อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
ศาสตร์พระราชา
สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561 เวลา 20.15
น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
ด้วยพระเมตตาธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสังฆราช
และด้วยพระบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยอำนวยพร
คุ้มครองภัยต่างๆ ให้เด็กและโค้ชทีมฟุตบอล “หมูป่า อะคาเดมี
แม่สาย” ทั้ง 13 คน
ที่พลัดหลงในถ้ำหลวง จ.เชียงรายนะครับ ได้อยู่รอดปลอดภัย มีสวัสดิภาพทุกคน
จวบจนถึงวินาที ที่ชุดดำน้ำกู้ภัยได้เข้าไปพบ อีกทั้งด้วยกำลังใจ พลังแห่งความรัก
ความศรัทธาและการสวดมนต์ภาวนาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากพี่น้องชาวไทยทุกช่วงวัย
ทุกศาสนาและจากเพื่อนร่วมโลก ช่วยกันเป็นแรงผลักดัน เกื้อหนุนให้การปฏิบัติ “ภารกิจค้นหาผู้ประสบภัย” ครั้งนี้
ประสบความสำเร็จได้ ในเบื้องต้น
โดยยังคงเหลือขั้นตอนในเรื่องของการเคลื่อนย้ายออกจากถ้ำให้ปลอดภัย
อีกทั้งให้มีการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติ
ซึ่งเรายังต้องดำเนินการร่วมกันอย่างรอบคอบต่อไป
ทุกวิกฤต ย่อมแฝงไว้ด้วยโอกาสเสมอ หากเรามองด้วย “สายตาที่สร้างสรรค์” อย่างน้อย
ก็จะเป็นการแสดงให้ชาวโลกได้เห็นถึง “พลังแห่งความรู้ รัก
สามัคคี” ของชนชาติไทยของเรา ที่มีอยู่ในสายเลือด ทุกยุค
ทุกสมัย ทุกคราที่ชาวไทยร่วมแรง ร่วมใจกัน เราก็จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรค
และผ่านห้วงเวลาแห่งความยากลำบากไปด้วยกันได้เสมอ
ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งนะครับ
แม้จะไม่ได้สร้างความเสียหายในวงกว้าง แต่ความทุกข์ร้อนใจก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียง “13
ครอบครัว” เท่านั้น เนื่องจากว่าถ้าเราทุกคน “เอาใจเขา มาใส่ใจเรา” แล้ว ก็ลองตรึกตรองให้ดีว่า
ถ้า “13 ชีวิตในถ้ำ” นั้น คือ ลูกหลาน –
ญาติ พี่น้องของเราที่กำลัง “ประสบภัยจากธรรมชาติ”
ถูกกักอยู่ในความมืด มีทุกข์กาย ทุกข์ใจ อย่างแสนสาหัสในชีวิต
แล้วก็เฝ้ารอคอยความช่วยเหลือจากภายนอกด้วยความหวัง
ที่จะได้กลับสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ ในเร็ววัน ผมคิดว่า
เราทุกคนก็คงจะมีความรู้สึกทุกข์ร้อนใจไม่ต่างกัน
เราถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันคนไทยทั้งประเทศ
ดังนั้นการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้ จึงเป็นไปตาม “หลักเมตตาธรรม” และ “หลักมนุษยธรรม”
โดยทั่วไป ผมอยากจะวิงวอนให้ทุกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้ตระหนักและอยู่บนหลักพื้นฐานดังกล่าวด้วย
เมื่อเขาออกมาได้ เขาคงมีแต่เพียงคำพูด “ขอบคุณ” คนไทยทั้งประเทศ แล้วเขาก็สามารถแสดงออกได้ ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
เพื่อเติบใหญ่ขึ้นมาเป็น “พลังดีๆ” สำหรับรับใช้สังคม
และพัฒนาประเทศชาติต่อไปนะครับ ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ให้กับรุ่นน้อง
รุ่นหลังต่อไปในอนาคต
สำหรับสิ่งที่ผมเรียกว่าโอกาสนั้น
คือผมอยากจะชวนให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้ คิดตาม
ถึงประโยชน์ที่เราทุกคนและประเทศชาติจะได้รับจากการมองโลกในแง่ดี หรือที่เรียกว่า
คิดบวก กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ อาทิ
1. ถ้าเราใฝ่รู้และเฝ้าติดตามข่าวสารจากสื่อทุกแขนงอย่างต่อเนื่องแล้ว
เราก็จะได้รับความรู้ในหลากหลายแง่มุมนำมาประมวลเกิดแนวความคิด
ก็เหมือนกับการทำงานวิจัย หากหาความรู้เพิ่มเติม
แล้วก็เป็นบทเรียนจากประสบการณ์ของผู้อื่น เช่น การเอาชีวิตรอดในถ้ำเป็นเวลานานๆ
หรือในพื้นที่ที่ไม่สามารถที่จะพึ่งพาจากภายนอกได้ คงไม่เฉพาะเรื่องถ้ำอย่างเดียว
อาจจะมีหลงป่าบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งก็เกิดมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เขาทำคือว่า
การหาน้ำบริสุทธิ์มากินแทนอาหาร เพราะเราขาดน้ำนานไม่ได้
การรักษาสมดุลของร่างกายไม่ให้ป่วยไข้จะทำอย่างไร ในสถานที่อับชื้นและมีอากาศเย็น
การทำสมาธิเพื่อลดความหวาดกลัวและครองสติให้มั่นคง ไปจนถึงการทำความรู้จักกับถ้ำ
ป่าเขา ตาน้ำ น้ำบาดาล และฤดูกาล เพื่อสามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้
อย่างไม่เป็นอุปสรรคต่อกัน และข้อสำคัญต้องศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ที่มีพิษ
ไม่มีพิษต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ป่าเขา หรือถ้ำอะไรก็แล้วแต่
ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว ผมขอชื่นชม พี่น้องสื่อมวลชน
ที่พยายามจะนำเสนอแง่มุมที่เป็นสาระประโยชน์ต่อสังคม
ควบคู่ไปกับการรายงานสถานการณ์ และเป็นการรวบรวมกำลังใจ ส่งไปยัง “13 ครอบครัว” ของผู้ประสบภัย
และเจ้าหน้าที่ทุกคนมาอย่างต่อเนื่อง
2. เรื่องการทำงานร่วมกันอย่างมีระเบียบ แบบแผน และการเคารพกติกา
การปฏิบัติการครั้งนี้ ผมถือว่าเป็นการบูรณาการกันในรูปแบบ “ประชารัฐ”
ด้วยความร่วมมือกันของภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาชน รวมทั้ง “จิตอาสา” ที่อาจจะเรียกได้ว่าไร้ขอบเขต
ข้อจำกัด ทุกคนก็ทุ่มเท และลงมาอยากจะช่วย แล้วก็มีการขยายวงกว้างจากชาวแม่สาย
ชาวเชียงราย ไปชาวไทยทั้งประเทศ
แล้วไปสู่ชาวโลก ได้เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งในรูปแบบของบุคคลและองค์กร รวมแล้วกว่า 50 หน่วยงาน
เป็นจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องหลายพันคน ที่ทำงานประสานสอดคล้องกันภายใต้ “ศูนย์อำนวยการร่วม” ซึ่งผมได้ตกลงใจมอบหมายให้ “ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย” ในขณะนั้น ทำหน้าที่
ผู้บัญชาการเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องจนถึง ณ เวลานี้ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
ในการสั่งการ ตัดสินใจ และกำกับดูแลการทำงานในภาพรวมอย่างใกล้ชิด
ให้การป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปตามแผนการปฏิบัติ ข้อห้าม
ข้อบังคับที่กำหนด ซึ่งเกิดจากการหารือกันทุกฝ่ายอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งในระดับรัฐบาลแล้วก็ทุกกระทรวง ก็ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ อาจจะด้วยลักษณะ “ความเป็นผู้นำ”
ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเอง ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก
ที่จะช่วยให้การทำงานที่เราต้องเอาชนะธรรมชาติ แข่งกับเวลา
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นที่ชื่นชมของทุกฝ่าย ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดต้องพึงมี แต่ทั้งนี้
งานก็คงไม่ใช่มีเรื่องนี้เรื่องเดียว ยังมีอีกหลายงานที่จะต้องรับผิดชอบ
เคยเรียนไปแล้วว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องทำหน้าที่เหมือนนายกฯ ของจังหวัด
ต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ส่วนราชการให้ได้ เพราะผลงานปรากฏออกมาในพื้นทีของตัวเอง
ทุกหน่วยงานก็ต้องร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
ทั้งนี้เราต้องจัดระเบียบการทำงานให้ครบกระบวนการตั้งแต่แรก ตั้งแต่ระดับนโยบาย รัฐบาล กระทรวง มหาดไทย และทุกกระทรวง ในการที่จะให้กรม หรือหน่วยงานปฏิบัติเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อจะจัดระบบ
ติดตามสถานการณ์ และการบูรณาการกัน ตามแนวทางประชารัฐ เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วม
แล้วก็มีฝ่ายต่างๆ มาทำงานจากหลายส่วน ถ้าเราจัดโครงสร้างตรงนี้ไม่ได้ตั้งแต่แรก
ก็จะวุ่นวายสับสนไปหมด ส่วนอะไรเป็นส่วนปฏิบัติ
ส่วนอะไรเป็นส่วนสนับสนุน ส่วนอะไรเป็นเรื่องของธุรการ
ส่วนใดเป็นเรื่องของข่าวประชาสัมพันธ์เหล่านี้ต้องจัดรูปแบบให้ดี แล้วก็จัดสายการบังคับบัญชา
ให้ชัดเจน ทุกคนก็อยู่ในกรอบในกฎระเบียบอันนี้
เพราะว่าอยู่ในแผนป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยอยู่แล้ว
กรมป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยรับผิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ ในนามของรัฐบาล
3. ผมเชื่อมั่นว่าวันนี้ คนไทยได้เรียนรู้ว่าการทำงานใดๆ ก็ตาม
จะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ที่เรียกว่า แผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุ
เราต้องศึกษาปัจจัยสภาวะแวดล้อมทั้งปวงที่อาจจะส่งผลกระทบ เช่น
น้ำฝน น้ำบาดาล ต้นน้ำจากป่าเขา
จะส่งผลอย่างไรบ้าง ต่อปริมาณน้ำในถ้ำ นอกถ้ำ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการช่วยชีวิต
แล้วเราจะต้องคิดถึงแผนเผชิญเหตุ กรณีอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ที่เราต้องป้องกัน
และเตรียมการแก้ไข อย่างไม่ประมาท ไม่ให้เกิดเสียหายแล้วค่อยไปล้อมคอกทีหลัง
เหมือน “วัวหายแล้วล้อมคอก” แก้ไขไม่ทัน
เพราะอันนี้เป็นเรื่องของชีวิตต่อชีวิต การคิดการเตรียมการต่างๆ ก็ทำให้ครบวงจร
เตรียมการล่วงหน้า
วันนี้ก็เรื่องถ้ำ เรื่องน้ำเรื่องดำน้ำ อะไรต่างๆ
ก็ต้องมีทีมค้นหาผู้ประสบภัยที่มีประสบการณ์ร่วมไปด้วยนะครับ อย่างเช่น
ทีมนักดำน้ำต่างประเทศ หน่วยซิล ซึ่งมีความเข้มแข็ง
เป็นหน้าที่ที่ต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ไม่ใช่ใครเป็นพระเอก คงไม่ได้
สำคัญที่สุดคือทุกอย่างต้องมีคนนำ คนตาม คนสนับสนุนต่างๆ ต้องไปพร้อมกันหมด
แต่ต้องคัดแยกคนให้ดี การดำน้ำ “ขาเข้า” เพื่อค้นหาผู้ประสบภัย ก็ต้องมีการเตรียมอาหาร
เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ ปฏิบัติงาน
โดยคำนวณให้เพียงพอจนกระทั่งการเคลื่อนย้าย “ขาออก” ด้วย อย่างที่เห็นแล้ว วางเครื่องมือการสื่อสาร วางถังดำน้ำ
วางอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เหล่านี้ เพราะเข้าที ออกที ไม่ใช่เวลาสั้นๆ ไปก็ก็นำอุปกรณ์ไปด้วย เท่าที่สามารถนำไปได้ ถึงตรงไหนก็ตั้งตรงนั้น
พอไปได้ต่อก็ไปตั้งต่อ เรียกว่าเป็นการต่อระยะหน้าออกไป
ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีการซักซ้อมการปฏิบัติ
ทั้งจากแผนผังสังเขปที่ได้ร่างไว้เป็นแผนที่เดียวกัน
ซักซ้อมภายนอกพื้นที่ใกล้เคียง แล้วค่อยเข้าไป
เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตน การสั่งการ การบังคับบัญชา
แผนการปฏิบัติเมื่อพบอะไรก็แล้วแต่การรายงาน การติดต่อสื่อสารจะทำได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนสามารถที่จะสอดประสานการทำงานได้โดยอัตโนมัติ
ตามภาระหน้าที่ของตนเอง ตามประสบการณ์ ความชำนาญของตัวเอง เมื่อเราซ้อมกันดี
ถึงเวลาปฏิบัติจริงก็ไม่มีปัญหา อันนี้ก็นำมาประยุกต์ใช้ได้ในสถานการณ์อื่นอีกด้วย
อันนี้เป็นหลักการการทำงาน แม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน ทุกสาขาวิชาชีพ
รัฐบาลและ คสช. ก็พยายามจะนำเสนอกับพี่น้องประชาชนว่า
เราจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ - แผนปฏิรูปประเทศ และแผนปฏิบัติต่างๆ
ซึ่งเราได้กำหนดไว้แล้วว่ามีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์
มีการมองไปสู่อนาคต และการกำหนดแนวทางการดำเนินงานล่วงหน้า อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
สามารถปรับเปลี่ยนได้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายใน ภายนอก
ปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปเราต้องมีการเตรียมมาตรการลดความเสี่ยงในอนาคตไว้ด้วย
หรือเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดโดยไม่คาดคิดเราต้องมีสมมุติฐาน
ตั้งไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดอย่างงี้เราจะทำยังไง ถ้าเกิดเรื่องนี้เราทำยังไง
เราแก้ปัญหาอย่างไร แล้วถ้าปรับไปแล้วเกิดปัญหาอย่างอื่นซ้อนเข้ามาอีก จะทำอย่างไร
เหล่านี้เราเรียกว่าสมมุติฐาน สมมุติเอาไว้ แล้วเราก็จะมีการปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอน
ไม่หยุดชะงัก ไม่ใช่เตรียมแผนหลักไว้แผนเดียว ไม่ได้ แผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุ
ต้องมีอีกหลายแผน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ทำลักษณะนี้ไว้ด้วย
4. ณ วันนี้ ประชาชนจากหลายประเทศทั่วโลก
ได้รู้จักประเทศไทยของเรามากยิ่งขึ้น ก็มีหลายประเด็นที่สำคัญจากการติดตามข่าวสาร
จากสื่อต่าง ๆ ของไทย และสื่อต่างชาติแทบทุกสำนัก รวมทั้งสื่อโซเชียล ที่ไร้พรมแดน
อันนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะทุกคนเป็นนักข่าวได้หมด วิพากษ์ วิจารณ์ ได้หมด
บางทีข้อมูลอาจจะไม่ครบ เพราะฉะนั้นต้องคิด ต้องเข้าใจ ว่าเรามีกฎหมายอย่างไร
มีวิธีการปฏิบัติอย่างไร เราได้มีการปรับเปลี่ยนแผนได้แค่ไหน
ไม่ใช่ทำอย่างหนึ่งถูกใจ แต่สร้างอีกปัญหาหนึ่ง เกิดขึ้นมาภายหลัง ตามแก้กันอีก
เพราะฉะนั้นเราต้องมีแผนสำรองไว้ทั้งหมด ทั้งในเรื่องของการป้องกัน
แก้ไข แล้วก็ฟื้นฟู วันนี้เราก็จะได้ใช้ทั้ง 3 แผน ออกมาใช้กันที่วางไว้แล้ว
ต่างคน ต่างก็พยายามจะเสนอข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับบ้านเมืองของเรา
ในหลากหลายมุมมอง ไม่ใช่เฉพาะเพียงเรื่องถ้ำนี้ หรือมาตรฐานการกู้ภัยของเรา
ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นกับเขาได้ว่า
วันหนึ่งถ้าเขาเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทย แล้วอาจจะประสบภัยธรรมชาติ
หรืออุบัติภัยต่างๆ ใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน ในเมือง ในป่าลึก ในถ้ำ ในน้ำตก
ในท้องทะเล หรือมุมใดก็ตามในแผ่นดินไทย ผืนน้ำไทย
เขาจะได้รับความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพในโอกาสแรกๆ โดยที่เราไม่ลดละความพยายาม
ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างประเทศก็ตาม ถ้าอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ทุกคนต้องปลอดภัย
เราก็ต้องดูแลเหมือนกัน เวลาเราไปบ้านเขา เขาต้องดูแลเหมือนที่เราดูแลคนของเขา
ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นเราก็อยากจะให้นำประสบการณ์การกู้ภัยในครั้งนี้
ไปทำต่อในหลายเรื่องด้วยกัน
สิ่งสำคัญที่สุด ผมเคยบอกไว้แล้วว่า เสน่ห์ของเมืองไทยอยู่ที่ไหน
เขาบอกว่า 1. คือธรรมชาติสวยงาม แต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตราย 2.
คืออาหารอร่อย ราคาถูก มีคุณภาพ 3. คือคนไทยน่ารัก
มีอัธยาศัยไมตรี อันดี ดูแล เป็นเจ้าบ้านที่ดี ทั้ง 3 อย่าง
เป็นลักษณะของคนไทยที่คนต่างประเทศชอบ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เสียไป เพราะฉะนั้น
อีกคำหนึ่งที่เขารู้จักกันมาก็คือเมืองไทยนั้นเป็นเมืองที่เรียกว่ามีแต่รอยยิ้ม
ที่เรียกว่า “สยามเมืองยิ้ม” นั้น คืออะไร เราจะต้องมองข้ามภาพลบ ภาพความขัดแย้งในอดีต
ภาพของการบังคับใช้กฎหมาย อย่ามาเกี่ยวข้องกัน
เพราะคนละอันกันหมด เพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกอัน
เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ในประเทศไทยอย่างแท้จริง
อย่างที่เขานิยมมาเที่ยวไทย เสน่ห์ของอาหารและผลไม้ไทย
การบริการ รวมไปถึงโบราณสถาน ที่ได้รับการดูแล
แล้วก็เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยต่างๆ วันนี้ก็ผ่านสื่อหลายประเภท
ประเทศไทยในมุมมองของโลก อะไรที่ไม่ดี ก็ต้องแก้ไขโดยเร็ว
จะได้ไม่เป็นเรื่องที่ถ่วงสิ่งดีๆ ของเรา
แล้วเราก็จะได้เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่มาจากต่างประเทศ
ให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง ประสบการณ์ที่ดีๆ แล้วในครั้งนี้
สิ่งที่เราต้องยึดในจิตใจเสมอคือพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับ “จิตอาสา” ชาวต่างประเทศ ที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้
ให้ดูแลเปรียบเสมือนอาคันตุกะของพระองค์ ซึ่งรัฐบาลก็ให้การต้อนรับดูแล
โดยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยว และกระทรวงมหาดไทย
ในขณะนี้ได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนก็อาจจะติดภารกิจต้องรีบกลับ
แต่ส่วนหนึ่งก็จะอยู่ต่อ เราก็ติดตามดูแลเขา จนกว่าจะจบสิ้นภารกิจ
ในฐานะเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้สมกับที่มีน้ำใจ เสี่ยงอันตรายมาช่วยเรา จนกว่าจะเดินทางกลับประเทศ
5. คือผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บันทึกเป็น “แผนบทเรียน” หรือแผนการฝึก ในส่วนของที่เป็นพลเรือน
ตำรวจ ทหาร เพราะอันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องฝึกในยามที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ไปด้วย
กระทรวงมหาดไทยในบทบาทของการแก้ไขบรรเทาภัยพิบัติ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
และในบทบาทของการเป็นศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติของรัฐบาล
ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งในขณะที่สถานการณ์อยู่ในระดับหนึ่ง
ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับผิดชอบ
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ขอให้เป็นกรณีศึกษาของไทย แล้วจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า
จะต้องประสานกันทั้งหมด พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน ภาคเอกชนต่างๆ อาจจะเรียกง่ายๆ
ได้ว่า “แผนประชารัฐ” เอาไปใช้ได้ทุกอย่าง
แล้วก็แก้ไขข้อบกพร่องในครั้งนี้ ไม่ให้เกิดซ้ำอีก ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น
แต่ถ้าเกิดขึ้นจะต้องไม่มีปัญหาอีกในครั้งต่อไป ต้องสมบูรณ์ที่สุด การวางแผน
การจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยต่างๆ ป้ายต่างๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยว
การสำรวจถ้ำที่น่าสนใจเหล่านี้ ต้องเร่งสำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ำนี้
ก็จะเป็นถ้ำที่ได้รับความสนใจจากคนทั้งโลก เพราะฉะนั้นก็อาจจะชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัย
เราต้องสำรวจ ตรงไหนที่ไปได้ ตรงไหนไปไม่ได้ ต้องมีมาตรการป้องกันด้วย
บางครั้งเราไม่ค่อยให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้
อันนี้ผมถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานในพื้นที่
เราต้องมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ในการกู้ภัยและช่วยชีวิต ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบดิจิตอล
ในเรื่องของการติดต่อสื่อสาร ในเรื่องของการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ที่มีอะไรอยู่บ้าง และก็ลดให้น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย
ซึ่งแต่ละหน่วยงานของเราต้องมี
การจัดทำบัญชีเครื่องไม้เครื่องมือเหล่านั้นว่าจะเป็นของเอกชนรายใดที่บริจาคมา
หรือที่จะนำมาร่วมมือช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น ต้องขึ้นบัญชีไว้หมด
เพราะบางทีส่วนราชการเครื่องมือไม่พอ ไม่พอก็มาเสริม
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าหน่วยราชการไม่มีอาจจะไม่พอในบางอย่าง
เอกชนมีมากก็เอามาสมทบ มาช่วยกัน แล้วก็มีการบริจาคเพิ่มเติม
วันนี้ก็ได้ให้รวบรวมสิ่งของบริจาคทั้งหมด ขึ้นบัญชีให้เรียบร้อย
ในการที่จะสามารถนำมาใช้ในโอกาสต่อไปได้ ก็ขอความร่วมมือจากทุกคนด้วย
เรามีการสำรวจเครื่องไม้เครื่องมือที่เราไปทำงานในขณะนี้มีหลายอย่าง
ไม่ว่าจะระบบไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟ เครื่องสูบน้ำ เครื่องเจาะ เครื่องขุด
อะไรต่างๆมากมายไปหมด ต้องขึ้นบัญชี ตรวจสอบสภาพ แล้วหากมีชำรุดก็รีบซ่อม
เร่งซ่อมและนำเก็บรักษา เพื่อจะได้ใช้ได้ทันท่วงที ไม่ใช่จะหยิบมาใช้ก็เสีย ก็พัง
ต้องระมัดระวังในการใช้สิ่งของเหล่านี้ บางทีบอบบาง โยนโครมๆ ไม่ได้ พังหมด ช่วยกันประหยัดงบประมาณภาครัฐด้วย
ทั้งนี้ ทั้งหมดที่เราทำวันนี้ก็เพื่อเป็นการสนองตอบพระกระแสทรงรับสั่งว่า
เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ ตระหนักถึงความเป็นมาเป็นไป แล้วก็นำบทเรียนนี้
ไปใช้ในการวางแผน ระบบแจ้งเตือนภัยต่างๆ และเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ
อย่างที่ผมบอกแล้วว่าต้องมีการทำแผนเผชิญเหตุ วิธีป้องกัน และแก้ปัญหา
เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานความห่วงใย
มาเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้นะครับ แต่เราในฐานะที่เป็นรัฐบาล
หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชน ก็ต้องเป็นเรื่องที่พวกเราต้องดำเนินการให้ได้
เพราะเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนอยู่แล้วนะครับในลักษณะของการทำงานแบบประชารัฐ
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวนอุทยาน “ถ้ำหลวง
ขุนน้ำนางนอน” แห่งนี้ ผมเห็นว่าได้ถูกสำรวจ แทบทุกมุมมอง
ทั้งภายนอก-ภายใน และรับรู้อันตรายต่างๆที่เกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นขอให้เตรียมการให้พร้อม วันหน้าอาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย
และของโลกด้วย มีภาพถ่ายทางอากาศภาพถ่ายดาวเทียม และการเดินสำรวจ การดำน้ำสำรวจ
ข้อมูลต่างๆเหล่านี้น่าสนใจ นำมากำหนดมาตรการต่างๆ
ให้เกิดความเหมาะสม ไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก อย่างน้อยเราก็จะต้องมีบันทึกเรื่องราวต่างๆ
ไว้ให้ได้ศึกษา ที่เรียกว่า ห้องสมุดธรรมชาติที่ดีที่สุดนะครับ ที่มีชีวิต
ของประเทศ อันที่จริงแล้ว สถานการณ์ครั้งนี้ เราทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน
รัฐบาลด้วย ข้าราชการด้วย ภาคประชาสังคม ธุรกิจ เอกชน ประชาชน เกษตรกรในพื้นที่
หลายอาชีพ ทุกคนก็มีส่วนร่วมทั้งหมด และทุกคนก็ได้ประสบการณ์อันมีค่าไปแล้ว
เป็นประโยชน์อย่างมาก เรามาพูดคุยกันต่อ ว่าจะทำยังไง
เช่นในเรื่องของความแข็งแรงของร่างกายผู้ประสบภัย ทั้ง 13 ชีวิต
อันนี้ เราโชคดีที่เค้าเป็นนักกีฬาฟุตบอล ถ้าเป็นเด็กอื่นอาจ
ความอดทนอาจจะจำกัดกว่านี้ เพราะฉะนั้นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ทนทานต่อการอดอาหาร
และสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มาเป็นระยะเวลายาวนานนั้น ก็ต้องไปดูว่าเราจะทำอย่างไร
ต้องเตรียมการ ต่างประเทศเวลาเขาจัดรายการแข่งขันออกกำลังกายที่หนักๆ
เขามีการเตรียมร่างกายเป็นปีๆ เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้เขามีความพร้อม
แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมาเที่ยวและมีร่างกายแข็งแรงทั้งหมดเป็นไปไม่ได้
เราต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือไว้ให้พร้อมแล้วภาษาอังกฤษที่มีความสำคัญ พยายามพูด
พยายามฝึกบ้าง ผมรู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่ถ้าเราพยายามก็น่าจะได้อย่างน้อยก็ดีขึ้นกว่าเดิม
สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ครั้งนี้ก็จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ
ติดต่อกับนักดำน้ำได้ด้วย ก็ชื่นชม แม้กระทั่งเด็กผู้ประสบภัยเอง
ก็ได้ใช้ประโยชน์ทางภาษาในห้วงเวลาวิกฤตนี้ คิดดูแล้วกัน ถ้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
จะทำยังไง ก็ต้องเสียเวลาไปอีกนานพอสมควร กว่าจะรู้กันว่าต้องทำอะไรกัน
ก็เข้าไปพร้อมกัน ทั้งนักดำน้ำต่างชาติ และทั้งนักดำน้ำของซิล ก็เข้าไปพร้อมกัน
อยู่ในขบวนเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมเยาวชนของชาติให้มีความพร้อมด้วย
สำหรับจิตอาสาแม้ว่าจะไม่ได้มีบทบาทหลักในการกู้ภัย
แต่การหยิบยื่นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ช่วยเหลือ มีจิตสาธารณะหลายคน ที่เห็นเจ้าหน้าที่เขามีความพอใจ
คือที่มาช่วยซักผ้าเจ้าหน้าที่ มีการบริจาคสิ่งของ อาหาร ดูแล
สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น ให้การบริการอาหาร
เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ช่วยหยิบจับ
ช่วยขนของ อีกมากมาย
ผมอาจจะกล่าวได้ไม่ครบก็ล้วนแต่เป็นการปิดทองหลังพระทั้งสิ้น
สิ่งเหล่านี้ จะเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย
และทำให้ภารกิจหลักๆ ประสบความสำเร็จด้วยดีด้วยความเสียสละ
อันเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ และน่ายกย่อง ความเสียสละพื้นที่นาให้เป็นแก้มลิง
รองรับน้ำที่ระบายออกจากถ้ำ รัฐบาลจะเข้าไปดูแล ตอนนี้ก็เข้าไปสำรวจแล้ว
เห็นออกข่าวมาจากประชาชนก็ขอบคุณ เกษตรกรยินดีเต็มใจ เขาบอกน้ำมาข้าวตาย
ข้าวตายก็ปลูกใหม่ได้ แต่ถ้าเด็กเป็นอะไรไปมันไม่คุ้มค่ากัน
เพราะฉะนั้นเขาภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วม รัฐบาลก็ต้องดูแลทุกอย่าง
ไม่ใช่ทำคนใดคนหนึ่งจะสำเร็จ พระเอกคนเดียวทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเป็นการบูรณาการทุกหน่วยงาน
สำหรับทีมนักประดาน้ำจากหลายประเทศ ทีมปีนเขาสูงเก็บรังนก
จากเกาะลิบง ทีมขุดเจาะน้ำบาดาลจากโคราช ทีมเครื่องสูบน้ำหัวพญานาค จากนครปฐม
ผมกล่าวได้ไม่หมดเพราะมีมากมายไปหมด ขอชื่นชม วัดทุกวัด พระ ศาสนาทุกศาสนา
ผู้นำในประเทศไทย ได้มีการสวดมนต์ กล่าวคำอวยพร แล้วรวมความไปถึงการนั่งสมาธิ
ประเทศไทยเราต้องเชื่อมั่น ยึดมั่น เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว
ก็ขอให้ยึดถือเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครู
นักเรียน ทุกโรงเรียน ที่ส่งกำลังใจไปช่วย ผมกล่าวได้ไม่หมด
ใครกล่าวไม่ครบก็ขอโทษด้วย ขอขอบคุณด้วยใจจริงๆ ของนายกรัฐมนตรี และขอบคุณแทนทั้ง 13
คน กับครอบครัวด้วย
พี่น้องประชาชนที่รักครับ
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตรงกับวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี ผมขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ร่วมถวายพระพรชัยมงคล แด่ “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์” ของปวงชนชาวไทย
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ นอกจากนี้พระองค์จะทรงมีผลงานดีเด่นระดับโลก
ในสาขาสารเคมีก่อมะเร็ง และพิษวิทยาสิ่งแวดล้อมแล้ว พระองค์ยังทรงได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ซึ่งล่าสุดประสบความสำเร็จ
ในการพัฒนายาชีววัตถุ ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง เป็นนวัตกรรม “ชิ้นแรก”
ที่ดำเนินการโดยนักวิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง
โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อ หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดมีโอกาสได้รับการรักษา โดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง อีกทั้งช่วยให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านยาชีววัตถุได้
และช่วยสร้างความมั่นคงทางยา รวมทั้งลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ
อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ จากความสำเร็จดังกล่าว สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
พร้อมที่จะขยายปริมาณการผลิตไปสู่ระดับอุตสาหกรรม
โดยจะร่วมมือกับโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีต่อไปซึ่งนับว่าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20
ปี ของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทย
สามารถสร้างผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจของชาติพัฒนาอย่างมั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน อีกทั้ง จะเป็นการพัฒนาศักยภาพ และกำลังคนของประเทศ
ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ
มีอีกเรื่องที่น่าชื่นชมและถือเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทยและพี่น้องชาวไทย
ในเรื่องการยกระดับการให้บริการทางสุขภาพของเราในอนาคต สำนักงานสาธารณสุข
จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับ “รางวัลชนะเลิศ” จากการมอบรางวัล United Nations Public Service Awards ประจำปี 2561 ในสาขาการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ
ในการให้บริการสาธารณะ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากผลงานเรื่อง “การป้องกันและควบคุมมะเร็งปากมดลูกแบบบูรณาการ” โดยไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศ
ที่ได้รับรางวัลดังกล่าวในปีนี้ จากทั้งหมด 437 ผลงาน 79
ประเทศ โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะนำมาใช้ใน
“การปฏิรูปด้านสุขภาพ” ของประเทศ เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่าย ในลักษณะ “ประชารัฐ” และเป็นตัวอย่างที่ดีในการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนงานต่อไปด้วย
สำหรับอีกเรื่องหนึ่ง สถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทย หรือ TIP
Report ปีนี้ ที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เกิดต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว
ตั้งแต่รัฐบาลและ คสช. เข้ามาใช้เวลาหลายปี คิดว่าเกือบ 4 ปีได้
จาก TIER 3 แล้วกลับมาเป็น TIER 2
Watch List แล้วกลับมาเป็น TIER 2 ในที่สุด ในปีนี้ เราทำได้สำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้ว
เพราะฉะนั้นขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกฝ่าย ทั้งรัฐ
ข้าราชการ ภาคเอกชน นักธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คือผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่
ช่วยกันสร้างชาติ พัฒนาประเทศของเราใช้ “กลไกประชารัฐ”
ไปสู่ความสำเร็จในทุกเรื่อง ทำให้ดีด้วย ไม่ว่าจะ TIER ไม่ว่าจะ IUU ICAO
อะไรทำดีแล้ว ก็ทำต่อไป อะไรที่ยังแย่อยู่ก็ทำให้มากยิ่งขึ้น
อันนี้จะเป็นการประเมินผลงานของข้าราชการทุกคนในทุกมิติ ในระดับผู้บังคับบัญชา
ทุกคนต้องได้รับการตรวจสอบการประเมินตน ทุกคนต้องทำให้ได้ดีทุกหน้าที่
เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาเขา มีผู้บังคับบัญชาอยู่เป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้นต้องทำงานร่วมกันให้ได้
ขอบคุณครับ ขอให้ “ทุกคน” รักษาสุขภาพ และ “ทุกครอบครัว”
มีความสุข สวัสดีครับ
ที่มา; เว็บรัฐบาลไทย
ศาสตร์พระราชา
สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561 เวลา 20.15
น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
ด้วยพระเมตตาธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสังฆราช และด้วยพระบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยอำนวยพร คุ้มครองภัยต่างๆ ให้เด็กและโค้ชทีมฟุตบอล “หมูป่า อะคาเดมี แม่สาย” ทั้ง 13 คน ที่พลัดหลงในถ้ำหลวง จ.เชียงรายนะครับ ได้อยู่รอดปลอดภัย มีสวัสดิภาพทุกคน จวบจนถึงวินาที ที่ชุดดำน้ำกู้ภัยได้เข้าไปพบ อีกทั้งด้วยกำลังใจ พลังแห่งความรัก ความศรัทธาและการสวดมนต์ภาวนาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากพี่น้องชาวไทยทุกช่วงวัย ทุกศาสนาและจากเพื่อนร่วมโลก ช่วยกันเป็นแรงผลักดัน เกื้อหนุนให้การปฏิบัติ “ภารกิจค้นหาผู้ประสบภัย” ครั้งนี้ ประสบความสำเร็จได้ ในเบื้องต้น โดยยังคงเหลือขั้นตอนในเรื่องของการเคลื่อนย้ายออกจากถ้ำให้ปลอดภัย อีกทั้งให้มีการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ซึ่งเรายังต้องดำเนินการร่วมกันอย่างรอบคอบต่อไป
ทุกวิกฤต ย่อมแฝงไว้ด้วยโอกาสเสมอ หากเรามองด้วย “สายตาที่สร้างสรรค์” อย่างน้อย ก็จะเป็นการแสดงให้ชาวโลกได้เห็นถึง “พลังแห่งความรู้ รัก สามัคคี” ของชนชาติไทยของเรา ที่มีอยู่ในสายเลือด ทุกยุค ทุกสมัย ทุกคราที่ชาวไทยร่วมแรง ร่วมใจกัน เราก็จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรค และผ่านห้วงเวลาแห่งความยากลำบากไปด้วยกันได้เสมอ ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งนะครับ แม้จะไม่ได้สร้างความเสียหายในวงกว้าง แต่ความทุกข์ร้อนใจก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียง “13 ครอบครัว” เท่านั้น เนื่องจากว่าถ้าเราทุกคน “เอาใจเขา มาใส่ใจเรา” แล้ว ก็ลองตรึกตรองให้ดีว่า ถ้า “13 ชีวิตในถ้ำ” นั้น คือ ลูกหลาน – ญาติ พี่น้องของเราที่กำลัง “ประสบภัยจากธรรมชาติ” ถูกกักอยู่ในความมืด มีทุกข์กาย ทุกข์ใจ อย่างแสนสาหัสในชีวิต แล้วก็เฝ้ารอคอยความช่วยเหลือจากภายนอกด้วยความหวัง ที่จะได้กลับสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ ในเร็ววัน ผมคิดว่า เราทุกคนก็คงจะมีความรู้สึกทุกข์ร้อนใจไม่ต่างกัน เราถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันคนไทยทั้งประเทศ
ดังนั้นการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้ จึงเป็นไปตาม “หลักเมตตาธรรม” และ “หลักมนุษยธรรม” โดยทั่วไป ผมอยากจะวิงวอนให้ทุกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้ตระหนักและอยู่บนหลักพื้นฐานดังกล่าวด้วย เมื่อเขาออกมาได้ เขาคงมีแต่เพียงคำพูด “ขอบคุณ” คนไทยทั้งประเทศ แล้วเขาก็สามารถแสดงออกได้ ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อเติบใหญ่ขึ้นมาเป็น “พลังดีๆ” สำหรับรับใช้สังคม และพัฒนาประเทศชาติต่อไปนะครับ ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ให้กับรุ่นน้อง รุ่นหลังต่อไปในอนาคต
สำหรับสิ่งที่ผมเรียกว่าโอกาสนั้น คือผมอยากจะชวนให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้ คิดตาม ถึงประโยชน์ที่เราทุกคนและประเทศชาติจะได้รับจากการมองโลกในแง่ดี หรือที่เรียกว่า คิดบวก กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ อาทิ
1. ถ้าเราใฝ่รู้และเฝ้าติดตามข่าวสารจากสื่อทุกแขนงอย่างต่อเนื่องแล้ว เราก็จะได้รับความรู้ในหลากหลายแง่มุมนำมาประมวลเกิดแนวความคิด ก็เหมือนกับการทำงานวิจัย หากหาความรู้เพิ่มเติม แล้วก็เป็นบทเรียนจากประสบการณ์ของผู้อื่น เช่น การเอาชีวิตรอดในถ้ำเป็นเวลานานๆ หรือในพื้นที่ที่ไม่สามารถที่จะพึ่งพาจากภายนอกได้ คงไม่เฉพาะเรื่องถ้ำอย่างเดียว อาจจะมีหลงป่าบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งก็เกิดมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เขาทำคือว่า การหาน้ำบริสุทธิ์มากินแทนอาหาร เพราะเราขาดน้ำนานไม่ได้ การรักษาสมดุลของร่างกายไม่ให้ป่วยไข้จะทำอย่างไร ในสถานที่อับชื้นและมีอากาศเย็น การทำสมาธิเพื่อลดความหวาดกลัวและครองสติให้มั่นคง ไปจนถึงการทำความรู้จักกับถ้ำ ป่าเขา ตาน้ำ น้ำบาดาล และฤดูกาล เพื่อสามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้ อย่างไม่เป็นอุปสรรคต่อกัน และข้อสำคัญต้องศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ที่มีพิษ ไม่มีพิษต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ป่าเขา หรือถ้ำอะไรก็แล้วแต่ ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว ผมขอชื่นชม พี่น้องสื่อมวลชน ที่พยายามจะนำเสนอแง่มุมที่เป็นสาระประโยชน์ต่อสังคม ควบคู่ไปกับการรายงานสถานการณ์ และเป็นการรวบรวมกำลังใจ ส่งไปยัง “13 ครอบครัว” ของผู้ประสบภัย และเจ้าหน้าที่ทุกคนมาอย่างต่อเนื่อง
2. เรื่องการทำงานร่วมกันอย่างมีระเบียบ แบบแผน และการเคารพกติกา การปฏิบัติการครั้งนี้ ผมถือว่าเป็นการบูรณาการกันในรูปแบบ “ประชารัฐ” ด้วยความร่วมมือกันของภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาชน รวมทั้ง “จิตอาสา” ที่อาจจะเรียกได้ว่าไร้ขอบเขต ข้อจำกัด ทุกคนก็ทุ่มเท และลงมาอยากจะช่วย แล้วก็มีการขยายวงกว้างจากชาวแม่สาย ชาวเชียงราย ไปชาวไทยทั้งประเทศ แล้วไปสู่ชาวโลก ได้เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งในรูปแบบของบุคคลและองค์กร รวมแล้วกว่า 50 หน่วยงาน เป็นจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องหลายพันคน ที่ทำงานประสานสอดคล้องกันภายใต้ “ศูนย์อำนวยการร่วม” ซึ่งผมได้ตกลงใจมอบหมายให้ “ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย” ในขณะนั้น ทำหน้าที่ ผู้บัญชาการเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องจนถึง ณ เวลานี้ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ ในการสั่งการ ตัดสินใจ และกำกับดูแลการทำงานในภาพรวมอย่างใกล้ชิด ให้การป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปตามแผนการปฏิบัติ ข้อห้าม ข้อบังคับที่กำหนด ซึ่งเกิดจากการหารือกันทุกฝ่ายอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งในระดับรัฐบาลแล้วก็ทุกกระทรวง ก็ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ อาจจะด้วยลักษณะ “ความเป็นผู้นำ” ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเอง ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยให้การทำงานที่เราต้องเอาชนะธรรมชาติ แข่งกับเวลา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นที่ชื่นชมของทุกฝ่าย ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดต้องพึงมี แต่ทั้งนี้ งานก็คงไม่ใช่มีเรื่องนี้เรื่องเดียว ยังมีอีกหลายงานที่จะต้องรับผิดชอบ เคยเรียนไปแล้วว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องทำหน้าที่เหมือนนายกฯ ของจังหวัด ต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ส่วนราชการให้ได้ เพราะผลงานปรากฏออกมาในพื้นทีของตัวเอง ทุกหน่วยงานก็ต้องร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
ทั้งนี้เราต้องจัดระเบียบการทำงานให้ครบกระบวนการตั้งแต่แรก ตั้งแต่ระดับนโยบาย รัฐบาล กระทรวง มหาดไทย และทุกกระทรวง ในการที่จะให้กรม หรือหน่วยงานปฏิบัติเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อจะจัดระบบ ติดตามสถานการณ์ และการบูรณาการกัน ตามแนวทางประชารัฐ เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วม แล้วก็มีฝ่ายต่างๆ มาทำงานจากหลายส่วน ถ้าเราจัดโครงสร้างตรงนี้ไม่ได้ตั้งแต่แรก ก็จะวุ่นวายสับสนไปหมด ส่วนอะไรเป็นส่วนปฏิบัติ ส่วนอะไรเป็นส่วนสนับสนุน ส่วนอะไรเป็นเรื่องของธุรการ ส่วนใดเป็นเรื่องของข่าวประชาสัมพันธ์เหล่านี้ต้องจัดรูปแบบให้ดี แล้วก็จัดสายการบังคับบัญชา ให้ชัดเจน ทุกคนก็อยู่ในกรอบในกฎระเบียบอันนี้ เพราะว่าอยู่ในแผนป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยอยู่แล้ว กรมป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยรับผิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ ในนามของรัฐบาล
3. ผมเชื่อมั่นว่าวันนี้ คนไทยได้เรียนรู้ว่าการทำงานใดๆ ก็ตาม จะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ที่เรียกว่า แผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุ เราต้องศึกษาปัจจัยสภาวะแวดล้อมทั้งปวงที่อาจจะส่งผลกระทบ เช่น น้ำฝน น้ำบาดาล ต้นน้ำจากป่าเขา จะส่งผลอย่างไรบ้าง ต่อปริมาณน้ำในถ้ำ นอกถ้ำ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการช่วยชีวิต แล้วเราจะต้องคิดถึงแผนเผชิญเหตุ กรณีอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ที่เราต้องป้องกัน และเตรียมการแก้ไข อย่างไม่ประมาท ไม่ให้เกิดเสียหายแล้วค่อยไปล้อมคอกทีหลัง เหมือน “วัวหายแล้วล้อมคอก” แก้ไขไม่ทัน เพราะอันนี้เป็นเรื่องของชีวิตต่อชีวิต การคิดการเตรียมการต่างๆ ก็ทำให้ครบวงจร เตรียมการล่วงหน้า
วันนี้ก็เรื่องถ้ำ เรื่องน้ำเรื่องดำน้ำ อะไรต่างๆ ก็ต้องมีทีมค้นหาผู้ประสบภัยที่มีประสบการณ์ร่วมไปด้วยนะครับ อย่างเช่น ทีมนักดำน้ำต่างประเทศ หน่วยซิล ซึ่งมีความเข้มแข็ง เป็นหน้าที่ที่ต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ไม่ใช่ใครเป็นพระเอก คงไม่ได้ สำคัญที่สุดคือทุกอย่างต้องมีคนนำ คนตาม คนสนับสนุนต่างๆ ต้องไปพร้อมกันหมด แต่ต้องคัดแยกคนให้ดี การดำน้ำ “ขาเข้า” เพื่อค้นหาผู้ประสบภัย ก็ต้องมีการเตรียมอาหาร เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ ปฏิบัติงาน โดยคำนวณให้เพียงพอจนกระทั่งการเคลื่อนย้าย “ขาออก” ด้วย อย่างที่เห็นแล้ว วางเครื่องมือการสื่อสาร วางถังดำน้ำ วางอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เหล่านี้ เพราะเข้าที ออกที ไม่ใช่เวลาสั้นๆ ไปก็ก็นำอุปกรณ์ไปด้วย เท่าที่สามารถนำไปได้ ถึงตรงไหนก็ตั้งตรงนั้น พอไปได้ต่อก็ไปตั้งต่อ เรียกว่าเป็นการต่อระยะหน้าออกไป
ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีการซักซ้อมการปฏิบัติ ทั้งจากแผนผังสังเขปที่ได้ร่างไว้เป็นแผนที่เดียวกัน ซักซ้อมภายนอกพื้นที่ใกล้เคียง แล้วค่อยเข้าไป เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตน การสั่งการ การบังคับบัญชา แผนการปฏิบัติเมื่อพบอะไรก็แล้วแต่การรายงาน การติดต่อสื่อสารจะทำได้อย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนสามารถที่จะสอดประสานการทำงานได้โดยอัตโนมัติ ตามภาระหน้าที่ของตนเอง ตามประสบการณ์ ความชำนาญของตัวเอง เมื่อเราซ้อมกันดี ถึงเวลาปฏิบัติจริงก็ไม่มีปัญหา อันนี้ก็นำมาประยุกต์ใช้ได้ในสถานการณ์อื่นอีกด้วย อันนี้เป็นหลักการการทำงาน แม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน ทุกสาขาวิชาชีพ
รัฐบาลและ คสช. ก็พยายามจะนำเสนอกับพี่น้องประชาชนว่า เราจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ - แผนปฏิรูปประเทศ และแผนปฏิบัติต่างๆ ซึ่งเราได้กำหนดไว้แล้วว่ามีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ มีการมองไปสู่อนาคต และการกำหนดแนวทางการดำเนินงานล่วงหน้า อย่างเป็นขั้นเป็นตอน สามารถปรับเปลี่ยนได้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายใน ภายนอก ปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปเราต้องมีการเตรียมมาตรการลดความเสี่ยงในอนาคตไว้ด้วย หรือเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดโดยไม่คาดคิดเราต้องมีสมมุติฐาน ตั้งไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดอย่างงี้เราจะทำยังไง ถ้าเกิดเรื่องนี้เราทำยังไง เราแก้ปัญหาอย่างไร แล้วถ้าปรับไปแล้วเกิดปัญหาอย่างอื่นซ้อนเข้ามาอีก จะทำอย่างไร เหล่านี้เราเรียกว่าสมมุติฐาน สมมุติเอาไว้ แล้วเราก็จะมีการปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอน ไม่หยุดชะงัก ไม่ใช่เตรียมแผนหลักไว้แผนเดียว ไม่ได้ แผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุ ต้องมีอีกหลายแผน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ทำลักษณะนี้ไว้ด้วย
4. ณ วันนี้ ประชาชนจากหลายประเทศทั่วโลก ได้รู้จักประเทศไทยของเรามากยิ่งขึ้น ก็มีหลายประเด็นที่สำคัญจากการติดตามข่าวสาร จากสื่อต่าง ๆ ของไทย และสื่อต่างชาติแทบทุกสำนัก รวมทั้งสื่อโซเชียล ที่ไร้พรมแดน อันนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะทุกคนเป็นนักข่าวได้หมด วิพากษ์ วิจารณ์ ได้หมด บางทีข้อมูลอาจจะไม่ครบ เพราะฉะนั้นต้องคิด ต้องเข้าใจ ว่าเรามีกฎหมายอย่างไร มีวิธีการปฏิบัติอย่างไร เราได้มีการปรับเปลี่ยนแผนได้แค่ไหน ไม่ใช่ทำอย่างหนึ่งถูกใจ แต่สร้างอีกปัญหาหนึ่ง เกิดขึ้นมาภายหลัง ตามแก้กันอีก
เพราะฉะนั้นเราต้องมีแผนสำรองไว้ทั้งหมด ทั้งในเรื่องของการป้องกัน แก้ไข แล้วก็ฟื้นฟู วันนี้เราก็จะได้ใช้ทั้ง 3 แผน ออกมาใช้กันที่วางไว้แล้ว ต่างคน ต่างก็พยายามจะเสนอข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับบ้านเมืองของเรา ในหลากหลายมุมมอง ไม่ใช่เฉพาะเพียงเรื่องถ้ำนี้ หรือมาตรฐานการกู้ภัยของเรา ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นกับเขาได้ว่า วันหนึ่งถ้าเขาเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทย แล้วอาจจะประสบภัยธรรมชาติ หรืออุบัติภัยต่างๆ ใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน ในเมือง ในป่าลึก ในถ้ำ ในน้ำตก ในท้องทะเล หรือมุมใดก็ตามในแผ่นดินไทย ผืนน้ำไทย เขาจะได้รับความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพในโอกาสแรกๆ โดยที่เราไม่ลดละความพยายาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างประเทศก็ตาม ถ้าอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ทุกคนต้องปลอดภัย เราก็ต้องดูแลเหมือนกัน เวลาเราไปบ้านเขา เขาต้องดูแลเหมือนที่เราดูแลคนของเขา ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราก็อยากจะให้นำประสบการณ์การกู้ภัยในครั้งนี้ ไปทำต่อในหลายเรื่องด้วยกัน
สิ่งสำคัญที่สุด ผมเคยบอกไว้แล้วว่า เสน่ห์ของเมืองไทยอยู่ที่ไหน เขาบอกว่า 1. คือธรรมชาติสวยงาม แต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตราย 2. คืออาหารอร่อย ราคาถูก มีคุณภาพ 3. คือคนไทยน่ารัก มีอัธยาศัยไมตรี อันดี ดูแล เป็นเจ้าบ้านที่ดี ทั้ง 3 อย่าง เป็นลักษณะของคนไทยที่คนต่างประเทศชอบ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เสียไป เพราะฉะนั้น อีกคำหนึ่งที่เขารู้จักกันมาก็คือเมืองไทยนั้นเป็นเมืองที่เรียกว่ามีแต่รอยยิ้ม ที่เรียกว่า “สยามเมืองยิ้ม” นั้น คืออะไร เราจะต้องมองข้ามภาพลบ ภาพความขัดแย้งในอดีต ภาพของการบังคับใช้กฎหมาย อย่ามาเกี่ยวข้องกัน เพราะคนละอันกันหมด เพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกอัน เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ในประเทศไทยอย่างแท้จริง อย่างที่เขานิยมมาเที่ยวไทย เสน่ห์ของอาหารและผลไม้ไทย การบริการ รวมไปถึงโบราณสถาน ที่ได้รับการดูแล แล้วก็เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยต่างๆ วันนี้ก็ผ่านสื่อหลายประเภท ประเทศไทยในมุมมองของโลก อะไรที่ไม่ดี ก็ต้องแก้ไขโดยเร็ว จะได้ไม่เป็นเรื่องที่ถ่วงสิ่งดีๆ ของเรา แล้วเราก็จะได้เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่มาจากต่างประเทศ ให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง ประสบการณ์ที่ดีๆ แล้วในครั้งนี้ สิ่งที่เราต้องยึดในจิตใจเสมอคือพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับ “จิตอาสา” ชาวต่างประเทศ ที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ให้ดูแลเปรียบเสมือนอาคันตุกะของพระองค์ ซึ่งรัฐบาลก็ให้การต้อนรับดูแล โดยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยว และกระทรวงมหาดไทย ในขณะนี้ได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนก็อาจจะติดภารกิจต้องรีบกลับ แต่ส่วนหนึ่งก็จะอยู่ต่อ เราก็ติดตามดูแลเขา จนกว่าจะจบสิ้นภารกิจ ในฐานะเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้สมกับที่มีน้ำใจ เสี่ยงอันตรายมาช่วยเรา จนกว่าจะเดินทางกลับประเทศ
5. คือผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บันทึกเป็น “แผนบทเรียน” หรือแผนการฝึก ในส่วนของที่เป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพราะอันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องฝึกในยามที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ไปด้วย กระทรวงมหาดไทยในบทบาทของการแก้ไขบรรเทาภัยพิบัติ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และในบทบาทของการเป็นศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติของรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งในขณะที่สถานการณ์อยู่ในระดับหนึ่ง ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับผิดชอบ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ขอให้เป็นกรณีศึกษาของไทย แล้วจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า จะต้องประสานกันทั้งหมด พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน ภาคเอกชนต่างๆ อาจจะเรียกง่ายๆ ได้ว่า “แผนประชารัฐ” เอาไปใช้ได้ทุกอย่าง แล้วก็แก้ไขข้อบกพร่องในครั้งนี้ ไม่ให้เกิดซ้ำอีก ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่ถ้าเกิดขึ้นจะต้องไม่มีปัญหาอีกในครั้งต่อไป ต้องสมบูรณ์ที่สุด การวางแผน การจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยต่างๆ ป้ายต่างๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยว การสำรวจถ้ำที่น่าสนใจเหล่านี้ ต้องเร่งสำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ำนี้ ก็จะเป็นถ้ำที่ได้รับความสนใจจากคนทั้งโลก เพราะฉะนั้นก็อาจจะชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัย เราต้องสำรวจ ตรงไหนที่ไปได้ ตรงไหนไปไม่ได้ ต้องมีมาตรการป้องกันด้วย บางครั้งเราไม่ค่อยให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้ อันนี้ผมถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานในพื้นที่ เราต้องมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ในการกู้ภัยและช่วยชีวิต ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบดิจิตอล ในเรื่องของการติดต่อสื่อสาร ในเรื่องของการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอะไรอยู่บ้าง และก็ลดให้น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย ซึ่งแต่ละหน่วยงานของเราต้องมี การจัดทำบัญชีเครื่องไม้เครื่องมือเหล่านั้นว่าจะเป็นของเอกชนรายใดที่บริจาคมา หรือที่จะนำมาร่วมมือช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น ต้องขึ้นบัญชีไว้หมด เพราะบางทีส่วนราชการเครื่องมือไม่พอ ไม่พอก็มาเสริม
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าหน่วยราชการไม่มีอาจจะไม่พอในบางอย่าง เอกชนมีมากก็เอามาสมทบ มาช่วยกัน แล้วก็มีการบริจาคเพิ่มเติม วันนี้ก็ได้ให้รวบรวมสิ่งของบริจาคทั้งหมด ขึ้นบัญชีให้เรียบร้อย ในการที่จะสามารถนำมาใช้ในโอกาสต่อไปได้ ก็ขอความร่วมมือจากทุกคนด้วย เรามีการสำรวจเครื่องไม้เครื่องมือที่เราไปทำงานในขณะนี้มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะระบบไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟ เครื่องสูบน้ำ เครื่องเจาะ เครื่องขุด อะไรต่างๆมากมายไปหมด ต้องขึ้นบัญชี ตรวจสอบสภาพ แล้วหากมีชำรุดก็รีบซ่อม เร่งซ่อมและนำเก็บรักษา เพื่อจะได้ใช้ได้ทันท่วงที ไม่ใช่จะหยิบมาใช้ก็เสีย ก็พัง ต้องระมัดระวังในการใช้สิ่งของเหล่านี้ บางทีบอบบาง โยนโครมๆ ไม่ได้ พังหมด ช่วยกันประหยัดงบประมาณภาครัฐด้วย
ทั้งนี้ ทั้งหมดที่เราทำวันนี้ก็เพื่อเป็นการสนองตอบพระกระแสทรงรับสั่งว่า เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ ตระหนักถึงความเป็นมาเป็นไป แล้วก็นำบทเรียนนี้ ไปใช้ในการวางแผน ระบบแจ้งเตือนภัยต่างๆ และเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ อย่างที่ผมบอกแล้วว่าต้องมีการทำแผนเผชิญเหตุ วิธีป้องกัน และแก้ปัญหา เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานความห่วงใย มาเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้นะครับ แต่เราในฐานะที่เป็นรัฐบาล หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชน ก็ต้องเป็นเรื่องที่พวกเราต้องดำเนินการให้ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนอยู่แล้วนะครับในลักษณะของการทำงานแบบประชารัฐ
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวนอุทยาน “ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน” แห่งนี้ ผมเห็นว่าได้ถูกสำรวจ แทบทุกมุมมอง ทั้งภายนอก-ภายใน และรับรู้อันตรายต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นขอให้เตรียมการให้พร้อม วันหน้าอาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย และของโลกด้วย มีภาพถ่ายทางอากาศภาพถ่ายดาวเทียม และการเดินสำรวจ การดำน้ำสำรวจ ข้อมูลต่างๆเหล่านี้น่าสนใจ นำมากำหนดมาตรการต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสม ไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก อย่างน้อยเราก็จะต้องมีบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ให้ได้ศึกษา ที่เรียกว่า ห้องสมุดธรรมชาติที่ดีที่สุดนะครับ ที่มีชีวิต ของประเทศ อันที่จริงแล้ว สถานการณ์ครั้งนี้ เราทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน รัฐบาลด้วย ข้าราชการด้วย ภาคประชาสังคม ธุรกิจ เอกชน ประชาชน เกษตรกรในพื้นที่ หลายอาชีพ ทุกคนก็มีส่วนร่วมทั้งหมด และทุกคนก็ได้ประสบการณ์อันมีค่าไปแล้ว เป็นประโยชน์อย่างมาก เรามาพูดคุยกันต่อ ว่าจะทำยังไง เช่นในเรื่องของความแข็งแรงของร่างกายผู้ประสบภัย ทั้ง 13 ชีวิต อันนี้ เราโชคดีที่เค้าเป็นนักกีฬาฟุตบอล ถ้าเป็นเด็กอื่นอาจ ความอดทนอาจจะจำกัดกว่านี้ เพราะฉะนั้นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ทนทานต่อการอดอาหาร และสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มาเป็นระยะเวลายาวนานนั้น ก็ต้องไปดูว่าเราจะทำอย่างไร ต้องเตรียมการ ต่างประเทศเวลาเขาจัดรายการแข่งขันออกกำลังกายที่หนักๆ เขามีการเตรียมร่างกายเป็นปีๆ เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้เขามีความพร้อม แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมาเที่ยวและมีร่างกายแข็งแรงทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ เราต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือไว้ให้พร้อมแล้วภาษาอังกฤษที่มีความสำคัญ พยายามพูด พยายามฝึกบ้าง ผมรู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่ถ้าเราพยายามก็น่าจะได้อย่างน้อยก็ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ครั้งนี้ก็จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ ติดต่อกับนักดำน้ำได้ด้วย ก็ชื่นชม แม้กระทั่งเด็กผู้ประสบภัยเอง ก็ได้ใช้ประโยชน์ทางภาษาในห้วงเวลาวิกฤตนี้ คิดดูแล้วกัน ถ้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จะทำยังไง ก็ต้องเสียเวลาไปอีกนานพอสมควร กว่าจะรู้กันว่าต้องทำอะไรกัน ก็เข้าไปพร้อมกัน ทั้งนักดำน้ำต่างชาติ และทั้งนักดำน้ำของซิล ก็เข้าไปพร้อมกัน อยู่ในขบวนเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมเยาวชนของชาติให้มีความพร้อมด้วย
สำหรับจิตอาสาแม้ว่าจะไม่ได้มีบทบาทหลักในการกู้ภัย แต่การหยิบยื่นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ช่วยเหลือ มีจิตสาธารณะหลายคน ที่เห็นเจ้าหน้าที่เขามีความพอใจ คือที่มาช่วยซักผ้าเจ้าหน้าที่ มีการบริจาคสิ่งของ อาหาร ดูแล สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น ให้การบริการอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ช่วยหยิบจับ ช่วยขนของ อีกมากมาย ผมอาจจะกล่าวได้ไม่ครบก็ล้วนแต่เป็นการปิดทองหลังพระทั้งสิ้น
สิ่งเหล่านี้ จะเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย และทำให้ภารกิจหลักๆ ประสบความสำเร็จด้วยดีด้วยความเสียสละ อันเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ และน่ายกย่อง ความเสียสละพื้นที่นาให้เป็นแก้มลิง รองรับน้ำที่ระบายออกจากถ้ำ รัฐบาลจะเข้าไปดูแล ตอนนี้ก็เข้าไปสำรวจแล้ว เห็นออกข่าวมาจากประชาชนก็ขอบคุณ เกษตรกรยินดีเต็มใจ เขาบอกน้ำมาข้าวตาย ข้าวตายก็ปลูกใหม่ได้ แต่ถ้าเด็กเป็นอะไรไปมันไม่คุ้มค่ากัน เพราะฉะนั้นเขาภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วม รัฐบาลก็ต้องดูแลทุกอย่าง ไม่ใช่ทำคนใดคนหนึ่งจะสำเร็จ พระเอกคนเดียวทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเป็นการบูรณาการทุกหน่วยงาน
สำหรับทีมนักประดาน้ำจากหลายประเทศ ทีมปีนเขาสูงเก็บรังนก จากเกาะลิบง ทีมขุดเจาะน้ำบาดาลจากโคราช ทีมเครื่องสูบน้ำหัวพญานาค จากนครปฐม ผมกล่าวได้ไม่หมดเพราะมีมากมายไปหมด ขอชื่นชม วัดทุกวัด พระ ศาสนาทุกศาสนา ผู้นำในประเทศไทย ได้มีการสวดมนต์ กล่าวคำอวยพร แล้วรวมความไปถึงการนั่งสมาธิ ประเทศไทยเราต้องเชื่อมั่น ยึดมั่น เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ก็ขอให้ยึดถือเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครู นักเรียน ทุกโรงเรียน ที่ส่งกำลังใจไปช่วย ผมกล่าวได้ไม่หมด ใครกล่าวไม่ครบก็ขอโทษด้วย ขอขอบคุณด้วยใจจริงๆ ของนายกรัฐมนตรี และขอบคุณแทนทั้ง 13 คน กับครอบครัวด้วย
พี่น้องประชาชนที่รักครับ
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตรงกับวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ผมขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ร่วมถวายพระพรชัยมงคล แด่ “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์” ของปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ นอกจากนี้พระองค์จะทรงมีผลงานดีเด่นระดับโลก ในสาขาสารเคมีก่อมะเร็ง และพิษวิทยาสิ่งแวดล้อมแล้ว พระองค์ยังทรงได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ซึ่งล่าสุดประสบความสำเร็จ ในการพัฒนายาชีววัตถุ ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง เป็นนวัตกรรม “ชิ้นแรก” ที่ดำเนินการโดยนักวิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อ หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดมีโอกาสได้รับการรักษา โดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง อีกทั้งช่วยให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านยาชีววัตถุได้ และช่วยสร้างความมั่นคงทางยา รวมทั้งลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ จากความสำเร็จดังกล่าว สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พร้อมที่จะขยายปริมาณการผลิตไปสู่ระดับอุตสาหกรรม โดยจะร่วมมือกับโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีต่อไปซึ่งนับว่าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทย สามารถสร้างผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจของชาติพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน อีกทั้ง จะเป็นการพัฒนาศักยภาพ และกำลังคนของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ
มีอีกเรื่องที่น่าชื่นชมและถือเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทยและพี่น้องชาวไทย ในเรื่องการยกระดับการให้บริการทางสุขภาพของเราในอนาคต สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับ “รางวัลชนะเลิศ” จากการมอบรางวัล United Nations Public Service Awards ประจำปี 2561 ในสาขาการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ในการให้บริการสาธารณะ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากผลงานเรื่อง “การป้องกันและควบคุมมะเร็งปากมดลูกแบบบูรณาการ” โดยไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศ ที่ได้รับรางวัลดังกล่าวในปีนี้ จากทั้งหมด 437 ผลงาน 79 ประเทศ โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะนำมาใช้ใน “การปฏิรูปด้านสุขภาพ” ของประเทศ เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่าย ในลักษณะ “ประชารัฐ” และเป็นตัวอย่างที่ดีในการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนงานต่อไปด้วย
สำหรับอีกเรื่องหนึ่ง สถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทย หรือ TIP Report ปีนี้ ที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เกิดต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่รัฐบาลและ คสช. เข้ามาใช้เวลาหลายปี คิดว่าเกือบ 4 ปีได้ จาก TIER 3 แล้วกลับมาเป็น TIER 2 Watch List แล้วกลับมาเป็น TIER 2 ในที่สุด ในปีนี้ เราทำได้สำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกฝ่าย ทั้งรัฐ ข้าราชการ ภาคเอกชน นักธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คือผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ ช่วยกันสร้างชาติ พัฒนาประเทศของเราใช้ “กลไกประชารัฐ” ไปสู่ความสำเร็จในทุกเรื่อง ทำให้ดีด้วย ไม่ว่าจะ TIER ไม่ว่าจะ IUU ICAO อะไรทำดีแล้ว ก็ทำต่อไป อะไรที่ยังแย่อยู่ก็ทำให้มากยิ่งขึ้น อันนี้จะเป็นการประเมินผลงานของข้าราชการทุกคนในทุกมิติ ในระดับผู้บังคับบัญชา ทุกคนต้องได้รับการตรวจสอบการประเมินตน ทุกคนต้องทำให้ได้ดีทุกหน้าที่ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาเขา มีผู้บังคับบัญชาอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นต้องทำงานร่วมกันให้ได้
ขอบคุณครับ ขอให้ “ทุกคน” รักษาสุขภาพ และ “ทุกครอบครัว” มีความสุข สวัสดีครับ
ที่มา; เว็บรัฐบาลไทย
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น