เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
ข่าวที่ 46/2561รมช.ศธ.อุดม ปาฐกถาพิเศษ "บทบาทของ ศธ. ต่อการสร้างบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ที่ จ.สระบุรี
รมช.ศึกษาธิการ " นพ.อุดม คชินทร" แนะ สถาบันอุดมศึกษาควรปรับตัวให้รองรับอาชีพที่หลากหลาย ปรับรูปแบบการเรียนรู้จาก 1.0 ที่เรียนรู้จากอาจารย์อย่างเดียว ให้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง (2.0) และสร้างองค์ความรู้ (3.0) นำไปสู่การอุดมศึกษาไทยในยุค 4.0 ที่มีหัวใจสำคัญ คือ "การสร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพมนุษย์" ให้มีคุณภาพสูงขึ้น เน้นการเพิ่มมูลค่าทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ เป็นสังคมของการแบ่งปันและปรับตัวสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "บทบาทของกระทรวงศึกษาธิการต่อการสร้างบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21" เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงพยาบาลแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยมี นพ.ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผอ.โรงพยาบาลแก่งคอย คณะผู้บริหาร ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข และการศึกษา เข้าร่วมงาน
นพ.อุดม คชินทร กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ แม้แต่ระบบการเงินก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปมาก อาทิ Bitcoin หรือระบบโลจิสติกส์ เป็นต้น และมีการคาดการณ์กันว่าในปี 2030 จะเกิดการพลิกโฉมในเรื่องของ Health care และการศึกษา ประกอบกับข้อมูลของ World Economic Forum ที่พบว่าในอนาคตเทคโนโลยีด้านสุขภาพจะมีความก้าวหน้าและสามารถแทนคนได้ ทั้งการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้ ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัด การตรวจพบความผิดปกติของ Gene ที่บ่งบอกการเกิดโรค ตลอดจน Biotechnology เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและประชากรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเป็นภาคการผลิตบุคลากร ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายและเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งวัยแรงงาน วัยเด็ก และประชากรเด็กที่เข้ามหาวิทยาลัยมีจำนวนน้อยลง ซึ่งสวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีการแข่งขันในระดับนานาชาติ ตลอดจนการเพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัยต่างชาติที่มีศักยภาพสูง
ดังนั้น สถาบันอุดมศึกษา ควรมีทิศทางในการปรับตัวให้รองรับพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การศึกษาอาชีพในโลกอนาคต การปรับรูปแบบการเรียนรู้จาก 1.0 ที่เรียนรู้จากอาจารย์อย่างเดียว ให้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง (2.0) และสร้างองค์ความรู้ (3.0) นำไปสู่การอุดมศึกษาไทยในยุค 4.0 ที่มีหัวใจสำคัญ คือการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น เน้นการเพิ่มมูลค่าทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการนำเข้า รวมทั้งเป็นสังคมของการแบ่งปันและปรับตัวสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ยุคโลกาภิวัตน์
สถาบันอุดมศึกษาจึงต้องเตรียมจัดหลักสูตรให้เรียนหลายศาสตร์หลายแขนง และสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก โดยอาจารย์มีหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในสิ่งที่ผู้เรียนอยากรู้ และสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์กับอาชีพที่หลากหลายได้ พร้อมเตรียมปรับให้มีการเรียนแบบ Non-Degree มากขึ้น เช่น การเรียนระยะสั้น 6-12 เดือน เพื่อรับประกาศนียบัตรเฉพาะทางหรือเฉพาะทักษะและนำไปประกอบอาชีพได้ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานระดับสากลของ Google และ Microsoft ที่เปิดสอนแบบออนไลน์เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร และมีหน่วยงานรองรับในการเข้าทำงาน
นพ.อุดม กล่าวด้วยว่า การเรียนในยุคนี้ต้องมุ่งผลสัมฤทธิ์ ผ่านกระบวนการเรียนการสอนจิตปัญญาศึกษา และส่งเสริมทักษะ Soft skills พร้อม ๆ กับมีการ Share resources ระหว่างสถาบัน ปรับระบบให้โอนหน่วยกิตระหว่างคณะหรือสถาบันได้ สิ่งสำคัญคือมีมาตรการ "บัณฑิตไม่ตกงาน" จัดเพิ่มพูนทักษะให้คนวัยทำงาน และดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีคุณค่า
นอกจากนี้ มีสิ่งที่ Google ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับลักษณะสำคัญที่ทำให้คนประสบความสำเร็จและช่วยองค์กรได้ดี ประกอบด้วย การมีโค้ชที่ดี, การมีทักษะการสื่อสารกับผู้อื่นได้, ทักษะในการเข้าใจผู้อื่นที่มีหลักคิดและทัศนคติที่แตกต่างจากเรา, มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น, มีทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา และสามารถเชื่อมโยงความหลากหลายของผู้คน หากเรานำมาปรับใช้ทั้งในด้านการแพทย์และการศึกษา ก็เชื่อว่าจะสามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสูงสู่แวดวงด้านการแพทย์และการศึกษาได้มากขึ้น
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมติวสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
ข่าวที่ 46/2561รมช.ศธ.อุดม ปาฐกถาพิเศษ "บทบาทของ ศธ. ต่อการสร้างบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ที่ จ.สระบุรี
รมช.ศึกษาธิการ " นพ.อุดม คชินทร" แนะ สถาบันอุดมศึกษาควรปรับตัวให้รองรับอาชีพที่หลากหลาย ปรับรูปแบบการเรียนรู้จาก 1.0 ที่เรียนรู้จากอาจารย์อย่างเดียว ให้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง (2.0) และสร้างองค์ความรู้ (3.0) นำไปสู่การอุดมศึกษาไทยในยุค 4.0 ที่มีหัวใจสำคัญ คือ "การสร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพมนุษย์" ให้มีคุณภาพสูงขึ้น เน้นการเพิ่มมูลค่าทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ เป็นสังคมของการแบ่งปันและปรับตัวสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "บทบาทของกระทรวงศึกษาธิการต่อการสร้างบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21" เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงพยาบาลแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยมี นพ.ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผอ.โรงพยาบาลแก่งคอย คณะผู้บริหาร ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข และการศึกษา เข้าร่วมงาน
ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเป็นภาคการผลิตบุคลากร ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายและเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งวัยแรงงาน วัยเด็ก และประชากรเด็กที่เข้ามหาวิทยาลัยมีจำนวนน้อยลง ซึ่งสวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีการแข่งขันในระดับนานาชาติ ตลอดจนการเพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัยต่างชาติที่มีศักยภาพสูง
ดังนั้น สถาบันอุดมศึกษา ควรมีทิศทางในการปรับตัวให้รองรับพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การศึกษาอาชีพในโลกอนาคต การปรับรูปแบบการเรียนรู้จาก 1.0 ที่เรียนรู้จากอาจารย์อย่างเดียว ให้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง (2.0) และสร้างองค์ความรู้ (3.0) นำไปสู่การอุดมศึกษาไทยในยุค 4.0 ที่มีหัวใจสำคัญ คือการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น เน้นการเพิ่มมูลค่าทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการนำเข้า รวมทั้งเป็นสังคมของการแบ่งปันและปรับตัวสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ยุคโลกาภิวัตน์
สถาบันอุดมศึกษาจึงต้องเตรียมจัดหลักสูตรให้เรียนหลายศาสตร์หลายแขนง และสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก โดยอาจารย์มีหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในสิ่งที่ผู้เรียนอยากรู้ และสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์กับอาชีพที่หลากหลายได้ พร้อมเตรียมปรับให้มีการเรียนแบบ Non-Degree มากขึ้น เช่น การเรียนระยะสั้น 6-12 เดือน เพื่อรับประกาศนียบัตรเฉพาะทางหรือเฉพาะทักษะและนำไปประกอบอาชีพได้ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานระดับสากลของ Google และ Microsoft ที่เปิดสอนแบบออนไลน์เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร และมีหน่วยงานรองรับในการเข้าทำงาน
นอกจากนี้ มีสิ่งที่ Google ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับลักษณะสำคัญที่ทำให้คนประสบความสำเร็จและช่วยองค์กรได้ดี ประกอบด้วย การมีโค้ชที่ดี, การมีทักษะการสื่อสารกับผู้อื่นได้, ทักษะในการเข้าใจผู้อื่นที่มีหลักคิดและทัศนคติที่แตกต่างจากเรา, มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น, มีทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา และสามารถเชื่อมโยงความหลากหลายของผู้คน หากเรานำมาปรับใช้ทั้งในด้านการแพทย์และการศึกษา ก็เชื่อว่าจะสามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสูงสู่แวดวงด้านการแพทย์และการศึกษาได้มากขึ้น
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ
www.tuewsob.com
โดย อ.นิกร ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีสอบราชการ ครู ผู้บริหาร ฯลฯ
www.tuewsob.com
www.tuewsob.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น