อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม
คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
ครม.ไฟเขียวขึ้นบัญชี”ค่ายา-เวชภัณฑ์-บริการทางการแพทย์” เป็นสินค้าและบริการควบคุมปี”62
วันที่ 22 มกราคม 2562 เวลา 13.30 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ว่า ทางคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เกี่ยวกับสินค้าและบริการควบคุมปี 62 ดังนี้
1.คงรายการสินค้าและบริการควบคุม จำนวน 50 โดยปรับเพิ่มข้อความรายการสินค้าควบคุม จำนวน 1 รายการ คือ ข้าวสาลี ปรับเป็น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงงานอาหารสัตว์นำเข้าข้าวบาร์เลย์มากขึ้น,
2.ยกเลิกรายการสินค้าควบคุม 4 รายการ ดังนี้ เยื่อกระดาษ แบตเตอรี่รถยนต์ เม็ดพลาสติก และน้ําตาลทราย และ 3.เพิ่มรายการสินค้าและบริการควบคุม 2 รายการ ได้แก่ 1.เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค (หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์) เพื่อให้มีการ กำกับดูแลให้ครอบคลุมถึงเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จำเป็น และมีการใช้ในการรักษาพยาบาลเป็นจำนวน มาก เช่น ผ้าพันแผล สายน้ำเกลือ เข็มฉีดยา และ 2.บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล เกี่ยวกับการรักษาโรค (หมวดบริการ)
ทั้งนี้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการ ทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล เพื่อพิจารณาความพร้อมก่อนที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ตัวแทนจาก กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณะสุข กรมบัญชีกลาง สมาคมโรงพยาบาล เอกชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สนง.คกก. สุขภาพแห่งชาติ สนง.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
โดยการควบคุมการบริการและราคาสินค้าที่เกี่ยวกับเวชภัณฑ์จะยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ในขณะนี้ ยังคงต้องรอให้ทางคณะอนุกรรมการประชุมหารือแนวทางในอนาคตต่อไป
ที่มา : เว็บhttps://www.prachachat.net/economy/news-281047
วันที่ 22 มกราคม 2562 เวลา 13.30 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ว่า ทางคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เกี่ยวกับสินค้าและบริการควบคุมปี 62 ดังนี้
1.คงรายการสินค้าและบริการควบคุม จำนวน 50 โดยปรับเพิ่มข้อความรายการสินค้าควบคุม จำนวน 1 รายการ คือ ข้าวสาลี ปรับเป็น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงงานอาหารสัตว์นำเข้าข้าวบาร์เลย์มากขึ้น,
2.ยกเลิกรายการสินค้าควบคุม 4 รายการ ดังนี้ เยื่อกระดาษ แบตเตอรี่รถยนต์ เม็ดพลาสติก และน้ําตาลทราย และ 3.เพิ่มรายการสินค้าและบริการควบคุม 2 รายการ ได้แก่ 1.เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค (หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์) เพื่อให้มีการ กำกับดูแลให้ครอบคลุมถึงเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จำเป็น และมีการใช้ในการรักษาพยาบาลเป็นจำนวน มาก เช่น ผ้าพันแผล สายน้ำเกลือ เข็มฉีดยา และ 2.บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล เกี่ยวกับการรักษาโรค (หมวดบริการ)
ทั้งนี้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการ ทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล เพื่อพิจารณาความพร้อมก่อนที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ตัวแทนจาก กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณะสุข กรมบัญชีกลาง สมาคมโรงพยาบาล เอกชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สนง.คกก. สุขภาพแห่งชาติ สนง.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
โดยการควบคุมการบริการและราคาสินค้าที่เกี่ยวกับเวชภัณฑ์จะยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ในขณะนี้ ยังคงต้องรอให้ทางคณะอนุกรรมการประชุมหารือแนวทางในอนาคตต่อไป
ที่มา : เว็บhttps://www.prachachat.net/economy/news-281047
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น