อ่านชัด-อ่านครบ กด ดูเวอร์ชั่นสำหรับเว็บ (ด้านล่าง)
เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุุด หมื่นข้อ ภาค กข
+ 40 วิชาเอก) ที่ ห้องสอบด้านขวา หรือ
เว็บฟรีข้อสอบ 1,000 ชุด ที่ ติวสอบดอทคอม
คลิ๊ก www.tuewsob.com โดย อ.นิกร
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
เตรียมความรู้ผู้บริหารสถาน (รอง/ผอ.รร.)
เตรียมสอบติวสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ + ทั่วไป
ปลด “ใบเหลือง” IUU เพื่อการประมงไทยที่ยั่งยืน
IUU Fishing คืออะไร ?
IUU ย่อมาจาก Illegal, Unreported and Unregulated Fishing ซึ่งหมายถึงการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ซึ่งในขณะนี้ไทยได้รับใบเหลืองที่หมายถึงว่า สหภาพยุโรปกำหนดให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงที่จะถูกจัดให้เป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือ (possibility of identifying as non-cooperating country) ภายใต้กฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรป ซึ่งใบเหลืองถือเป็นเพียงการประกาศเตือนในเบื้องต้น เปิดโอกาสให้มีการเจรจาและแก้ไขปรับปรุงได้ ซึ่ง IUU Fishing นั้น
- เป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อการทำการประมงอย่างยั่งยืน
- ทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
- ส่งผลกระทบต่อระบบสังคมและเศรษฐกิจ
ทำไมไทยจึงได้ใบเหลือง ?
เพราะขาดการป้องกันและยับยั้งการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ไทยจึงได้รับใบเหลือง IUU
ไทยในฐานะรัฐเจ้าของธงเรือ (Flag State) รัฐเจ้าของท่า (Port State) รัฐชายฝั่ง (Coastal State) และรัฐเจ้าของตลาด (Market State) ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกรณีของกฎหมายสากล และยังไม่มีการดำเนินการเพื่อป้องกัน ยับยั้งและกำจัดการทำประมง IUU เท่าที่ควร นอกจากนี้ ยังขาดการติดตาม ควบคุม และดูแลกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับสำหรับสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ทั้งที่นำเข้ามาเพื่อการแปรรูปและส่งออกไปยังประเทศในแถบยุโรป ทำให้สหภาพยุโรปจำเป็นที่จะต้องออกประกาศแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ (ให้ใบเหลือง) แต่ยังไม่มีผลต่อการระงับการนำเข้าสินค้าประมงที่จับโดยเรือไทยที่ส่งไปขายในตลาดสหภาพยุโรปแต่อย่างใด ซึ่งสหภาพยุโรปให้ระยะเวลาไทยในการปรับปรุงแก้ไขภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งขึ้นบัญชีอย่างเป็นทางการ
หากไม่สามารถแก้ปัญหา IUU Fishing ได้ จะเกิดผลกระทบต่อระบบสังคมและเศรษฐกิจอย่างไร ?
สินค้าประมงไม่สามารถส่งออกไปยุโรปได้ ส่งผลให้ต้องเลิกจ้างงานจำนวนมาก
จากการถูกห้ามสินค้าในอุตสาหกรรมประมงที่ส่งเข้าไปขายในประเทศทางยุโรป โดยในภาพรวมจะทำให้ไทยสูญเสียมูลค่าการส่งออกนับแสนล้าน ผู้ประกอบอาชีพทำการประมงทั้งระบบจะประสบกับวิกฤต ทั้งเจ้าของกิจการเรือประมงในประเทศ แรงงานทั้งไทยและแรงงานต่างด้าว รวมทั้งผู้ประกอบการต้นทาง เช่น ผู้ประกอบการผลิตน้ำแข็ง อุปกรณ์การประมง รวมถึงผู้ประกอบการปลายทาง เช่น ผู้ส่งออกสินค้า ผู้จัดจำหน่าย ด้วย
การดำเนินการของไทยเพื่อแก้ไขปัญหา IUU Fishing
รัฐบาลเดินหน้าแก้ไข พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
กับ 6 ด้านที่ต้องลงมือทำทันที
ไทยได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการให้ความร่วมมือกับสหภาพยุโรปที่จะเข้ามาช่วยไทยแก้ไขปัญหาการประมง IUU และปัญหาด้านประมงอื่น ๆ ที่เรื้อรังมานาน เพื่อเป้าหมายในการสร้างระบบการบริหารจัดการประมงไทยให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการประมงไทยให้ได้ โดยได้มุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาจากทุกภาคส่วน จัดระบบติดตามงาน มีผู้รับผิดชอบ และฐานข้อมูลที่ชัดเจน เช่น เรื่องจำนวนเรือ จำนวนท่าเทียบเรือ การวิเคราะห์เป้าหมาย กระบวนการบังคับ การใช้กฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อชาวประมง พร้อมปรับแก้กฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติโดยนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมทั้งสร้างบทบาทในเวทีต่างประเทศ พร้อมกันนี้ได้กำหนดกรอบแก้ไขปัญหาใน 6 เรื่องสำคัญของประเด็น 6 ด้าน ดังนี้
- ด้านกฎหมาย มีการกำหนดเขตทะเล ชายฝั่ง ตาม พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 58 พ.ร.ก. การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 60 โดยได้ปรับแก้ไขในบางมาตราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ปัจจุบันได้กำหนดเขตทะเลชายฝั่งตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละจังหวัด กำหนดมาตรการ ควบคุม เฝ้าระวัง ทั้งเรือประมงในน่านน้ำและนอกน่านน้ำ การแจ้งเข้า-ออกของศูนย์ PIPO การติดระบบติดตามเรือ (VMS) รวมไปถึงการจัดระเบียบท่าเทียบเรือ
- ด้านการจัดการกองเรือ มีความชัดเจนของกองเรือประมง รวมทั้งเรือจม เรือหาย หรือขายไปต่างประเทศ ปัจจุบันพบว่าเรือประมงไทยสร้างความชัดเจนของสถานะจำนวนเรือประมงที่แน่นอน ทั้งพื้นบ้านและพาณิชย์ จัดทำอัตลักษณ์และวัดขนาดเรือประมง พาณิชย์ทุกลำ สำรวจความมีอยู่จริงแก้ปัญหาสวมเรือ (จม/ผุพัง/ขายไปที่อื่น) ควบคุมเรือที่ไม่มีใบอนุญาต และเรือที่มีคดีไม่ให้ออกไปทำประมงทั้งในและนอกน่านน้ำ ลดผลกระทบด้วยการซื้อเรือคืน และลดจำนวนเรือด้วยการควบรวมเรือประมง
- ด้านการติดตาม ควบคุม เฝ้าระวัง (MCS) มีการจัดตั้งศูนย์ควบคุมและเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) จัดตั้งศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (PIPO) 32 ศูนย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยปรับโครงสร้างของศูนย์ฯ และจำนวนเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับจำนวนเรือประมงที่แจ้งเข้าออก และจัดตั้งจุดตรวจเรือประมงส่วนหน้า (FIP) 19 ศูนย์ เพื่อเข้าไปสนับสนุนและประเมินผลการปฏิบัติ การติดระบบติดตามเรือประมง (VMS) ปัจจุบันมีผลบังคับให้เรือประมงพาณิชย์ (30 ตันกรอสขึ้นไป) และเรือสนับสนุนต่าง ๆ ต้องติด VMS ซึ่งได้ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
- ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ปัจจุบันมีการจดทะเบียนท่าเทียบเรือทั้งหมด 1,063 ท่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการและจัดระบบทุกท่าเทียบเรือ โดยต้องผ่านการตรวจสุขอนามัยและมีเอกสารการกำกับการซื้อขายด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถติดตาม ตรวจสอบสอบผลิตภัณฑ์ย้อนกลับไปยังแหล่งที่มาของสัตว์น้ำ และเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสัตว์น้ำจากการทำประมง IUU ขึ้นท่า แปรรูป และส่งออกไปจากประเทศ
- ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ได้เพิ่มประสิทธิภาพบังคับใช้กฎหมาย โดยประชุมหารือร่วมกันระหว่าง ตำรวจ อัยการ ศาล และตัวแทนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีกรอบการทำงานที่ชัดเจนและรวดเร็ว โดยศาลอาญาได้ตั้งคณะผู้พิพากษาคดีประมงแยกเป็นการเฉพาะ รวมทั้งกำหนดเวลาพิจารณาคดีให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
- ด้านแรงงาน ดำเนินการการปรับปรุง พ.ร.ก. บริหารแรงงานต่างด้าว (คาดว่าบังคับใช้ในเดือน มิ.ย. 61) การเข้าเป็นภาคีต่าง ๆ ภายในปี 61 เช่น C29 (แรงงานบังคับ), C188 (ความปลอดภัยการทำงานในทะเล), ILO98 (ส่งเสริมการเจรจา ต่อรอง) มีการวางระบบตรวจสอบแรงงานที่ศูนย์ PIPO อย่างชัดเจน เช่น แรงงานที่เข้าออกต้องตรงกัน ทั้งจำนวนและตัวตน การจัดล่ามสัมภาษณ์แรงงาน เพื่อสืบสวนการเอารัดเอาเปรียบ พฤติกรรมบังคับแรงงาน การค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก โดยแต่งตั้งคณะทำงานส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการรวมตัวของแรงงานประมงไทยและข้ามชาติ และมีการแถลงข่าวจัดตั้งสหภาพแรงงานลูกเรือประมงไทยและข้ามชาติ เป็นองค์กรลูกจ้างตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการรวมตัว คุ้มครองสิทธิ์ จากนั้น จะมีการประชุมด้านแรงงานระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) ภายในเดือน พ.ค. 61
นอกจากนี้ ครม. ยังได้มีมติ (3 เม.ย. 61) อนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการประมงปลอดจากสัตว์น้ำและสินค้าประมงจากการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับดูแล ขับเคลื่อน และผลักดัน เพื่อให้การดำเนินงานให้ไทยปลอดจากสัตว์น้ำและสินค้าประมง IUU เป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว และบรรลุผลสำเร็จตามเจตจำนงด้วย
ที่มา; เว็บ https://pmdu.soc.go.th/iuu/3920
ที่มา; เว็บ https://pmdu.soc.go.th/iuu/3920
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น