บอกว่า กฎหมายเยอะก็อย่าไปเลย เดี๋ยวจะมีความผิด ผมว่าถ้าชี้นำแบบนี้ ผมว่ามันน่าจะไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของชาตินะ หน้าที่ของทุกคนก็ไปทำประชามติ ไม่ต้องไปกลัว เขาเขียนไว้ชัดเจน อะไรคือผิด อะไรคือถูก
ฉะนั้นอย่าไปข่มขู่ประชาชนว่าอย่าไปเลย แต่ถ้าทุกคนไปให้ใครชี้นำอยู่ในทางที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ ก็ไม่สามารถปลดล็อคตัวเอง เป็นอิสระจากคนอื่นเขาได้ อยากให้ทุกคนมีอิสระทางความคิดของแต่ละบุคคล กรุณาให้ความสำคัญหน่อย มีไม่กี่ข้อ มีไม่กี่เรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชน แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ไปอ่านเอาเอง ก็หลายคนหลายนักการเมือง ก็ไปพูดจาบิดเบือนอยู่ในวันนี้ ในพื้นที่ในระดับท้องถิ่นนะ ตามหมู่บ้านบ้างอะไรบ้าง เช่น รัฐบาล จะลดการศึกษาฟรี 15 ปี ยกเลิกการใช้บัตรทองจะให้ คสช.เขาดำเนินการ พูดโกหกบิดเบือนอย่างเลวร้าย คนพวกนี้แย่มาก
เรื่องการขยายความขัดแย้งใดๆก็ตาม โดยสื่อฯ + โซเชียล ทั้งโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยไม่สนใจข้อกฎหมาย มันก็เลยทำให้สังคมเชื่อไปว่า รัฐมีการดำเนินการ 2 มาตรฐาน มันต้องมาตรฐานเดียว เพราะกฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เคยคิดจะไปละเมิดสิทธิ์ใคร และก็ไม่พยายามจะใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มันก็จำเป็นที่ต้องใช้นะ เพราะคนปั่นป่วนยังมีอยู่ ถ้าไม่มีผมจะใช้ทำไม
สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยอธิบายให้ต่างชาติได้เข้าใจว่าสถานการณ์ประเทศไทยเป็นอย่างไร วันนี้เรากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ดี มีศักยภาพ มีหลายประเทศต้องการมาลงทุนกับเรา หลายประเทศก็ให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของการปฏิรูปประเทศหรือการแก้ปัญหา ก็มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่ยินยอมกันอยู่คือเรื่องทางการเมือง อยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า อะไรมันสำคัญกว่ากันตอนนี้ จริงๆ แล้วสำคัญทั้งคู่ ถ้าเดินไปพร้อมๆ กันได้ก็ดีคือการเมืองก็คือการเมืองที่มันเป็นสุจริต แล้วก็ในเรื่องของการปฏิรูปก็ช่วยกันทำไปแล้ววันหน้าการเมืองเหล่านั้นก็เข้ามาทำต่อ มันมีปัญหาตรงไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
แต่ผมยืนยันได้เป็นความสัตย์จริงว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เลยจากการที่เราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ฉะนั้นไปตรวจสอบได้ แม้กระทั่งใช้กฎหมายปกติหรือกฎหมายพิเศษ ไม่มีเลย หลายคนนี่ดื้อดึงขัดขืนหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้จับกุม ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังอะไรเหล่านี้ แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดี อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง แต่ก็ต้องทำในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องเข้าใจ หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้มาตราโน้น มาตรานี้ ทำให้เร็ว ผมไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆเข้าไปได้ มันอยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆหมื่นคนเหล่านั้นจะยุติซะ แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย มันเหมือนไม่เคารพกฎหมาย ก็บอกว่า อะไรนะ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอ๊ะเขาทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้ ผมถามประชาชนทั้งประเทศว่าทำได้ไหม ช่วยกันตอบผมหน่อย ถ้าระหว่างนี้ทำผิดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แล้ววันหน้าค่อยมีรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วค่อยมามอบตัวกันตอนนั้น ผมว่ามันไม่ใช่ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้กระบวนการยุติธรรมเขาก็มีอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ท่านต่อสู้คดี
เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะว่ามันหลายอย่างด้วยกันนะครับท่านก็รู้ดีอยู่ กฎหมายปรกติไม่ค่อยเชื่อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง ถ้าทำผมก็ลงโทษนะ ฉะนั้นก็เพียงนำพามา และสอบสวน ให้สู้คดี ต่างคนต่างก็พยายามที่จะบิดเบือน หลายคนก็เคยให้ความเมตตาแล้ว ให้ออกมา ให้ประกัน บอกไม่ประกันอีก จะขออยู่ในคุกก็แล้วแต่ตามใจ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ใช่ผมไปบังคับให้เขาอยู่ ต้องการให้เขาติดคุกไม่ใช่ ผมเมตตาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิสิต นักศึกษา แต่เขาบอกเขาไม่อยากออกจากคุก จนกว่าจะมีประชาธิปไตย ก็แล้วแต่นะ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับประเทศไทย คนไทย จะคิดยังไงนะ ว่าผมรังแกเขาหรือเปล่า พ่อแม่ก็เดือดร้อน ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็มาเกลียดชังผม จริงๆมันไม่น่าใช่นะไปคิดเอา
วันนี้เราต้องไม่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมไทยในต่างประเทศด้วย ทำไมต้องให้ผมเหน็ดเหนื่อยทำทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ผมก็ต้องไปอธิบายเขาอีก ทำไมไม่สนใจหน้าตาภาพลักษณ์ของประเทศกันเลยหรือ ผมเข้ามาแบบนี้ผมรู้ตัวของผมดี แต่ผมรู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร หลายคนก็รู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร แต่ทำไมคนบางคนไม่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ร่วมในขบวนการทำความผิดทั้งสิ้น อันนี้ผมฝากให้ชาวโลกได้ดูด้วยแล้วกัน ให้รับทราบด้วย กรุณาสอบถาม กรณีผู้ที่อยู่ต่างประเทศ หนีไปพูดโน่นพูดนี่ ประชุมโน่นนี่ กลับมาเล่นงานประเทศไทย ก็ผมคิดว่าไม่น่ากลับมาอะนะ กลับมาก็กลับไม่ได้ ผมคิดว่าคนไทยคงไม่ยอมอยู่แล้ว ไปประณามประเทศตัวเอง ผมคิดว่าคนเหล่านี้ คนไทยไม่น่าจะยอมรับได้นะ มีหลายคน วันหลังน่าจะเอาชื่อขึ้นจอซะทีนะ ที่หนีไป หนีด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คดีเล็กๆน้อยๆก็หนีแล้วก็ไปด่าประเทศไทย ผมไม่เข้าใจจริงๆ และก็ไปสนับสนุนอยู่พวกเดียวกันนั่นแหละ ก็คิดเอาแล้วกัน
ช่วยกันนะครับ เราต้องรู้ว่าเราจะอยู่กันยังไง เราเป็นคนไทย แล้วทำไมคนเหล่านั้นถึงเอาประเทศเป็นตัวประกัน แล้วก็ทำลายประเทศชาติ เอาประชาชนเป็นโล่กำบัง ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานั่นแหละ ทำลายประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองทั้งๆที่ มีคนไม่กี่คนที่ทำความผิดแล้วหลบหนีคดี จริงๆแล้วคนเดียวนั่นแหละ ก็ทำทุกอย่างมันบานปลายไปหมดนะ คนอื่นก็ตามกันไปด้วยความหลงเชื่อ หรือจะเชื่อมั่นศรัทธายังไงก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้นะมันผิดกฎหมาย ทั้งหมดก็ผิดหมดนะ
เรื่องการปฏิรูป ถ้าเราไม่เคารพกฎหมายกันแล้ว ไม่ร่วมมือกันไม่มีใครทำได้หรอกครับ อย่างมากมันก็ได้แต่พูดกัน พูดอย่างนี้อย่างนั้นพูดถึงปัญหาพูดถึงสิ่งที่เราต้องแก้ไขแต่ไม่มีวิธีการ วันนี้รัฐบาลกำลังหาวิธีการแล้วก็ใช้วิธีการหลายอย่างทำมาแล้ว ทำมา 1 ปี 9 เดือน ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหากฎหมายได้ กว่าจะหาวิธีการได้ กว่าจะปรับแก้วิธีการบริหารจัดการได้ กว่าจะให้ข้าราชการได้เข้าใจ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้สร้างการเรียนรู้เหล่านี้ไว้ อันนี้คือความยาก หลายคนอย่ามาบอกว่าไม่ได้ผลอะไรเลย ปฏิรูปก็ไม่ได้ปฏิรูป อันที่ 1 บ้านเมืองสงบไหมครับ อันที่ 2 กฎหมายที่ออกมามีประโยชน์ต่อประชาชนไหม อันที่ 3 สิ่งที่เราทำมาแล้ววันนี้ มันสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศหรือเปล่า กฎหมายระเบียบกติกา กฎหมายที่เป็นสากลออกมาใหม่ให้หรือเปล่า แล้วทำไมประเทศต่างๆถึงมารุมเยือนประเทศไทยเพื่อจะมาแสวงหาความร่วมมือกับประเทศไทยแต่มีคนไทยต่อต้านทุกประการ ผมเลยไม่เข้าใจว่านี้คือประเทศไทยหรือไง เพราะฉะนั้นคนไทยกรุณาแสดงความคิดเห็นออกมานะครับ ก็อย่าเงียบกันมากนักนะ ส่วนใหญ่ก็สนับสนุนตลอดเต็มที่กำลังใจ สนับสนุนได้พูดได้แต่อย่าผิดกฎหมาย เพราะเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม แสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ แล้วก็เพื่อการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในอนาคต ฉะนั้นอย่าต่อว่ารัฐบาลมากนักเลยผมไม่ได้ออกมาบ่นอะไรนักหรอกยังไงท่านบ่นยังไงผมก็ทำผมก็จะอยู่ตรงนี้นะ บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์นะท่าน
รัฐบาลกำลังทำให้แข็งแรงนะครับ ถ้าหากต้องการปฏิรูป ประชาชนทุกคนต้องเรียกร้องต้องการปฏิรูปก็แสดงความคิดเห็นกันออกมา อยากปฏิรูปแต่จะปฏิรูปยังไงท่านก็บอกมาแล้วกัน ผมก็จะทำให้ ใครที่ไม่ต้องการการปฏิรูปก็บอกมาให้ชัดเจนเลยว่าไม่ต้องการปฏิรูป ถ้าไม่ปฏิรูปจะเดินหน้าประเทศยังไงบอกมาให้ชัด อย่ามาพูดให้ไขว้เขวกันไปไขว้เขวกันมาแล้วก็อ้างประชาชนต้องการ ผมไปต่างจังหวัดผมก็เห็นประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำโน่นทำนี่ให้เขาแล้วผมก็ทำไปให้เขาตั้งเยอะแล้ว ก็ยังไปเอาสิ่งที่มันบิดเบือนมาพูดอีก
ตัวเลขโพลต่างๆ ก็ไปดูเอาแล้วกัน มันก็แล้วแต่จะทำนะ หลายๆอย่างอยู่ที่คำถามอยู่ที่คำตอบด้วยและก้อยู่ที่จะถามใคร ฉะนั้นประชาชนต้องเชื่อมั่นตัวเอง แล้วก็เพิ่มพูนความรู้ เรียนรู้ตัวเองว่าเราจะรู้เท่าทันเขาอย่างไร ประชาชนทุกคนผมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจริงใจกับทุกคนนั้นแหละ เพราะฉะนั้นใครที่จริงใจกับเขาก็จะตอบสนองท่าน แต่ถ้าใครไม่จริงใจกับเขานั้นแหละเป็นการแสดงที่เรียกว่าทำร้ายพวกเขา หยุด อย่าให้เขาหลอก ประชาชนต้องอย่าให้เขาหลอกเพื่อให้เป็นบันไดปีนสู่อำนาจและผลประโยชน์ในอนาคต เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง
ในเรื่องคดีความก็ปล่อยไปเป็นเรื่องของทางกฎหมาย อย่าไปพิจารณาเองอย่าไปคิดเอาเอง จริงๆแล้วการที่จะลงโทษอะไรก็ตามไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าอยู่ดีๆสั่งนี่สั่งโน่นไม่ใช่ ต้องมีกระบวนการเริ่มต้นมีการร้องเรียนอะไรต่างๆมาผมก็ให้ไปสอบสวน นำเข้าคณะพิจารณา คณะพิจารณานำขึ้นมา ถ้าจำเป็นต้องใช้กฎหมายปกติได้ก็กฎหมายปกติ กฎหมายพิเศษเพื่อจะสอบสวนต่อ ผมก็ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูกสักคนเลย แต่มันก็จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาครหาต่อไป ก็ต้องขอโทษถ้าหากทำให้ท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็ด้วยความจำเป็นเพราะมันมีผลต่อประเทศในกิจการแต่ละกิจการ ก็ถือว่าเพื่อสร้างความเจริญขึ้น ก็ขอร้องกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่ให้มีประชาธิปไตยแบบเดิมๆ มีการทุจริตคอรัปชั่น มีการเพิกเฉยไม่บังคับใช่กฎหมาย ไม่ว่าจะรวยใครก็แล้วแต่ ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง รัฐบาล มันทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อแปล ธุรกิจผิดกฎหมายก็มากมาย ไม่สุจริต บ้านเมืองไม่เป็นระเบียบ วันนี้ไปดูซิจับอะไรได้บ้างจับได้ทุกวัน ไม่ว่าจะการพนัน บุกป่า ทุกวันนี้ยังมีอยู่เลย บุกป่าตัดไม้พยุง ล่าสัตว์ป่า วันก่อนผมก็ไปร่วมงานวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 5 มิถุนายน เพิ่งจัดมาเมื่อ 2-3 วันนี้ หยุดล่า หยุดขาย หยุดค้าแล้วก็หยุดกิน ซึ่งนั้นคือสัตว์ป่านั้นแหละ ไม่เกิดประโยชน์ผมสงสารเขา ผมเห็นรูป ลิง ช้าง ดูเทียบแววตาคนกับแววตาเขามันเหมือนกันนั้นแหละ เขาก็คือชีวิต ชีวิตหนึ่ง โลกต้องประกอบไปด้วย คน สัตว์ พืช แล้วก็ทรัพยากรธรรมชาติ มันต้องอยู่ด้วยกันซิครับ มีที่ให้กินตั้งเยอะตั้งแยะมีอย่างอื่นให้กินตั้งมากมาย ก็ไปกินในสิ่งที่มีชีวิตในที่มันไม่ใช่อาหารไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ไง ผมว่าบาปกรรมนะ บาปกรรม ไม่ดีหรอก ทางธรรมพุทธศาสนาก็สอนไว้ว่าไม่ดีหรอก รัฐบาลนี้พยายามทำทุกอย่าง
ก็ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณของตนเอง อย่าให้ใครมาปิดหูปิดตาหรือเปิดหูเปิดตาในทางที่มันไม่ถูกต้อง ฟังความทั้ง 2 ทาง ฟังผมก็ได้แล้วฟังเขาบ้าง แล้วถามเขาว่าที่ผมพูดว่าไง ถ้าเขาตอบผิดก็มาถามผมซิว่าใช่หรือเปล่า ถ้าเขาบอกสิ่งที่ผมพูดในทางที่มันไม่ดีกับท่านก็มาถามผมกลับที่ทำเนียบ ผมพร้อมจะตอบทุกคำถาม แต่ท่านถามเขาก็ให้เขาตอบทุกคำถามด้วยแล้วกัน แล้วเอาคำถามคำตอบเขามาบอกผม แล้วผมจะอธิบายให้ดูว่าทุกเรื่องมันเป็นอย่างไร ทุกอย่างนี้ที่ผมเอาจริงจังวันนี้เพราะว่ามันเป็นอนาคตของเราของประเทศชาติและลูกหลานในอนาคตผมไม่อยากให้เวลามันเสียเปล่าที่เข้ามา
วันนี้ต้องมาพูดทุกเรื่องทุกประเด็น แทนที่จะพูดถึงเรื่องที่เป็นความก้าวหน้าพูดถึงสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ ต้องมาตอบโต้ในสิ่งที่มันบิดเบือนอยู่อย่างนี้มันเสียเวลาของผม เสียอารมณ์ด้วยนะ เพราะฉะนั้นอยากให้ไปดูซิว่าที่ผ่านมามีรัฐบาลไหนที่มาชี้แจ้งทุกเรื่องอย่างนี้ เสร็จแล้วท่านก็มาเก็บประเด็นเล็กประเด็นน้อยมาจับผิดผม มันไม่น่าใช่นะ เพราะฉะนั้นท่านคงอยากให้ไม่ต้องพูดอะไรเลยมั่งแบบเก่าหรือเปล่า ต่างคนต่างไม่ต้องรู้อะไรกัน อนาคตก็ไม่ต้องรู้ ถ้าเป็นแบบนั้นประเทศชาติก็อยู่ที่เดิม อยากให้ทุกคนใช้สติให้มาก มากกว่าการใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก ใช้ธรรมะให้มาก น้อมนำแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองคน ครองเรือน ประกอบกิจการงานในสิ่งที่ถูกที่ควร อันจะนำความเจริญมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนตลอดไป
สุดท้ายนี้ผมอยากให้ครอบครัวคนไทยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ พักผ่อนให้มีความสุข อาทิเช่น 1.ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบฯ 5-24 กรกฎาคมนี้ จะเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติและชุมชน มีกิจกรรมสร้างจิตสำนึก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คัดแยกขยะ การลดใช้ถุงพลาสติกการเพิ่มใช้ถุงผ้าเป็นต้น วันนี้ผมอยากให้เพิ่มเป็นสัก 2 วันนะ เพิ่มวันเดียวลดไปหลาย 10 ล้านต้น เพราะฉะนั้นถ้า 2 วัน ใช้ถุงผ้าแทน มันจะลดได้เป็น 2 เท่า หรือ 3 วันก็ 3 เท่า มันต้องลดให้มาก ทั้งบนบกทั้งในทะเล ในทะเลก็เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ ตายเยอะเลยปลาใหญ่ปลาเล็ก กินถุงพลาสติกเข้าไป เขาไม่รู้หรอกครับ ท่านนะทำบาปนะครับ เพราะฉะนั้นลดการใช้ถุงพลาสติกให้มากที่สุด อย่าเอาสะดวกอย่างเดียว ขอเชิญชวนห้างร้านต่างๆ ภาคธุรกิจเอกชนนะครับกรุณาสนับสนุนในเรื่องถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติกกับรัฐบาลด้วย ถือว่าช่วยกัน
อีกเรื่องคลองผดุงกรุงเกษมเหมือนกันผมก็ได้ให้นโยบายไปแล้ว แล้วทาง กทม.ก็เริ่มปฏิบัติไปแล้ว ก็คือ นำเรือมาวิ่งให้บริการผู้โดยสาร อาจจะเป็นลำเก่าก่อน เป็นเวลาไหนที่ระดับน้ำสามารถวิ่งได้ก็วิ่ง ระดับไหนที่วิ่งไม่ได้ก็ต้องหยุดไปก่อน อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นแล้วต่อไปก็กำลังจะมีแผนงานที่จะทำให้มันสมบูรณ์ในอนาคตด้วย ก็ขอขอบคุณ กทม. แล้วก็อีกประการหนึ่งผมมีนโยบายให้มีเรือขายกาแฟ ผมอยากให้มันกลับไปทบทวนเหมือนคลองที่ผมเคยอยู่ตอนเด็กๆนะ ผมเคยอยู่ริมคลองบางหลวง เช้าๆ กลางวัน เย็น ผมก็นั่งรอเรือ ก๋วยเตี่ยวพายขายก็อร่อยดีนะ แต่มันต้องดูว่าเขาใช้น้ำในคลองหรือเปล่าแต่ปรากฏว่าเขาใช้น้ำที่อยู่ในตุ่มที่เอามาเอง
อันนี้ก็ต้องช่วยกันนะ เรื่องเรือก๋วยเตี่ยว เรื่องกาแฟ ผมอยากให้เริ่มต้นก่อน เสาร์อาทิตย์นี้ทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ต้องมาเพราะใครหรอกมันมีคนตั้งแต่ตั้งแยะที่เขาเลือกมาวันหน้าอาจจะมีเรือจ้างก็ได้เรือแจวเรือจ้าง เรือเงียบๆเป็นเรือท่องเที่ยว แล้วก็มีอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ มีห่วงยางมีอะไรต่างๆให้เรียบร้อย เพราะฉะนั้นทุกคนรู้ตัวอยู่แล้วว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ถ้าไม่เป็นก็อย่าลงไป ถ้าเราเริ่มต้นอย่างนี้ได้ คลองเหล่านี้ก็จะต่อไปยังคลองอื่นๆก็จะได้พัฒนาคลองอื่นไปด้วย แล้วคลองที่เหลือเราจะทำยังไง ถ้าบอกว่าติดสะพานท่านก็ไปต่อตรงสะพานนู้นก็ได้มีอีกช่วงหนึ่งที่จะไปขึ้นเรืออีกลำหนึ่งอีกสะพานหนึ่ง ก็ไปทำท่าเทียบเรือให้ได้ คิดแบบนี้ มันถึงจะเกิดได้ วันหน้ามันก็จะสามารถไปได้ทุกคลอง ถ้าเราทำอย่างนี้ได้มันก็จะลดการใช้รถยนต์ลงไปได้พอสมควร อันที่สองก็ไม่ต้องไปกังวลรถติดไม่ต้องสร้างมลภาวะด้วย คิดแบบนี้ ถ้าเรือลำใหญ่มันติด ก็เรือลำเล็กใช่ไหมล่ะ ถ้ามันไปไม่ได้น้ำมันตื้นก็ต้องเรือท้องแบน เขาเรียกคิดแบบนี้มันถึงจะไปได้ คิดนอกกรอบซะบ้างวิธีการแก้ปัญหามีเยอะแยะไป
เรื่องกีฬาเหมือนกัน ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยมาเป็นกำลังใจให้กับนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในการแข่งขันกับทีมชาติบราซิลในวันพุธที่ 6 กรกฎาคมนี้ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ช่วยกันเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์ กรังด์ปรีย์ 2016 รอบสุกท้าย ณ อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก กรุงเทพ ระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคมนี้ ก็ขอบคุณนะครับทีมวอลเลย์บอลขอให้ทำเต็มที่ผมเห็นแล้ว แข่งไม่หยุดเลยนะอาทิตย์หนึ่งแข่งไม่หยุดเลย รักษาสุขภาพให้ดี กีฬามันอยู่ที่วิทยาศาสตร์การกีฬาก่อนแข่งและหลังแข่ง ก่อนแข่งครั้งต่อไปหลังแข่งมันต้องมีการฟื้นฟู ฟื้นฟูด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างไร เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น และอีกเรื่องก็คือเรื่องของนักจิตวิทยา และก็อย่าหลงลืมว่าเราเล่นกีฬาไปตลอดชีวิตไม่ได้อายุมากหลายคน หลายทีมก็ไปหานักกีฬาใหม่ที่ขายาวๆ แขนยาวๆขายาวๆที่ตบแรงๆไปหามา ผมว่ามีนะคนไทยรุ่นใหม่เพียงแต่ว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าเขามีพรสวรรค์ทางนี้หรือเปล่า ไปหามาเถอะครับช้างเผือกเยอะแยะไป จะได้สนับสนุนดูแลเขาได้
เรื่องน้ำท่วมการจราจรก็อย่าถือว่าเป็นการโทษใครโทษใครเลย เพราะฉะนั้นผมว่าต้องช่วยกัน ต้องช่วยกัน นี้ผมก็สั่งการไปหลายอย่างนะครับ ให้มีมาตรการช่วยเหลือทั้งกระทรวงมหาดไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กทม. ต้องช่วยกันทั้งหมด เพราะสถานการณ์ในกรุงเทพท่านก็เห็นอยู่แล้ว พื้นถนน ท่อระบายน้ำเป็นยังไง ซึ่งมันพัฒนาไม่ทัน อันนี้ก็ต้องไปดูซิว่าความเป็นระเบียบจะทำอย่างไร ก็เมื่อในวันนี้ถนนเส้นทางผังเมืองมันทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะมันปล่อยปะละเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว การที่เราจะไปรื้อใหม่ ทำใหม่ทั้งหมด มันก็ไม่ได้อีก จะไปทำเพิ่มเติมก็ไม่รู้จะทำตรงไหน เพราะมันติดคนไปหมด นี่แหละที่เรียกว่า การเจริญเติบโตของเมืองใหญ่ที่ไม่มีการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า ผมถึงบอกว่าวันนี้ต้องไปคิดแล้วนะครับว่าใน 18 กลุ่มจังหวัด ใน 76 จังหวัด คืออย่าไปคิดแต่จะอยู่ในเมืองกันต้องตีกรอบข้างนอกแล้วว่าจะทำอย่างไร ว่าจะขยายเมืองออกข้างนอกได้อย่างไร เพราะฉะนั้นก็ไปดูวิในศักยภาพของแต่ละกลุ่มจังหวัด จะทำอย่างไรถ้าเมืองไหนเป็นศูนย์กลาง ตรงนั้นก็ต้องไปความเชื่อมโยงในกลุ่มจังหวัดของตัวเองได้อย่างไร ไม่ใช่ทุกคนต้องการความเจริญเหมือนกันหมด ต้องการถนน 8 เลน เท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องไปวิธีการให้ได้นี้คือแนวทางที่รัฐบาลได้ส่งเสริมลงไปและกำหนดนโยบายลงไป ต้องร่วมมือกันทั้งรัฐเอกชน ประชาสังคม แม้กระทั่ง NGO ต่างๆก็ตาม ทำเพื่อประเทศไทยทุกอย่างมันสำเร็จแน่ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ สวัสดีครับ
ที่มา ; เว็บไซต์ รัฐบาลไทย
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วย
ฟรี... ติวสอบครูผู้ช่วย ติวสอบผู้บริหาร บุคลากรการศึกษา-ครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร
-คลากรการศึกษา ที่
ฟรี... ติวสอบครูผู้ช่วย ติวสอบผู้บริหาร บุคลากรการศึกษา-ครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร
-คลากรการศึกษา ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น