นายกรัฐมนตรีประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจและการเงิน พร้อมแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ซึ่งส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ลดลงเป็นผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเสนอแนะหน่วยงานด้านเศรษฐกิจติดตามสถานการณ์เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหา
วันนี้ (21 เมษายน 2557) เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 10 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เข้าร่วมประชุมด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ยืดเยื้อมากว่า 6 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยว นักลงทุน และภาคเอกชนทุกภาคส่วนขาดความเชื่อมั่น นำไปสู่ความถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่าจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว วันนี้จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานและคณะทำงานกำกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อรับฟังการรายงานสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจและการเงิน และติดตามการบริหารจัดการงบประมาณของปีงบประมาณ 2557 และ 2558
หลังจากรับฟังการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยิ่งมีความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยมากขึ้น เนื่องจากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ลดลง ซึ่งเป็นผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจชลอตัว โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับลดการประมาณการ GDP ในปีนี้ จากร้อยละ 4 – 5 เป็น ร้อยละ 3 – 4 ในขณะเดียวกันทางสถาบันการเงินภาคเอกชน ก็ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้เพียง ร้อยละ 1 – 2 เท่านั้น
สำหรับการส่งออกยังมีการฟื้นตัวช้า โดยแรงขับเคลื่อนอาจมีไม่เพียงพอที่จะชดเชยการหดตัวของ อุปสงค์ในประเทศ และส่วนภาคการท่องเที่ยวซึ่งเคยขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวผ่านสนามบินในกรุงเทพที่มีการชุมนุม เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวผ่านท่าอากาศยาน ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2557 และ 2556 เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลดลง ร้อยละ 20 และท่าอากาศยานดอนเมือง ลดลง ร้อยละ 14
นอกจากนั้น เหตุการณ์ทางการเมืองที่ทำให้มีความล่าช้าในการจัดการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลจะส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณปี 2558 สำนักงบประมาณรายงานว่า กระบวนการจัดทำงบประมาณได้ล่าช้าไปแล้วประมาณ 6 เดือน แม้ว่าสำนักงบประมาณแจ้งว่าในปี 2558 จะสามารถจัดสรรงบประมาณไปพลางก่อน เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถทำงานได้ แต่ก็ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการลงทุนใหม่หรือมีผลผูกพันกับรัฐบาลใหม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2558 ต่ำกว่าที่ได้ประมาณการไว้
ในขณะเดียวกันการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2557 ได้สั่งการให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการเบิกจ่าย เท่าที่สามารถดำเนินการได้ในฐานะรัฐบาลรักษาการ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ พร้อมทั้งกระทรวงการคลังได้รายงานผลการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยเฉพาะรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยสาเหตุหลักมาจากการบริโภคที่ลดลง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า หน่วยงานด้านเศรษฐกิจจะต้องติดตามสถานการณ์เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหา เช่น ในส่วนของกระทรวงการคลังได้สั่งการให้วิเคราะห์ข้อมูลการจัดเก็บรายได้ เพื่อหาสาเหตุของการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และในส่วนของการลงทุนได้สั่งการให้ BOI เร่งส่งเสริมการลงทุนในสาขาที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย และต่อจากนี้จะเร่งติดตามและบูรณาการการทำงานของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญต่อไป ทั้งนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน สร้างความมั่นคงทางการเมืองให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน หลังจากนั้นเชื่อว่า เศรษฐกิจของไทยมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น