21 เม.ย.57 จากข้อมูลการสื่อสารครั้งสุดท้ายระหว่างเรือโดยสารเซวอล ของเกาหลีใต้ ที่อับปางเมื่อวันพุธ กับศูนย์ควบคุมการจราจรทางเรือจินโด ได้เผยให้เห็นความตื่นตระหนก และความไม่แน่ใจของลูกเรือ โดยจากสำเนาข้อมูลการสนทนา พบว่า ลูกเรือได้ถามย้ำหลายครั้งว่า มีเรือพอที่จะเข้าไปช่วยผู้โดยสารหรือไม่ ถ้ามีการสั่งอพยพ
ด้านกัปตันให้การว่า เขาชะลอการอพยพ เพราะกลัวว่า ผู้โดยสารจะลอยและพลัดหลงไป ซึ่งหลังจากผ่านไปสามวัน นักประดาน้ำสามารถเข้าไปในลำตัวเรือได้แล้ว และกู้ศพออกมาได้อีก 32 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 64 คนแล้ว แต่อีก 238 คน ยังคงสูญหาย และ174 คน ได้รับการช่วยเหลือก่อนหน้านี้
เรือโดยสารเซวอล อับปางลงระหว่างการเดินทางจากเมืองอินชอนไปยังเกาะเชจู พร้อมกับผู้โดยสาร 476 คน รวมทั้งนักเรียนมัธยมและครู 339 คน เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังพุ่งเป้าไปในประเด็นที่ว่า ได้มีการหันหัวเรือเลี้ยวเร็วเกินไปก่อนที่เรือจะเอียงหรือไม่ และมีการสั่งอพยพแต่เนิ่นๆ หรือไม่ เพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสาร
ผู้เชี่ยวชาญบางคน เชื่อว่า การหันหัวเรือเลี้ยวอย่างกระทันหัน อาจทำให้สินค้าที่มีขนาดหนัก ไหลไปอยู่ฝั่งเดียวกัน ทำให้เรือสูญเสียการทรงตัว ซึ่งจากข้อมูลกการสื่อสารทางโทรศัพท์และเอสเอ็มเอส ได้แสดงให้ภาพของคนจำนวนมากติดอยู่ในบริเวณโถงทางเดินและไม่สามารถหนีออกมาได้เนื่องจากเรือเอียงทำมุมสูง
รายละเอียดเกี่ยวกับความตื่นตระหนกของลูกเรือ ได้ถูกเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ เมื่อยามฝั่งได้เผยแพร่สำเนาการสื่อสารครั้งสุดท้ายระหว่างลูกเรือกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางเรือจินโด ที่ระบุว่า เมื่อวเลา 09.24 - 09.29 น. หลังจากเรือเซวอลขอความช่วยเหลือครั้งแรก ทางศูนย์ฯ ได้แจ้งให้ลูกเรือออกไปแจ้งให้ผู้โดยสารใส่เสื้อผ้าให้มากชิ้นขึ้นและสวมเสื้อชูชีพ ซึ่งลูกเรือได้ถามกลับไปว่า ถ้าสั่งอพยพ จะมีเรือไปช่วยพวกเขาหรือไม่ ซึ่งทางศูนย์ได้ตอบกลับไปให้จัดหาห่วงยางให้ผู้โดยสารและหาทางหนีออกจากเรือให้พวกเขา พร้อมกับย้ำเตือนให้เตรียมการอพยพ แต่ลูกเรือก็ยังคงถามย้ำอีกสองครั้งว่า ผู้โดยสารจะได้รับการช่วยเหลือโดยทันทีหรือไม่
ในเวลา 09.37 น. หรือไม่กี่วินาทีก่อนจะการสื่อสารครั้งสุดท้าย ทางศูนย์ฯ ได้ทราบแน่ชัดว่ามีการสั่งอพยพภายในเรือ เมื่อวันเสาร์ กัปตันอี จุน-ซุค ได้กล่าวขออภัยทางโทรทัศน์ต่อผู้เคราะห์ร้ายและครอบครัว และบอกว่า ในช่วงที่เกิดเหตุมีคลื่นลมแรง อุณหภูมิในทะเลก็เย็นมาก และเขาคิดว่า ถ้าคนกระโดดออกจากเรือโดยไม่ผ่านการตัดสินใจอย่างเหมาะสม เช่น ไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ หรือแม้จะสวมเสื้อชูชีพ ก็อาจถูกน้ำพัดหลงไปได้
อัยการระบุว่า กัปตันอี วัย 69 ปี ไม่ได้อยู่ในห้องควบคุมตอนที่เรือเอียง แต่เป็นผู้ช่วยที่ด้อยประสบการณ์ ที่ไม่เคยนำเรือออกน่านน้ำมาก่อน ล่าสุด กัปตันและลูกเรือ 2 คน ถูกตั้งข้อหาประมาทเลินเล่อ และละเมิดกฎหมายเดินเรือ
นับตั้งแต่เกิดเหตุ ญาติหลายคนของผู้เคราะห์ร้าย ได้ไปรอฟังข่าวที่เกาะจินโด หลายคนไม่พอใจปฏิบัติการกู้ภัย มีญาติราว 100 คน พยายามจะข้ามสะพานที่เชื่อมระหว่างเมืองจินโดกับแผ่นดินใหญ่ เพื่อเดินทางไปประท้วงที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล แต่มีการกระทบกระทั่งกับตำรวจ สำหรับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ใช้เรือประมาณ 200 ลำ เครื่องบิน 34 ลำ และนักประดาน้ำ 600 คน โดยมีเรือประมงติดไฟส่องสว่างกำลังสูงไปช่วยการค้นหาในตอนกลางคืนด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น