หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2566

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2566
พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2566

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561

อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)

เรื่องใหม่น่าสนใจ  (ทั้งหมด ที่ )


(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข


40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ 


เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร





 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   


ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561
title
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561 เวลา 20.15 น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

วันที่ 29 พฤษภาคมศกนี้ เป็น วันวิสาขบูชา
ซึ่งในอดีต เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน ก็คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั้ง 3เหตุการณ์เกิดตรงกัน ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6  ทั้งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก โดยยกย่องให้พระองค์ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์อีกด้วย

วันวิสาขบูชาปีนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกทรงเตือนประชาชนอย่าขาด สติรู้ทันกาย วาจา ใจ อันจะเป็นหนทางดับความทุกข์”  อีกทั้ง ทรงสั่งสอนให้เราทั้งหลาย ละกิเลสความโลภ โกรธ หลง อันเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่ว ความเห็นแก่ตัวหากบุคคลใด ครอบครัวใด ชุมชนใด สังคมใด ปรารถนาจะประสบสันติสุข จำเป็นต้อง ตื่นรู้เพื่อรู้เท่าทันการคิด การกระทำด้วยสัมมาสติ อันจะเป็นหนทางสู่ปัญญา และนำมาซึ่งความหลุดพ้นห้วงทุกข์ได้อย่างแท้จริง

ในการนี้ ผมขอเชิญร่วมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ระหว่างวันที่ 23 ถึง 29 พฤษภาคม 2561 ณ วัด และพุทธศาสนสถานใกล้บ้าน  ด้วยการรักษา ศีล 5” ทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม เวียนเทียน และร่วมประดับธงธรรมจักร บริเวณรอบชุมชน สถานศึกษา หน่วยงาน หรือตามความเหมาะสม  เพื่อจะสร้างเสริมสิริมงคลทั้งแก่ตนเอง ครอบครัว และจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป

ทั้งนี้ ทุกสังคมย่อมนิยม คนดี การทำดีสำหรับคนไทยนั้น ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หรืออยู่ที่ใด เราก็เป็นชาติที่รักสงบ นิยมทำความดี ผมได้รับทราบข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ ขอชื่นชมการทำความดีของ นายฤชานนท์ ปิดตาฝ้าย แม็ก ซึ่งตัดสินใจกระโดดลงน้ำโดยไม่ลังเล เพื่อช่วยชีวิตเด็กที่กำลังจะจมน้ำ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเยอรมัน แต่จะเห็นว่าไม่ว่าความดีนั้นจะเกิดขึ้นที่ใด ก็ย่อมสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกๆ คนที่ได้รับรู้เรื่องราว ผมมั่นใจว่ายังมีคนไทยที่นิยมและทำความดีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก็ขอเป็นกำลังใจในการทำความดี เพื่อจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบ้านเกิดเมืองนอนของเรา

สำหรับความไม่ดี นั้น นอกจากการจะรักษาศีล 5 และการครองสติเป็นนิจ เพื่อพิชิตกิเลสแล้ว รัฐบาลยังได้น้อมนำศาสตร์พระราชาเกี่ยวกับหลักการการปลูกต้นไม้ในใจคนมาประยุกต์เป็น หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา”  โดยชี้ให้เห็นโทษของการโกงต่อตนเองและส่วนรวม รวมทั้งการปลูกจิตสำนึก โตไปไม่โกงซึ่งจะต้องอาศัยเวลาในการปลูกฝังบ่มเพาะ ต้นกล้าให้เข้มแข็งตั้งแต่ยังเด็กโดยจะให้บรรจุไว้ตั้งแต่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน อุดมศึกษา ตลอดจนหลักสูตรตามแนวทางรับราชการของข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนมีภูมิต้านทานต่อกิเลส อบายมุข สิ่งชั่วร้ายอยู่เสมอ ทั้งนี้การโกงก็คือ การไม่ซื่อสัตย์ ไม่สุจริต ไม่ตรงไปตรงมา ไม่รักษากฎกติกา ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง เช่น จ่ายเงินใต้โต๊ะ แซงคิว  ขับรถเบียดคอสะพาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะข้าราชการเท่านั้น
 
พี่น้องประชาชนที่รัก ครับ
นอกจาก การปลูกต้นไม้ในใจคนเนื่องใน วันวิสาขบูชาแล้ว วันเดียวกันนี้ยังเป็น วันต้นไม้แห่งชาติต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 คือ ต้นรวงผึ้งเนื่องด้วยดอกรวงผึ้งมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ และผลิดอกช่วงวันพระราชสมภพพอดี ผมจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันปลูกต้นไม้ประจำรัชกาล ไม้มงคล ไม้มีค่า หรือต้นไม้ประจำจังหวัดเพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อความร่มรื่น ความสวยงาม เพิ่มพื้นที่สีเขียว ตามโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดินในพื้นที่ป่าชุมชน ป่าในเมือง หรือพื้นที่ของตนเองก็ได้นะครับ สำหรับการปลูกต้นไม้ตามเส้นทาง หรือสวนสาธารณะก็ขอให้ช่วยดูแลรักษา ตกแต่งกิ่งก้านสาขา ตามหลักรุกขกรรมศาสตร์ ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้รถใช้ถนน หรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้ง ให้ดูสวยงามด้วยสีของดอกเดียวกัน หรือสลับสีเป็นห้วงๆ และเป็นทิวแถวเป็นระเบียบเป็นต้น ทั้งนี้ อาจเป็นจุดท่องเที่ยวของชุมชนได้ในอนาคต

วันนี้ ผมดีใจที่ต่อไปป่าไม้จะเป็นเปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าของชุมชน ด้วยนโยบายป่าชุมชน และจะเป็นสินทรัพย์ในอนาคต ด้วยนโยบายส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คนอยู่กับป่าได้ตามศาสตร์พระราชาแล้ว ประเทศของเราก็จะมีพื้นที่ป่ามากขึ้น อย่างน้อยร้อยละ 40 ให้ได้
 
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
ผมอยากเรียนให้ทราบว่า เราเริ่มจะได้เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านเศรษฐกิจของประเทศ จากตัวเลขที่ออกมาล่าสุด ใน 3 เดือนแรกของปี 2561 นี้ ประเทศไทยเติบโตจากช่วงเดียวกัน หรือ 3 เดือนแรกของปีก่อนถึงร้อยละ 4.8 ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ดีที่สุดใน 20 ไตรมาสที่ผ่านมา ถ้าดูจากฝั่งการใช้จ่าย ปริมาณการส่งออกสินค้าขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5 เนื่องมาจากประเทศคู่ค้าที่มีรายได้และกำลังซื้อมากขึ้น  ส่วนการใช้จ่ายในประเทศ การบริโภคก็ขยายตัวได้ดี ที่ร้อยละ 3.6 การลงทุนของภาคเอกชนก็ยังขยายตัวดีต่อเนื่องเช่นกัน ไตรมาสนี้ มีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 3.1

การใช้จ่ายของเอกชนที่เติบโตได้ดีขึ้นนี้ แสดงว่าเอกชนมีความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่องส่วนหนึ่งจากความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐได้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือของประเทศ อีกทั้งมาตรการสนับสนุนการลงทุนของ BOI ใน 3 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนโครงการที่ขอรับการสนับสนุน 366 โครงการ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27 โดยมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 60,000 ล้านบาท เมื่อไตรมาสแรกของปี 2560 เป็น 200,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความสนใจที่จะลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และอยู่ในพื้นที่EEC มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้วในไตรมาส 1 ปีนี้ 259 โครงการ การลงทุนในส่วนนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือGDP ดีขึ้น ณ วันนี้เท่านั้น แต่เมื่อแล้วเสร็จ ดำเนินการได้ ก็จะผลิดอกออกผลให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาวด้วย โดยคำนวณได้ว่าในโครงการที่ได้รับอนุมัติไปแล้วนั้น จะสามารถสร้างงานให้คนไทย 15,000 ตำแหน่ง จะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ 51,508 ล้านบาทต่อปี และจะสร้างรายได้จากการส่งออกให้ประเทศไทยได้ถึง 70,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะกลายไปเป็นรายได้ให้พี่น้องประชาชน ตลอดห่วงโซคุณค่า ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ได้ในที่สุด ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม เพียงแต่ต้องแสวงโอกาส การมีส่วนร่วม ในวงจรเศรษฐกิจนี้ เราต้องปรับตัว ต้องพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศด้วย
หากดูการเติบโตในฝั่งการผลิต สาขาโรงแรมและภัตตาคารขยายตัวถึงร้อยละ 12.8 ในไตรมาสแรกนี้ ก็เป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้สูงเช่นกัน คือร้อยละ 15.4 นอกจากนี้การขนส่งและการค้าก็ขยายตัวได้ที่ประมาณร้อยละ 7  ในส่วนภาคเกษตร ผลผลิตเกษตรขยายตัวดี แต่ราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่กระเตื้องขึ้น ทำให้รายได้ของพี่น้องเกษตรกรยังไม่ได้ดีขึ้นตามภาพรวมของเศรษฐกิจเท่าที่ควร

ที่ผ่านมา รัฐบาลรับทราบปัญหาว่า ประโยชน์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เราคุยกันว่าดีขึ้นต่อเนื่องนั้น แต่ก็ยังไม่กระจายลงไปในพื้นที่ชุมชน และยังไม่ไปถึงพี่น้องประชาชนเท่าที่ควร หลายคนก็พูด อาจจะบ่นว่าเศรษฐกิจดีขึ้นจึงหรือ ทำไมรายได้ยังไม่เพิ่มขึ้น ปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลและ คสช. ไม่ได้นิ่งดูดาย เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้อย่างยั่งยืน

ผมขอเรียนว่าปัญหาการกระจายรายได้ไม่ทั่วถึงนี้ มีหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งความเหลื่อมล้ำที่สะสมมานาน โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ที่เห็นชัดเจนก็คือหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าเกษตรก็ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แต่การปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตรหรือการหาทางในการเพิ่มมูลค่าในสินค้าต่างๆ อาจจะยังไม่ทันการณ์ รวมถึงเราอาจจะยังไม่ได้ปรับตัวรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างเต็มที่ด้วย
 
พี่น้องประชาชน ครับ
การลงทุนก็เหมือนการปลูกต้นไม้ที่ต้องมีระยะเวลาในการให้ผลผลิตแตกต่างกันไป แต่ในระหว่างนั้น เราก็ต้องรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แก้ปัญหาศัตรูพืชอยู่อย่างสม่ำเสมอ สำหรับแนวทางรับมือกับปัญหาต่างๆ ในช่วงแรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศนั้น รัฐบาลและคสช.ได้ดำเนินการทั้งมาตรการระยะสั้น ที่จะเร่งช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ตั้งแต่ต้นทางคือการปรับปรุงการผลิตสินค้าและบริการ เพิ่มมูลค่า หาตลาด ไปจนถึงการสนับสนุนด้านการเงินเร่งด่วน ทั้งด้านสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ ไปจนถึงปลายทาง ที่สำคัญคือการแก้ปัญหาหนี้สิน และสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อย

ส่วนมาตรการระยะยาว ที่จะเน้นการวางรากฐานสำคัญอาทิ (1) ด้านกายภาพ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ที่จะช่วยกระจายความเจริญและสร้างหนทางการนำรายได้กระจายไปสู่ท้องถิ่น  (2) ด้านทักษะ คือมาตรการสนับสนุนการศึกษาในทุกระดับ เพื่อจะให้ปรับตัวต่อเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้ และ (3) ด้านกรอบความยั่งยืน ผมหมายถึงการที่เราจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีแผนปฏิรูปประเทศ ก็เพื่อจะกำหนดทิศทางในการผลักดันนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องต่อเนื่อง และตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและประชาชนในระยะยาวด้วย

ผมขอยกตัวอย่าง แผนงาน และผลงานของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการ เพื่อจะเชื่อมโยงส่วนกลางกับชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ และเร่งกระบวนการกระจายรายได้และความเจริญลงไปได้ทั่วถึงมากขึ้น อาทิ  ด้านคมนาคมขนส่ง เราได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว และคาดว่าจะเห็นผลในปี 2565  ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงกัน ระหว่าง
1. ทางถนน โดยจะเชื่อมโยงฐานการผลิตที่สำคัญไปยังพื้นที่ต่างๆ และเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน  โดยจะมีทั้งการเพิ่มทางหลวง 4 ช่องทางจราจรขึ้นไปอีกราว 600 กิโลเมตร  ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกว่า 500 กิโลเมตร มีทางพิเศษอีก 2 เส้นทางคิดเป็นระยะทาง 240 กิโลเมตร  พัฒนาทางหลวงชนบทเพื่อแก้ปัญหาจราจรจาก 270 กิโลเมตร เป็น 615 กิโลเมตร เพิ่มสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่อีก 6 แห่ง และเพิ่มสะพานข้ามหรือลอดอุโมงค์ทางรถไฟจาก 104 แห่ง เป็น 211 แห่ง
2. โครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง โดยเพิ่มทางรถไฟทางคู่ จากเดิม 360 กิโลเมตร เป็น 3,500 กิโลเมตร  พัฒนาขนาดรางมาตรฐาน 4 เส้นทาง 1,000 กิโลเมตร  และเพิ่มรถไฟฟ้าเป็น 11 เส้นทาง ระยะทาง 440 กิโลเมตร   รวมถึงการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อม 3 สนามบินนานาชาติของประเทศ ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา อีกด้วย
3. โครงข่ายขนส่งทางน้ำ โดยจะเพิ่มท่าเรือน้ำลึกอีก 6 แห่ง และพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการเดินเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล เชื่อมพัทยา หัวหิน อีกด้วย
4. การให้บริการขนส่งทางอากาศ โดยจะเพิ่มท่าอากาศยานเบตง เพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานทั่วประเทศ ให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้อีก 320,000 เที่ยว  และรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นกว่า 70 ล้านคนต่อปี  เป็นต้น
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่กำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม เท่านั้น  รัฐบาลยังสร้างความประสานสอดคล้องกับอีก 3 กิจกรรมหลัก อันได้แก่
(1) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโทรคมนาคมอาทิ โครงการ เน็ตประชารัฐทุกหมู่บ้าน และโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำ ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระบบเคเบิล ใต้น้ำ เส้นแรกเสมือนเป็น  land bridge ทางด้านโทรคมนาคมระหว่างประเทศ  ที่จะทำให้ประเทศไทยมีวงจรเชื่อมต่อโดยตรงไปยังประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สำคัญของโลกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป รวม 17 ประเทศซึ่งจะสามารถช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตของภูมิภาคอาเซียน ตามนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาล 
(2) การออกกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการกว่า 600 ฉบับ เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติแล้ว 400 กว่าฉบับ
(3) การพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ ที่เรียกว่า Big data  สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลมิติต่างๆ จากทุกกระทรวง อาทิ บัญชีผู้มีรายได้น้อย11 ล้านคน  แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ 1.3 ล้านคน   เกษตรกร  ผู้สูงอายุ  ผู้พิการ  ผู้ป่วยติดเตียง  บัญชีนวัตกรรม –OTOP และนักวิจัย เป็นต้น
ทั้ง 3 กิจกรรมดังกล่าว จะช่วยให้เกิดความเชื่อมโยง เป็นเครือข่าย สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมอีกด้วย 
 
พี่น้องประชาชนที่เคารพ ครับ          

กิจกรรมตัวอย่าง ที่จะนำพารายได้กระจายสู่ท้องถิ่น เศรษฐกิจระดับฐานรากคือ โครงการ ไทยนิยมยั่งยืน”  โดยมีโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ มีกฎหมาย  ข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นตัวเชื่อมในการบริหารจัดการ  และมีกลไกประชารัฐเป็นตัวขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับในทุกระดับ ซึ่งผมขอยกตัวอย่างการดำเนินการใน 2 เรื่องสำคัญคือ

1.การแก้ปัญหาปากท้องโดยมีการลงพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ชุมชน มีประชาชน กว่า 7 ล้านคน เข้าร่วม97 เวทีประชาคม  ซึ่งผลการวิเคราะห์โครงการของหมู่บ้านและชุมชน แห่งละ  200,000 บาท  รวมทั้งสิ้น 88,400 โครงการ แบ่งการดำเนินการใน 3 ลักษณะ คือ
(1) ส่งเสริมคุณภาพชีวิต  ประมาณ 68,000 โครงการ (77%) เช่น สร้างถนน ศาลา
ประชาคมหอกระจายเสียงเสียงตามสาย ลานกีฬาสนามเด็กเล่น เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง บ่อกำจัดสิ่งปฏิกูล แนวกันไฟ เหล่านี้เป็นต้น
(2) การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ทางตรงราว 12,500 โครงการ คิดเป็น 14% เช่น การ
พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้าน-ชุมชน ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม การแพทย์แผนไทย ลานตาก-โรงสี-ยุ้งฉางผลผลิตทางการเกษตร การแปรรูป การถนอมอาหาร และเครื่องอบลดความชื้น ผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) หัตถกรรมผ้า เป็นต้น
(3) การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ทางอ้อม เกือบ 8,000 โครงการ คิดเป็น 9% การพัฒนาแหล่งน้ำ เช่น ลานอเนกประสงค์ น้ำดื่ม น้ำใช้ แหล่งน้ำ ห้องน้ำบริการสาธารณะ สถานีสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์ การปลูกป่า เป็นต้น
และ 2.การปฏิรูปภาคการเกษตรได้รับงบประมาณจากงบกลาง ราว 25,000 ล้านบาท  เพื่อใช้ในกิจกรรมโครงการต่างๆ เกี่ยวกับพืช  ปศุสัตว์  ประมง ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และพัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 63,000 ล้านบาท  จะมีเกษตรกรได้ประโยชน์ 4.3 ล้านราย  อาทิ การพัฒนาแหล่งน้ำชลประทานในการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 2.12 ล้านไร่ คิดเป็น 10,000 ล้านบาท กิจกรรมเพิ่มศักยภาพการผลิตและการพัฒนาทักษะอาชีพ 24,000 ล้านบาท  กิจกรรมการลดต้นทุนการผลิตด้วยการสนับสนุนเมล็ดพืชและสัตว์พันธุ์ดี กว่า870 ล้านบาท  กิจกรรมเสริมศักยภาพธุรกิจสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 245 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งนี้การอบรมเสริมทักษะความรู้ต่างๆ ก็เหมือนกับการเรียนในห้องเรียน ที่มีทั้งภาควิชาการ  ภาคปฏิบัติ  และมีทั้งคนประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ แต่อยู่บนพื้นที่ความสมัครใจ การฝึกอบรมเหล่านี้ ผมถือว่าเป็นการให้โอกาสกับพี่น้องประชาชน เป็นการสร้างความเข้มแข็ง ตามแนวทาง ศาสตร์พระราชาคือ ไม่แจกปลา แต่จะให้เบ็ดแล้วสอนวิธีการหาปลา

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระจายรายได้ และสร้างงานในหมู่บ้านชุมชนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวธรรมชาติ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  เชิงวัฒนธรรม  เชิงกีฬา สิ่งที่ชาวชุมชนต้องร่วมมือกันนอกเหนือจากความสะอาด ความปลอดภัย ความเป็นมิตรแล้ว  การค้นหาเรื่องเล่า การสร้าง คนเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์ สิ่งที่น่าสนใจในแต่ละท้องถิ่น  โดยไกด์  มัคคุเทศก์ ที่มีทักษะด้านภาษาอังกฤษ จีน และภาษาอื่นๆ ไว้คอยบริการก็เป็นเสน่ห์ ดึงดูดใจผู้มาเยือนอีกด้วย โดยเฉพาะไกด์เยาวชน ก็จะเป็นการปลูกฝังสำนึกรักถิ่นฐานของตนอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เกษียณ ที่ยังมีศักยภาพ สามารถได้รับการพัฒนาที่เหมาะสม  ด้วยการใช้ประสบการณ์และศักยภาพที่มีให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเอง ช่วยแบ่งเบาภาระของลูกหลาน  โดยเฉพาะเมื่อสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย รัฐบาลนี้ตระหนักดี ให้ความสำคัญหมายถึงคนในวัยทำงานจะมีภาระในการดูแลผู้สูงวัยที่จะมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขาดแรงงานวัยฉกรรจ์ 

ปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการที่ครอบคลุมเพื่อดูแลและสนับสนุนการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ โดยมีแผนงานระยะยาว เพื่อดูแลสุขภาพและพัฒนาทักษะผู้สูงอายุโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนจัดหางานให้ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2560 – 2564 และแผนสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2564  ขณะเดียวกันในด้านสวัสดิการ รัฐบาลมีการอุดหนุนเงินยังชีพของผู้สูงอายุ เดือนละ 600 – 1,000 บาท อย่างต่อเนื่อง และเพื่อดูแลให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ปัจจุบัน เรามีอยู่ประมาณ 2 ล้านคน รัฐบาลได้เตรียมเดินหน้าผลักดันการเพิ่มเงินยังชีพผู้สูงอายุ ให้เพียงพอต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นรายละ 1,200 บาท ถึง 1,500 บาท อีกด้วย  อย่างไรก็ตามเราต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของงบประมาณไว้ด้วย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาแรงงานผู้สูงอายุ ในกรณีที่ประสงค์จะกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยได้ตั้งเป้าให้ผู้สูงอายุมีงานทำเพิ่ม 39,000 อัตรา โดยเฉพาะในชนบทผ่านวิสาหกิจชุมชน พร้อมมาตรการจูงใจให้องค์กรต่างๆ จ้างงานผู้สูงอายุ โดยสามารถนำรายจ่ายไปหักภาษีได้ถึง 2 เท่า รวมทั้งพยายามเพิ่มจำนวนสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนมีเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณด้วย ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเตรียมพร้อมในด้านที่พักอาศัยของผู้สูงอายุในหลายรูปแบบ เช่น โครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร ที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ในที่เดียวกัน เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ ถือเป็นการดูแลผู้สูงอายุอย่างครอบคลุมในทุกมิติด้วย ทั้งหมดนี้ เป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล ที่จะสนับสนุนให้ประชากรกลุ่มนี้ ให้ยังเป็นกำลังสำคัญของชาติ และนำความสามารถ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างมีศักดิ์ศรี ภูมิใจกับการยืนอยู่ในสังคมได้ด้วยตัวเองต่อไป

จะเห็นว่าการปฏิรูปในภาพรวมของประเทศนี้ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม  ดิจิทัล  กฎหมาย  ข้อมูลขนาดใหญ่ จะเป็นส่วนสำคัญต่อการกระจายความเจริญและรายได้สู่ท้องถิ่น แต่อาจจะต้องอาศัยเวลาและความร่วมมือกัน ต้องปรับตัว ปรับพฤติกรรม ให้สอดคล้องกับกระแสของโลก และแนวทางการพัฒนาประเทศอยู่เสมอ

สุดท้ายนี้ ผมมีกลอนอีกบทหนึ่งมาฝากทุกท่านในช่วงสุดสัปดาห์นี้
จะมีไหม เมื่อไร ไทยสงบ              
ทุกคนพบ ความสุข ตามที่หวัง
อย่าทำให้ ไทยทั้งชาติ ขาดพลัง              
สิ้นความหวัง หมดสุข ให้ทุกคน
ทั้งการเมือง บริหาร ต้องสานต่อ   
ให้เพียงพอ เพื่อประโยชน์ มหาศาล
หากเนิ่นช้า เกินไป จะเสียการ                 
ให้ทุกท่าน ทุกคน นั้นสุขใจ
ขอพี่น้อง ผองไทย ช่วยสร้างชาติ  
ป่าวประกาศ ร่วมใจ ไทยเข้มแข็ง
ให้ยั่งยืน ดีเลิศ เกิดเปลี่ยนแปลง             
คำชี้แจง บอกไป ห่วงใยจริง

ขอบคุณครับ  ขอให้ ทุกคนมีความสุข ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  สวัสดีครับ
 .......................................

ที่มา ; เว็บรัฐบาบไทย


 คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้   
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)  



โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม