(คลิ๊กอ่าน) รายชื่อเขตที่เปิดสอบครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี 2557 90 เขต 39 เอก 1759 อัตรา
ข้อสอบออนไลน์ (สอบครู-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ล่าสุด
ติวสอบออนไลน์ ชุด สรุปย่อ ความรอบรู้ทั่วไป
ลิงค์ข้อสอบ ที่เกี่ยวข้องกับ "นโยบายรัฐบาล" โดย ติวสอบดอทคอม
http://tuewsob.blogspot.com/2013/11/blog-post_4.html
http://www.tuewsob.com/rr164.html
http://www.tuewsob.com/rr%20157%20pu%201.html
http://tuewsob.blogspot.com/2013/10/132556.html
http://tuewsob.blogspot.com/2013/10/blog-post_31.html
http://www.tuewsob.com/rr164.html
http://www.tuewsob.com/rr%20157%20pu%201.html
http://tuewsob.blogspot.com/2013/10/132556.html
http://tuewsob.blogspot.com/2013/10/blog-post_31.html
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 69/2557เสวนาการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค - นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมประชุมเสวนาการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2557 ที่ห้องราชาบอลรูม โดยมีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อนุกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านมาตรฐานการศึกษาและหลักสูตร คณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์/วิทยาศาสตร์/สังคมศาสตร์/มนุษยศาสตร์ ผู้บริหาร ศธ. รวมทั้งผู้บริหารจากหลายหน่วยงาน อาทิ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นายกสมาคมครู หน่วยงานการศึกษาสังกัดต่างๆ ที่ใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และนักวิชาการ เข้าร่วมกว่า 200 คน
รมว.ศธ. กล่าวเปิดการเสวนาในครั้งนี้ว่า การระดมความคิดเห็นครั้งนี้ เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยน นำไปสู่การดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจนก็จะส่งต่อไปยังคณะและองค์กรผู้รับผิดชอบนำหลักสูตรไปสู่ขั้นตอนการปฏิบัติต่อไป
ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อยุติของการปฏิรูปหลักสูตรและสามารถนำไปใช้ได้จริง จำเป็นต้องดำเนินการใน 2 ส่วน คือ
- รับฟังความคิดเห็นอย่างเต็มที่ของผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้ผลิต คือคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ไปจนถึงผู้ที่จะนำไปใช้ในระดับสถานศึกษา
- ส่งต่อเรื่องนี้จากคณะกรรมการหลักสูตรฯ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จากนั้นเสนอให้ รมว.ศธ. ลงนามประกาศใช้ต่อไป ซึ่งต้องการดำเนินโดยเร็วที่สุด โดยผ่านกระบวนการรับฟังอย่างดีและมีประสิทธิผล คือ ใช้แล้วเกิดผลดีจริงๆ และสอดคล้องกับการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาไทย ที่จะต้องมีการปรับปรุงการเรียนการสอนคู่ขนานไปกับหลักสูตร เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นและให้การดำเนินการทั้งหมดได้ผลดี มีประสิทธิผล และสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้
ในส่วนของสาระสำคัญของหลักสูตรใหม่ ก็คือ การปรับหลักสูตรให้สอดรับกับคุณลักษณะพึงประสงค์ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ ทักษะการทำงาน ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้ใหม่ๆ ในโลกที่มีข้อมูลข่าวสารมากมายอย่างไม่จำกัด ที่สามารถเผยแพร่หรือเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อต้องการให้ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์มากกว่าการท่องจำเนื้อหาสาระ โดยจะต้องปรับการเรียนการสอน เช่น ภาษาต่างประเทศ จะเน้นการเรียนเพื่อการสื่อสาร เรียนจากการใช้จริง รวมทั้งต้องปรับระบบการทดสอบวัดผลด้วย
นอกจากนี้ จำนวนชั่วโมงเรียนคาดว่าจะน้อยลง แต่จะจัดการเรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เน้นทักษะการเรียนรู้ โครงงาน การแก้ปัญหา ซึ่งเรื่องของเวลาการเรียนจะต้องพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ใช้เวลาเรียนมาก ได้ความรู้น้อย” เพราะในประเทศที่มีการแข่งขันด้านการศึกษาสูงๆ จำนวนเวลาเรียนจะรวมทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน คือ เวลาทำการบ้าน เวลาเตรียมตัว บางประเทศใช้เวลาเรียนมากจึงสำเร็จ แต่บางประเทศสำเร็จทั้งๆ ที่ใช้เวลาน้อยกว่า และบางประเทศเรียนไม่มากแต่ใช้เวลาที่เหลือในการทำกิจกรรมในโรงเรียน เป็นต้น
ความเห็นหลากหลาย
ต่อหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551
ต่อหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551
นางสาววีณา อัครธรรม ที่ปรึกษา สพฐ.ด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ กล่าวว่า พบข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ดังนี้
- หลักสูตรไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้หลายด้าน เช่น โครงสร้างเวลาเรียนชั้น ป.1-3 ไม่เอื้อต่อการพัฒนาการอ่าน การเขียน ควรจัดแบบบูรณาการ โดยเฉพาะกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เวลาเรียนยังไม่สอดคล้องกับจำนวนตัวชี้วัด และขอบข่ายแต่ละชั้นปีของสมรรถนะ คุณลักษณะ และทักษะ/กระบวนการไม่ชัดเจน
- สถานศึกษาให้ความสำคัญกับรายวิชาเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาวิชาการ มากกว่าทักษะชีวิตและการไปสู่อาชีพ โดยจัดการเรียนการสอนเน้นเนื้อหาสาระมากกว่าทักษะกระบวนการ ยึดหนังสือเรียน หน่วยการเรียนรู้/แผนการสอนของเอกชน จัดติววิชาการในเวลาของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และเน้นการประเมินเพื่อการตัดสิน
- การดำเนินการของ สพฐ. ได้แก่ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน จัดแผนการเรียนรู้คละชั้นสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก จัดหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ แผนการจัดการเรียนรู้ 200 วัน รวมทั้งวิเคราะห์ตัวชี้วัดเพื่อใช้สนับสนุนการเรียนรู้ และจัดทำแนวทางพัฒนาและวัดผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์
นายวรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง ผู้วิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) นำเสนอผลการวิจัย เรื่องการปรับหลักสูตรแกนกลาง ตามแนวทางการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
แนวคิดสำหรับหลักสูตรในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ 1) หลักสูตรกระชับ เน้นความสำคัญของแนวคิดหลัก คำถามสำคัญ กระบวนการ และวิธีการเรียนรู้ในสาขาวิชา โดยยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง 2) หลักสูตรช่างคิด เน้นการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงควบคู่กับการเรียนรู้เนื้อหา ผสมผสานเนื้อหากับกระบวนการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์จริง และการตั้งคำถาม “อย่างไร” และ “ทำไม” และ 3) หลักสูตรเชิงบูรณาการ เปิดโอกาสให้มีการจัดการเรียนการสอนข้ามสาขาวิชาผ่านโครงงาน ปัญหา หรือชุดประสบการณ์ และจัดคาบเรียนแบบหลอมรวม
โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง ดังนี้
- หลักการ เน้นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้หรือคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ ทำงาน และการดำรงชีวิต รวมทั้งจัดแบ่งสมรรถนะผู้เรียนอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทักษะอื่นๆ อย่างรอบด้าน และสอดแทรกสมรรถนะเข้าไปในหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
- สาระการเรียนรู้ ได้แก่ จัดการเรียนรู้โดยอิงกลุ่มสาระวิชา อิงการจัดการเรียนรู้เชิงบูรณาการ และจัดกลุ่มการเรียนรู้ให้เหลือเพียง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มภาษาและการสื่อสาร (รวมภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ) คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษาและมนุษยศาสตร์ เพื่อให้สถานศึกษามีอิสระในการจัดการเรียนรู้ ออกแบบสื่อการเรียนรู้และนำ ICT มาใช้สนับสนุนการเรียนการสอนแบบใหม่
- มาตรฐานการเรียนรู้ ได้แก่ ผสมผสานทักษะการสื่อสาร การแก้ไขปัญหา และความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้กับสถานการณ์จริง เน้นแนวคิดหลักของกลุ่มสาระวิชา เช่น กระบวนการแก้ไขปัญหาและใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ การหาความจริงด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ฯ เป็นต้น
- เวลาเรียน ต้องปรับเวลาเรียนขั้นต่ำทั้งหมดให้น้อยลงตามแนวคิด “สอนน้อยลง เรียนรู้มากขึ้น” การกำหนดจำนวนเวลาเรียนแต่ละกลุ่มสาระไม่ควรเป็นแบบตายตัว เพื่อให้สถานศึกษามีอิสระในการจัดการเรียนรู้ และออกแบบการเรียนรู้เชิงบูรณาการได้มากขึ้น
- การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ได้แก่ ประเมินจากความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ สนับสนุนการประเมินผลงานระดับสถานศึกษา และประเมินความเข้าใจและประยุกต์ใช้ความรู้ในระดับชาติ ปรับตัวชี้วัดจากทุกชั้นปีเป็นระดับช่วงชั้น 3 ระดับ ปรับตัวชี้วัดให้อิงทักษะหรือผลลัพธ์ในการเรียนรู้ที่สะท้อนพัฒนาการในแต่ละระดับอย่างชัดเจน และจัดทำชุดตัวชี้วัดที่หลากหลายสำหรับโรงเรียนที่ไม่สามารถออกแบบตัวชี้วัดด้วยตนเอง
ร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2557
ศ.ดร.สุมาลี ตั้งประดับกุล กรรมการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้นำเสนอร่างหลักสูตรดังกล่าวต่อที่ประชุม
- วิสัยทัศน์ “ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตที่ใช้ความรู้ ข้อมูล ทักษะการคิดในการเรียนรู้ ก้าวทันโลก พัฒนาตน อาชีพ และสังคม บนพื้นฐานจิตสำนึกพอเพียง ความสุจริตและคุณธรรม”
- 6 ค่านิยมและเจตคติ ได้แก่ 1) ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) สำนึกประชาธิปไตย 3) นับถือผู้อื่น 4) สำนึกต่อสังคม 5) ซื่อตรงยุติธรรม 6) เสียสละ
- 6 ทักษะแกนกลาง ได้แก่ 1) การเรียนรู้ตลอดชีวิต การดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่ 2) การจัดการ ความรับผิดชอบ การบริหารความขัดแย้ง ทักษะ ประชาธิปไตย 3) การคิดวิเคราะห์ คิดวิพากษ์ คิดสร้างสรรค์ 4) การแก้ปัญหา การเจริญสติ สร้างจิตปัญญา 5) การทำงานร่วมกับผู้อื่น 6) การสื่อสาร ถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
- 6 ประสบการณ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) การอ่าน 2) โครงงานบูรณาการ 3) สารสนเทศ 4) คุณธรรม จริยธรรม ความเป็นพลเมือง และจิตสำนึกพอเพียง 5) การพัฒนากายและจิต 6) การงานอาชีพ
- 6 กลุ่มความรู้ ได้แก่ 1) ภาษาและวรรณกรรม 2) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ 3) การดำรงชีวิตและโลกของงาน 4) สื่อ การสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ 5) สังคมและความเป็นมนุษย์ 6) ไทย อาเซียน ภูมิภาคและโลก
- การนำหลักสูตรลงสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) ผู้เรียน รับผิดชอบการเรียนรู้และพัฒนาทักษะตนเอง 2) ครู ผู้ช่วยขั้นตอนการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะตามระดับความสามารถของผู้เรียน 3) โรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษา สนับสนุนการบูรณาการความรู้และทักษะในเชิงราบและเชิงตั้ง โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์สร้างกลไกการพัฒนาผู้เรียนและครู
ข้อเสนอและประเด็นความคิดเห็นบางส่วนจากการเสวนา
ผศ.ดร.อรรณพ จีนะวัฒน์ ประธานกรรมการประจำสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า หลักสูตรใหม่ควรมีความยืดหยุ่น เน้นเนื้อหาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเน้นพัฒนาผู้เรียนที่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แทนการเป็นผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว ยกระดับจิตใจผู้เรียนให้สามารถอยู่รอดในโลกยุคใหม่ ผลิตครูที่มีความรู้ความสามารถในการสอน STAM และพัฒนาให้รู้เท่าทันเทคโนโลยี โดยเน้นการเรียนรู้จากContent ในเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดการเรียนแบบ Brain-based Learning มากขึ้น
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส จังหวัดชัยนาท กล่าวว่า หลักสูตรควรเน้นการเตรียมความพร้อมแก่เด็ก เพื่อให้รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์ของโลก เช่น การขาดแคลนอาหาร น้ำและน้ำมัน ปัญหาอาชญากรรม คุณธรรมจริยธรรมเสื่อม จะเสริมด้วยวิชาการด้านใดเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในอนาคต โดยอาจจะใช้จุดเด่นของประเทศ ที่ประเทศอื่นๆ ไม่มี เช่น ธรรมะ การรู้จักตนเอง รู้ที่มา/จุดมุ่งหมายของการใช้ชีวิต คุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น
นายชัยอนันต์ แก่นดี ผู้อำนวยการโรงเรียนทวีธาภิเศก กรุงเทพฯ กล่าว่าเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงหลักสูตร โดยขอให้มีกระบวนการเรียนการสอนและเครื่องมือในการวัดและประเมินผลที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
นายก่อศักดิ์ ศรีน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขอให้สะท้อนข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการใช้หลักสูตรฯ พ.ศ.2551 ต่อครู เพื่อสื่อสารและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ห้องเรียน ครูและนักเรียน โดยจะต้องจัดอบรมและให้ความรู้แก่ครูและศึกษานิเทศก์เกี่ยวกับหลักสูตรใหม่ก่อนนำไปใช้เป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งเพิ่มตัวชี้วัดเรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นลงไปในหลักสูตรด้วย
นางสาวสุภาวดี วงษ์สกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปรับหลักสูตร แต่ขอให้นำหลักสูตรลงไปถึงครูและห้องเรียนจริงๆ ในส่วนของการพัฒนาครูในระบบให้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สำหรับครูใหม่ที่ศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ควรผลิตด้วยหลักคิดและเนื้อหาหลักสูตรใหม่ รวมทั้งขอให้ผลิตนักวัดและประเมินผลเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดแคลนด้วย
นางสาววิมลรัตน์ ศรีสุข ครูโรงเรียนกำแพงเพชรวิทยาคม จังหวัดกำแพงเพชร กล่าวแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับการนำผลการประเมินระดับนานาชาติ PISA มาใช้เป็นแนวทางหลักในการปรับปรุงหลักสูตร ทำให้เนื้อหาภูมิปัญญาไทยและความภาคภูมิใจในความเป็นไทยขาดหายไป ส่งผลให้การกำหนดผลเรียนรู้เรื่องของงานบ้าน งานผ้า งานคหกรรม สมุนไพร ฯลฯ ขาดหายไปด้วย
รมว.ศธ.กล่าวเพิ่มเติมถึงขั้นตอนที่จะต้องให้ความสำคัญคือ การนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในระดับโรงเรียน ซึ่งจะต้องยกเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพื่อหารือกับผู้จัดทำหลักสูตร ผู้ใช้หลักสูตร หรือผู้มีประสบการณ์ ในการคิดกระบวนการนำหลักสูตรไปสู่โรงเรียนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการดำเนินการในส่วนอื่นๆ ต่อไปด้วย เช่น การวัดและประเมินผล การออกแบบสื่อการเรียนการสอน โดยได้มอบให้ สพฐ.รวบรวมประเด็นที่จะเป็นกรอบการระดมความเห็นในครั้งต่อไป เพื่อให้การเสวนาเจาะลึกในรายละเอียดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ที่มา ; เว็บสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
ปฏิทินสอบครูผู้ช่วย 17-24 มี.ค. ว่าง 1.7 พัน อัตรา
ก.ค.ศ.เคาะปฏิทินสอบครูผู้ช่วย 17-24 มี.ค.นี้ สอบครูผู้ช่วยอัตราว่าง 1,700 อัตรา ใน 40 วิชาเอก สาขาคณิตเปิดรับมากสุด
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เพื่อกำหนดปฏิทินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีทั่วไป ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2557 แล้วหลังจากที่ประชุม ก.ค.ศ.นัดที่ผ่านมาได้เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขัน และได้มอบให้ สพฐ.และ ก.ค.ศ.มากำหนดปฏิทินดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้ ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน 17-24 มีนาคม ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแข่งขันภายในวันที่ 8 เมษายน ดำเนินการสอบแข่งขันภาค ก. ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชาชีพครู วันที่ 19 เมษายน ภาค ข. ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง วันที่ 20 เมษายน ประกาศรายชื่อผู้ทีสิทธิ์สอบภาค ค. หรือสอบสัมภาษณ์ ภายในวันที่ 24 เมษายน สอบภาค ค. ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน เป็นต้นไป และจะประกาศผลการสอบแข่งขันภายในวันที่ 2 พฤษภาคม โดย สพฐ.จะเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.รับทราบต่อไป และคาดว่าไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรอีก
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า สำหรับเขตพื้นที่การศึกษาที่จะดำเนินการสอบแข่งขันครั้งนี้มีจำนวน 87 เขตพื้นที่การศึกษา และ 1 สำนักบริหารการศึกษาพิเศษ มีอัตราว่างที่สอบแข่งขันใน 40 วิชาเอก จำนวน 1,700 อัตรา แยกเป็นสาขาวิชาเอกดังนี้ ภาษาไทย 275 อัตรา คณิตศาสตร์ 364 อัตรา ภาษาอังกฤษ 189 อัตรา ภาษาจีน 45 อัตรา ภาษาเกาหลี 1 อัตรา ภาษาญี่ปุ่น 9 อัตรา ภาษาฝรั่งเศส 2 อัตรา วิทยาศาสตร์ 65 อัตรา วิทยาศาสตร์ทั่วไป 31 อัตรา ฟิสิกส์ 84 อัตรา เคมี 28 อัตรา ชีววิทยา 18 อัตรา สังคมศึกษา 94 อัตรา พลศึกษา 66 อัตรา สุขศึกษา 7 อัตรา ดนตรีศึกษา 29 อัตรา ดนตรีไทย 15 อัตรา ดนตรีสากล 21 อัตรา ดุริยางคศิลป์ 2 อัตรา ศิลปศึกษา 30 อัตรา ทัศนศิลป์ 5 อัตรา วิจิตรศิลป์ 1 อัตรา นาฏศิลป์ 38 อัตรา คอมพิวเตอร์ 52 อัตรา อุตสาหกรรมศิลป์ 6 อัตรา เกษตร 8 อัตรา คหกรรม 9 อัตรา ปฐมวัย/อนุบาลศึกษา 111 อัตรา ประถมศึกษา 46 อัตรา จิตวิทยาและการแนะแนว 11 อัตรา เทคโนโลยีทางการศึกษา 3 อัตรา บรรณารักษ์ 5 อัตรา การเงิน/บัญชี 10 อัตรา วัดผลและประเมินผลการศึกษา 2 อัตรา โสตทัศนศึกษา 1 อัตรา ธุรกิจ 1 อัตรา การศึกษาพิเศษ 4 อัตรา กิจกรรมบำบัด 4 อัตรา กายภาพบำบัด 4 อัตรา หูหนวกศึกษา 4 อัตรา
ทั้งนี้ สำหรับเขตพื้นที่การศึกษาที่เปิดสอบแข่งขันในครั้งนี้ อาทิ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 6 ฉะเชิงเทรา จำนวน 131 อัตรา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ระนอง 81 อัตรา สพป.ภูเก็ต 73 อัตรา สพม.2 กรุงเทพมหานคร จำนวน 65 อัตรา สพป.สมุทรสาคร 55 อัตรา สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 3 จำนวน 50 อัตรา สพป.พังงา 49 อัตรา เป็นต้น.
ที่มา: http://www.thaipost.net
... เน็ตช้า คลิ๊กที่ http://tuewsob.blogspot.com
... ห้องวิชาเอกครู ห้อง 1 คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com
... ห้องวิชาเอกครู ห้อง 2 คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com
... (ห้องข้อสอบใหม่) ..สอบครู..สอบผู้บริหาร..สอบบุค ลากร ที่
"ติวสอบดอทคอม " เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย (ผอ.นิกร เพ็งลี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น