9 ก.พ.58 พลตรีมันซูร์ อัล-โจเบอร์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของจอร์แดน แถลงว่า จอร์แดนได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่ม IS รวม 56 ครั้ง นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการโจมตีร่วมกับกองกำลังผสมของนานาชาติเพื่อกวาดล้างกลุ่ม IS ขณะที่นายจอห์น อัลเลน ทูตพิเศษของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทำหน้าที่ประสานงานกับกองกำลังผสมต่อต้าน IS ของพันธมิตรตะวันตกและอาหรับ กล่าวว่า ทหารอิรักจะเริ่มใช้ปฏิบัติการโจมตีทางภาคพื้นดินครั้งใหญ่ต่อกลุ่ม IS ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
จอร์แดนประกาศจะกวาดล้างกลุ่ม IS เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มหัวรุนแรงนิกายสุหนี่กลุ่มนี้ จับเรืออากาศโทมาอัซ อัล-คัสซัสเบห์ นักบินของเครื่องบินรบเอฟ-16 ของจอร์แดน ที่ตกในซีเรีย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมก่อนจะจุดไฟเผาเขาทั้งเป็น และยังเอาคลิปวิดีโอไปเผยแพร่ทางออนไลน์อีกด้วย ซึ่งในวันแรกของการโจมตี สามารถทำลายเป้าหมายได้ 19 แห่ง และจนถึงวันเสาร์ สามารถโจมตีเป้าหมายได้หลายสิบแห่งหรือราว 20 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งค่ายทหาร, ค่ายฝึก, เครื่องกระสุน, แหล่งเก็บเชื้อเพลิงและศูนย์กลางที่พักอาศัย
ด้านทูตพิเศษของประธานาธิบดีโอบามา ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว เพตรา ของทางการจอร์แดนว่า เมื่อกองกำลังอิรักเริ่มใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินเพื่อยึดดินแดนคืน กองกำลังผสมก็จะช่วยสนับสนุนแต่ย้ำว่า กองกำลังอิรักจะทำหน้าที่ผู้นำการปฏิบัติการครั้งนี้
กลุ่ม IS ได้ยึดดินแดนคร่อมระหว่างอิรักและซีเรีย และปกครองในรูปแบบของคอลิฟะฮ์ แต่ใช้วิธีการที่โหดร้ายป่าเถื่อน ซึ่งจอร์แดน ระบุว่า นักรบ IS ถูกสังหารไปแล้วมากกว่า 7,000 คน นับตั้งแต่ถูกถล่มทางอากาศโดยกองกำลังผสม ด้านนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แถลงที่เมืองมิวนิค ขจองเยอรมนีว่า การใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศราว 2,000 ครั้ง ที่เริ่มเมื่อเดือนกันยายน ทำให้ฝ่ายกองกำลังผสม เริ่มได้ดินแดนกลับคืนมาราว 1 ใน 5 และทำลายท่อน้ำเลี้ยงที่สำคัญของกลุ่ม IS ด้วย แต่เขาไม่ได้บอกว่า ดินแดนที่ได้คืนอยู่ในอิรักหรือซีเรีย เพียงแต่บอกว่า สามารถยึดแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคืนมา และยังรบกวนโครงการการบัญชาการ ตัดท่อน้ำเลี้่ยงทางการเงินและทำให้พวกญีฮัดพากันหลบหนี
สื่อของทางการจอร์แดน รายงานว่า ฝูงบินเอฟ-16 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ได้เดินทางถึงจอร์แดนเมื่อวันอาทิตย์ โดยมีนักบินและช่างเทคนิคเดินทางไปด้วย ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ ยูเออีได้ถอนตัวออกจากกองกำลังผสม หลังจากนักบินจอร์แดนถูกจับไป เนื่องจากวิตกด้านความปลอดภัยของนักบินตัวเอง แต่สหรัฐยืนยันว่า ฝูงชนยูเออี กำลังจะกลับมาเข้าร่วมปฏิบัติการในอีกสองวันข้างหน้า
ด้านกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย ที่มีสำนักงานอยู่ที่อังกฤษ ระบุว่า กองกำลังชาวเคิร์ดสามารถยึดดินแดนรอบเมืองโคบานี่มาจากกลุ่ม IS ได้แล้ว 1 ใน 3 หลังยึดเมืองคืนได้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม ภายใต้การสู้รบอย่างดุเดือดที่สนับสนุนโดยฝ่ายกบฎของซีเรียและการโจมตีทางอากาศของกองกำลังผสม
ขณะที่จอร์แดนเพิ่มการใช้ปฏิบัติการโจมตีหนักหน่วงมากขึ้น กลุ่ม IS ได้อ้างเมื่อวันศุกร์ว่า เคย์ล่าจีน มุลเลอร์ เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์วัย 26 ปี ที่ถูกกลุ่ม IS จับเป็นตัวประกัน ได้ถูกฝังทั้งเป็นเพราะซากอาคารถล่มหลังถูกกองกำลังผสมโจมตีทางอากาศในเมืองรักกาของซีเรีย ที่พวกเขาตั้งให้เป็นเมืองหลวงของพวกเขา ด้านครอบครัวมุลเลอร์ กล่าวว่า พวกเขาหวังว่าเธอยังมีชีวิตอยู่และวิงวอนกลุ่ม IS ให้ติดต่อพวกเขาเพื่อคืนเธอกลับไปให้พวกเขาอย่างปลอดภัย ขณะที่นายเจห์ จอห์นสันรัฐมนตรีความมั่นคงภายในของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐกำลังหาทางสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของมุลเลอร์
สหรัฐส่งยุทโธปกรณ์ช่วยเลบานอนรบไอเอส-อัล ไกดา
นายเดวิด เฮล เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเลบานอน เปิดเผยว่า อาวุธและเครื่องกระสุนมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ ได้ถูกส่งถึงกรุงเบรุตของเลบานอนแล้ว และนับเป็นความช่วยเหลือล่าสุดของสหรัฐต่อกองทัพเลบานอน เพื่อนำไปใช้ต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงในบริเวณแนวพรมแดนติดกับซีเรีย
นายเฮล กล่าวว่า ยุทโธปกรณ์ที่ส่งให้เลบานอน ได้รวมถึงปืนใหญ่วิถีโค้ง เอ็ม 198 จำนวน 70 กระบอก และเครื่องกระสุนกว่า 26 ล้านนัด นอกจากนี้ยังมีปืนใหญ่วิถีตรงทุกรูปแบบและทุกขนาดอีกจำนวนมาก รวมทั้งปืนใหญ่หนักด้วย
กลุ่มหัวรุนแรงได้เปิดฉากโจมตีทหารเลบานอนหลายครั้งในบริเวณใกล้พรมแดนซีเรีย ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม เมื่อนักรบของกลุ่มแนวร่วมนัสร่า ที่เกี่ยวข้องกับอัล ไกดา และกลุ่มไอเอส จับทหารเลบานอนไปได้ 24 คน และสังหารไปแล้ว 4 คน ที่เหลือยังตกเป็นตัวประกัน
เจ้าหน้าที่ทางการเลบานอนและสหรัฐ ได้เข้าร่วมพิธีมอบยุทโธปกรณ์เมื่อวันอาทิตย์ ที่่ท่าเรือในกรุงเบรุต ซึ่งนายเฮล บอกว่า เลบานอนได้กลายเป็นผู้รับการช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐ รายใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 โดยเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐได้ส่งมอบยุทโธปกรณ์มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ให้เลบานอน แต่ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เลบานอนรับความช่วยเหลือด้านยุทโธปกรณ์จากสหรัฐแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐยืนยันว่า จะส่งความช่วยเหลือให้เลบานอนเรื่อยไปจนกว่างาน
จะเสร็จสิ้น
นับเป็นการให้คำมั่นล่าสุดของต่างชาติต่อเลบานอน หลังจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน ฝรั่งเศสและซาอุดิอาระเบีย ได้ลงนามในข้อตกลงจัดหายุทโธปกรณ์มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ให้เลบานอนโดยซาอุดิอาระเบียรับผิดชอบด้านค่าใช้จ่าย ส่วนการขนส่งเที่ยวแรกของยุทโธปกรณ์ชุดนี้ ได้รับการคาดหมายว่าจะไปถึงในเดือนเมษายน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น