เรื่องใหม่น่าสนใจ (ทั้งหมด ที่ )
(เนื้อหา-ข้อสอบ 1,000 ชุด หมื่นข้อ ภาค กข+ 40 วิชาเอก) ที่
ติวสอบดอทคอม คลิ๊ก www.tuewsob.com
-คู่มือ 4 ชุด นโยบาย บริบริหาร ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
-เกณฑ์ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ โดย สมศ.
- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ โดย อ.นิกร
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ โดย อ.นิกร
เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 23/2559 งานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559
กระทรวงศึกษาธิการ จัดงานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559 ภายใต้คำขวัญ “อนาคตก้าวไกล ด้วยครูดี มีคุณภาพ” เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ และผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่มีผลงานดีเด่นระดับชาติ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2559 โดยมีกิจกรรมที่สำคัญดังนี้
เวลา 7.00 น. พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียนมัธยมวัดมกุฎกษัตริย์
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียนมัธยมวัดมกุฎกษัตริย์ โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารองค์กรหลัก คณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ คณะอนุกรรมการจัดงานวันครูฯ ตลอดจนผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมพิธี
เวลา 8.15 น. พิธีบำเพ็ญกุศลและพิธีบูชาบูรพาจารย์ ที่หอประชุมคุรุสภา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่ครูผู้วายชนม์ พร้อมถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จากนั้นได้ประกอบพิธีบูชาบูรพาจารย์ โดยได้จุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยถวายสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” และได้ร่วมพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ล่วงลับโดยการยืนสงบนิ่ง การอ่านโองการอัญเชิญบูรพาจารย์ สวดฉันท์บูชาพระคุณบูรพาจารย์ และถวายสัตย์ปฏิญาณ พร้อมทั้งมอบของที่ระลึกแก่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อ่านโองการอัญเชิญบูรพาจารย์, นายเชิดศักดิ์ ศุภโสภณ ครูอาวุโสนอกประจำการ ผู้นำสวดฉันท์บูชาพระคุณบูรพาจารย์ และนายเฉลิมพร พงศ์ธีระวรรณ ครูอาวุโสในประจำการ ผู้นำถวายสัตย์ปฏิญาณ
เวลา 9.00 น. พิธีการงานวันครู ครั้งที่ 60 ที่หอประชุมคุรุสภา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง และผู้บริหารองค์กรหลัก ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานพิธีการงานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559 โดยมีข้าราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมกว่า 1,000 คน
รมว. ศึกษาธิการ กล่าวรายงานการจัดงานว่า ในนามของคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู และผู้ประกอบวิชาชีพครูทั่วประเทศ ขอกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในงานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559 ในครั้งนี้
กระทรวงศึกษาธิการและคุรุสภา จัดงานวันครูขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 และได้มีการจัดงานวันครูต่อเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปี การจัดงานในปีนี้ถือเป็นปีที่ 60 ของการจัดงานวันครู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมทั้งผู้มีคุณูปการต่อวงการการศึกษาของชาติ และเพื่อส่งเสริมสามัคคีธรรมของครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
การจัดงานวันครูในปีนี้ กระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้สถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันจัดงานวันครูโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ในส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาแห่งนี้ และในส่วนภูมิภาค จัดที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือสถานศึกษาที่คณะกรรมการจัดงานเห็นสมควร โดยมีกิจกรรมที่ร่วมกันปฏิบัติเป็นประเพณีสืบมาทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค คือ พิธีการทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับครูที่ล่วงลับไปแล้ว และพิธีบูชาบูรพาจารย์ มีการมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ขอให้สถานศึกษาทุกแห่ง ได้กำหนดคำขวัญวันครู ให้เป็นคำขวัญประจำสถานศึกษาของตนเองตลอดปี 2559 เป็นคำขวัญที่สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา และจัดให้ครูทุกคนได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน เพื่อแสดงถึงการให้คำมั่นสัญญา ในการประกอบวิชาชีพ และความรับผิดชอบต่อเยาวชนและการศึกษาของชาติ รวมทั้งการขอให้สถานศึกษาทุกแห่งจัดกิจกรรม “ครูเยี่ยมบ้านเด็ก” ในสัปดาห์วันครู เพื่อเป็นการแสดงถึงความรักและความห่วงใยต่อศิษย์ และเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างครูและพ่อแม่ผู้ปกครองที่เกี่ยวกับเด็กเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ถวายเครื่องสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จากนั้นได้วางพวงมาลัยสักการะปฐมบูรพาจารย์ และประกอบพิธีคารวะครูอาวุโสแก่ครูเจริญ ทั่งทอง และครูธานี คุ้มชนะ ซึ่งเป็นครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 แก่นายกรัฐมนตรีที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีและน้อมรำลึกถึงพระคุณครู และมอบโล่รางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ จำนวน 7 รางวัล และผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ได้รับรางวัล “คุรุสภา” จำนวน 26 รางวัล พร้อมทั้งมอบโอวาทแก่ผู้ประกอบวิชาชีพครูทั่วประเทศ โดยมีใจความสำคัญสรุปดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับครูผู้ได้รับรางวัลทุกคน พร้อมทั้งกล่าวว่าการกำหนดให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็นวันครู เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อครูและให้ครูเป็นผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูในสังคม เพราะครูเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมากในการให้การศึกษาเรียนรู้และประสบการณ์แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งบทบาทของครูที่สำคัญที่สุด คือบทบาทต่อนักเรียน ที่จะต้องใส่ใจดูแล อบรมสั่งสอนด้วยความเสียสละ ทุ่มเท เพื่อทำให้เด็กมีความรู้ความสามารถ อ่านออกเขียนได้ คิดวิเคราะห์ได้ คิดในใจได้ ขอให้ครูอย่าเน้นเพียงแค่สอนเพื่อสอบผ่านอย่างเดียว ให้คำนึงถึงคุณภาพของลูกศิษย์ด้วยว่าจบแล้วได้เรียนต่อหรือไม่ สามารถหางานทำได้หรือไม่ หากพบปัญหาส่วนใดก็ต้องหาสาเหตุที่แท้จริงให้เจอและแก้ปัญหาต่อไป
นอกจากครูจะสอนให้เด็กเก่งแล้ว จะต้องสอนให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนเอง มีวินัย มีจิตสาธารณะ พร้อมทั้งเข้าใจบทบาทตนเองด้วย ในขณะเดียวกันขอให้ครูพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ของตนเองเพื่อช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาล การเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน การเรียนรู้ตลอดทุกช่วงวัย กฎหมาย ระบบภาษี เป็นต้น รวมทั้งต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน เช่นเทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆ โดยต้องศึกษาเรียนรู้และนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน เช่น การบูรณาการการเรียนการสอนระหว่างครูจริงกับครูกูเกิล เพื่อให้ครูมีความรู้เท่าทันเด็กในยุคปัจจุบันและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเองด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยได้มอบนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการขับเคลื่อน พร้อมทั้งจะวางแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการศึกษาระยะยาว เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพคนของประเทศให้มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ฉะนั้นไม่ว่าใครจะมาทำหน้าที่บริหารงานการศึกษาก็ควรต้องเดินหน้าตามแผนนี้ เพราะที่ผ่านมาแผนการศึกษาชาติยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร เพราะหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการยังมีการบริหารงานแบบกำกับดูแล แต่ไม่มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน จึงขอให้องค์กรหลักทั้ง 5 หน่วยงาน ได้มาร่วมหารือกันเพื่อกำหนดเป้าหมาย แนวทางการดำเนินงานที่จะต้องทำร่วมกัน เพื่อพัฒนาขับเคลื่อนการพัฒนาคนของประเทศให้ได้ นอกจากนี้ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินนโยบายประชารัฐ ที่ได้ร่วมมือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นส่วนหนึ่งด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวฝากให้ครูช่วยปลูกฝังนักเรียนให้มีความเคารพกฎหมายและช่วยกันลดปัญหาสังคม เช่น ปัญหาเด็กแว้น ปัญหาห้องก่อนวัยอันสมควร ปัญหาทะเลาะวิวาทและความขัดแย้ง พร้อมทั้งช่วยสอดส่องดูแลให้ความช่วยเหลือลูกศิษย์ที่มีปัญหาด้านต่างๆ ในส่วนบทบาทต่อสังคม ต้องการให้ครูช่วยกันทำบ้านเมืองให้สะอาด สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน ลดความหวาดระแวงของคนในสังคม เพื่อผลประโยชน์ที่เป็นธรรมในสังคมต่อไป อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศ โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของคนในสังคม การศึกษาจึงเป็นรากฐานสำคัญที่จะต้องได้รับการสนับสนุนให้เข้มแข็งมั่นคงก่อน ดังนั้นเป้าหมายของการดำเนินงานด้านการศึกษา จึงเป็นเรื่องของการปรับปรุงระบบต่างๆ ให้เหมาะสมมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนการพัฒนาครูให้ก้าวไปสู่อนาคต ทั้งในการทำหน้าที่และคุณภาพชีวิตของครู ดังเช่นคำขวัญวันครู ปี 2559 “อนาคตก้าวไกล ด้วยครูดี มีคุณภาพ” ซึ่งรัฐบาลจะดูแลการดำรงชีวิตและการครองชีพของครูให้สามารถอยู่ได้อย่างมีเกียรติ และสมศักดิ์ศรีที่เป็นผู้อบรมเยาวชนอนาคตของชาติ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับมอบข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาวิชาชีพการศึกษา จากนายพิษณุ ตุลสุข ผู้แทนครู โดยมีข้อเสนอใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1) การเชิดชูเกียรติภูมิคุรุสภา ในฐานะสภาวิชาชีพ 2) สร้างมาตรฐานและธรรมาภิบาลการบริหารงานบุคคลภายใต้ระบบบริหาร-ระบบค่าตอบแทนเดียวกัน 3) เสริมคุณภาพ อุดมการณ์และจิตวิญญาณความเป็นครู 4) ตั้งสถาบันพระมหาธีรราชเจ้า เพื่อสร้างนักบริหารและผู้นำการเปลี่ยนแปลง 5) คืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้ครู
เวลา 14.00 น. พิธีคารวะครูอาวุโสและพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติระดับประเทศ ที่หอประชุมคุรุสภา
รมว.ศึกษาธิการ ได้ประกอบพิธีคารวะครู โดยนำพวงมาลัย ธูปเทียนแพ พร้อมของที่ระลึกมอบแก่ครูประทวน เจริญจิตต์ และครูพิศศรี กมลเวชช เพื่อเป็นการคารวะครูผู้สอนทั้งสองท่าน จากนั้นเป็นประธานพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติระดับประเทศ จำนวน 541 รางวัล ได้แก่ ครูภาษาไทยดีเด่น 50 คน, รางวัลครูภาษาฝรั่งเศส 6 คน, ผู้แทนสถานศึกษาที่ได้รับรางวัลหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม 79 คน, รางวัลผลงานวิจัยระดับประเทศของคุรุสภา 3 คน, รางวัลครูผู้อุทิศตนและเสียสละ 1 คน, รางวัลคุรุคุณธรรม 164 คน, ผู้ชนะการประกวดข้อเขียน 8 คน,ผู้ชนะการประกวดวาดภาพ 24 คน, ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและนักเรียนที่ได้รับทุนของมูลนิธิทวี บุณยเกตุ 6 คน, ครูผู้ปฏิบัติตนและเป็นแบบอย่างที่ดี 1 คน, ครูดีในดวงใจ 215 คน และบุคลากร สพฐ.ดีเด่น 4 คน
จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนทุกคนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ พร้อมให้โอวาทมีใจความตอนหนึ่งว่า จากการรับฟังเพลงพระคุณที่สามตลอดช่วงจัดงานวันครู ต้องชื่นชมผู้แต่งที่สามารถดึงบทบาทของครูออกมาเขียนเป็นเพลงได้อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าครูต้องมีความสำคัญถึงได้มีการเปรียบให้ครูเป็นเสมือนพระคุณที่สาม รองลงมาจากพระคุณที่หนึ่งคือพระรัตนตรัย พระคุณที่สองคือพ่อแม่ ดังนั้นหน้าที่และภาระของครูจึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ที่จะต้องให้การอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนให้เติบโตขึ้นมาอย่างดีงาม ทั้งทางด้านวิชาการและจิตใจ และเพื่อให้เรามีครูดีครูเก่งเพิ่มขึ้น จึงขอให้ครูที่ได้รับรางวัลทุกคนช่วยกันขยายผลความดี-เก่งของตนออกไปให้ครูคนอื่นๆ ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากผลสำเร็จหรือแบบอย่างครูที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ขอให้ครูร่วมกันขับเคลื่อนงานของกระทรวงศึกษาธิการในช่วงระยะเวลาของ Road Mapการปฏิรูปที่เหลือใน 3 ประเด็นหลัก คือ
1) การแก้ไขปัญหาครูไม่ครบชั้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมดำเนินการโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน คือ โครงการคืนครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน โดยจ้างครูเกษียณที่สอนวิชาหลัก ให้ไปสอนในพื้นที่ที่ขาดแคลน จำนวน 1,097 คนในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2559 และอีก 10,000 คนในปี 2560 และโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (คพท.)หรือโครงการคุรุทายาทเดิม โดยรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่มีผลการเรียน 3.00 ขึ้นไป เพื่อเรียนหลักสูตรครูเป็นเวลา 5 ปี จากนั้นจะบรรจุเป็นครูทดแทนอัตราเกษียณตามภูมิลำเนา และให้ทุนกู้ยืมเรียนจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 100% ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายในระยะ 10 ปี (ปี 2559-2569) เพื่อผลิตครูจำนวน 45,000 คน โดยจะเริ่มดำเนินการปีการศึกษา 2559 เป็นต้นไป
2) โรงเรียนไม่ผ่านการประเมินคุณภาพสถานศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำลังพิจารณาปรับปรุงการประเมินทั้งระบบ เพื่อให้ตอบโจทย์การจัดการศึกษาหลากหลายรูปแบบและการพัฒนาสถานศึกษาทุกขนาด รวมทั้งระบบการออกข้อสอบที่ต้องนำมาพิจารณาว่า การออกข้อสอบสอดคล้องกับเนื้อหาในแบบเรียนหรือไม่อย่างไร และจะต้องมีการลดภาระงานครูที่ไม่ใช่การสอนประกอบกันไปด้วย
3) การยกระดับภาษาอังกฤษ เพราะขณะนี้ทักษะความสามารถด้านภาษาอังกฤษของประเทศอยู่ในระดับต่ำมาก คืออยู่ในอันดับที่ 48 จาก 63 ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และอยู่ในอันดับที่ 5 ของประเทศอาเซียน ซึ่งมีคนไทยเพียง 10 % หรือ 6.54 ล้านคน ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้บุคคลของเราสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับนานาประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดกลุ่มปัญหาที่ต้องดำเนินการในช่วงของการปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งสิ้น 31 ปัญหาหลัก ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการ 63 โครงการเพื่อขับเคลื่อนงานใน 6 ด้านหลักที่สำคัญ คือหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้-การผลิตและพัฒนาครู-การผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ-การบริหารจัดการกระทรวงศึกษาธิการ-การทดสอบ การประเมิน การประกันคุณภาพและการพัฒนามาตรฐานการศึกษา-ICT เพื่อการศึกษาผ่านโครงการ ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าในหลายโครงการ ดังนี้ โครงการที่ดำเนินการแล้วและมีผลลัพธ์แล้ว 16 โครงการ, โครงการที่เริ่มทำแล้ว แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน 35 โครงการ, โครงการที่เตรียมจะดำเนินการ 12 โครงการ
ถ่าย ภาพ : ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี
ในโอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลอีกครั้ง โดยขอให้ทุกคนรักษาความดีความภาคภูมิใจนี้ไว้ ตลอดจนเผื่อแผ่ไปยังครูผู้อื่นต่อๆ ไปด้วย ซึ่งก็คาดหวังว่าครูที่ได้รับรางวัลในปีต่อไปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะยิ่งเราสามารถขยายครูดีครูเก่งได้มากเท่าไร การขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปประเทศก็ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 23/2559 งานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559
รมว. ศึกษาธิการ กล่าวรายงานการจัดงานว่า ในนามของคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู และผู้ประกอบวิชาชีพครูทั่วประเทศ ขอกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในงานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559 ในครั้งนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวฝากให้ครูช่วยปลูกฝังนักเรียนให้มีความเคารพกฎหมายและช่วยกันลดปัญหาสังคม เช่น ปัญหาเด็กแว้น ปัญหาห้องก่อนวัยอันสมควร ปัญหาทะเลาะวิวาทและความขัดแย้ง พร้อมทั้งช่วยสอดส่องดูแลให้ความช่วยเหลือลูกศิษย์ที่มีปัญหาด้านต่างๆ ในส่วนบทบาทต่อสังคม ต้องการให้ครูช่วยกันทำบ้านเมืองให้สะอาด สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน ลดความหวาดระแวงของคนในสังคม เพื่อผลประโยชน์ที่เป็นธรรมในสังคมต่อไป อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศ โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของคนในสังคม การศึกษาจึงเป็นรากฐานสำคัญที่จะต้องได้รับการสนับสนุนให้เข้มแข็งมั่นคงก่อน ดังนั้นเป้าหมายของการดำเนินงานด้านการศึกษา จึงเป็นเรื่องของการปรับปรุงระบบต่างๆ ให้เหมาะสมมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนการพัฒนาครูให้ก้าวไปสู่อนาคต ทั้งในการทำหน้าที่และคุณภาพชีวิตของครู ดังเช่นคำขวัญวันครู ปี 2559 “อนาคตก้าวไกล ด้วยครูดี มีคุณภาพ” ซึ่งรัฐบาลจะดูแลการดำรงชีวิตและการครองชีพของครูให้สามารถอยู่ได้อย่างมีเกียรติ และสมศักดิ์ศรีที่เป็นผู้อบรมเยาวชนอนาคตของชาติ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับมอบข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาวิชาชีพการศึกษา จากนายพิษณุ ตุลสุข ผู้แทนครู โดยมีข้อเสนอใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1) การเชิดชูเกียรติภูมิคุรุสภา ในฐานะสภาวิชาชีพ 2) สร้างมาตรฐานและธรรมาภิบาลการบริหารงานบุคคลภายใต้ระบบบริหาร-ระบบค่าตอบแทนเดียวกัน 3) เสริมคุณภาพ อุดมการณ์และจิตวิญญาณความเป็นครู 4) ตั้งสถาบันพระมหาธีรราชเจ้า เพื่อสร้างนักบริหารและผู้นำการเปลี่ยนแปลง 5) คืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้ครู
เวลา 14.00 น. พิธีคารวะครูอาวุโสและพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติระดับประเทศ ที่หอประชุมคุรุสภา
รมว.ศึกษาธิการ ได้ประกอบพิธีคารวะครู โดยนำพวงมาลัย ธูปเทียนแพ พร้อมของที่ระลึกมอบแก่ครูประทวน เจริญจิตต์ และครูพิศศรี กมลเวชช เพื่อเป็นการคารวะครูผู้สอนทั้งสองท่าน จากนั้นเป็นประธานพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติระดับประเทศ จำนวน 541 รางวัล ได้แก่ ครูภาษาไทยดีเด่น 50 คน, รางวัลครูภาษาฝรั่งเศส 6 คน, ผู้แทนสถานศึกษาที่ได้รับรางวัลหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม 79 คน, รางวัลผลงานวิจัยระดับประเทศของคุรุสภา 3 คน, รางวัลครูผู้อุทิศตนและเสียสละ 1 คน, รางวัลคุรุคุณธรรม 164 คน, ผู้ชนะการประกวดข้อเขียน 8 คน,ผู้ชนะการประกวดวาดภาพ 24 คน, ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและนักเรียนที่ได้รับทุนของมูลนิธิทวี บุณยเกตุ 6 คน, ครูผู้ปฏิบัติตนและเป็นแบบอย่างที่ดี 1 คน, ครูดีในดวงใจ 215 คน และบุคลากร สพฐ.ดีเด่น 4 คน
จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนทุกคนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ พร้อมให้โอวาทมีใจความตอนหนึ่งว่า จากการรับฟังเพลงพระคุณที่สามตลอดช่วงจัดงานวันครู ต้องชื่นชมผู้แต่งที่สามารถดึงบทบาทของครูออกมาเขียนเป็นเพลงได้อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าครูต้องมีความสำคัญถึงได้มีการเปรียบให้ครูเป็นเสมือนพระคุณที่สาม รองลงมาจากพระคุณที่หนึ่งคือพระรัตนตรัย พระคุณที่สองคือพ่อแม่ ดังนั้นหน้าที่และภาระของครูจึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ที่จะต้องให้การอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนให้เติบโตขึ้นมาอย่างดีงาม ทั้งทางด้านวิชาการและจิตใจ และเพื่อให้เรามีครูดีครูเก่งเพิ่มขึ้น จึงขอให้ครูที่ได้รับรางวัลทุกคนช่วยกันขยายผลความดี-เก่งของตนออกไปให้ครูคนอื่นๆ ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากผลสำเร็จหรือแบบอย่างครูที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ขอให้ครูร่วมกันขับเคลื่อนงานของกระทรวงศึกษาธิการในช่วงระยะเวลาของ Road Mapการปฏิรูปที่เหลือใน 3 ประเด็นหลัก คือ
1) การแก้ไขปัญหาครูไม่ครบชั้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมดำเนินการโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน คือ โครงการคืนครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน โดยจ้างครูเกษียณที่สอนวิชาหลัก ให้ไปสอนในพื้นที่ที่ขาดแคลน จำนวน 1,097 คนในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2559 และอีก 10,000 คนในปี 2560 และโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (คพท.)หรือโครงการคุรุทายาทเดิม โดยรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่มีผลการเรียน 3.00 ขึ้นไป เพื่อเรียนหลักสูตรครูเป็นเวลา 5 ปี จากนั้นจะบรรจุเป็นครูทดแทนอัตราเกษียณตามภูมิลำเนา และให้ทุนกู้ยืมเรียนจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 100% ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายในระยะ 10 ปี (ปี 2559-2569) เพื่อผลิตครูจำนวน 45,000 คน โดยจะเริ่มดำเนินการปีการศึกษา 2559 เป็นต้นไป
2) โรงเรียนไม่ผ่านการประเมินคุณภาพสถานศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำลังพิจารณาปรับปรุงการประเมินทั้งระบบ เพื่อให้ตอบโจทย์การจัดการศึกษาหลากหลายรูปแบบและการพัฒนาสถานศึกษาทุกขนาด รวมทั้งระบบการออกข้อสอบที่ต้องนำมาพิจารณาว่า การออกข้อสอบสอดคล้องกับเนื้อหาในแบบเรียนหรือไม่อย่างไร และจะต้องมีการลดภาระงานครูที่ไม่ใช่การสอนประกอบกันไปด้วย
3) การยกระดับภาษาอังกฤษ เพราะขณะนี้ทักษะความสามารถด้านภาษาอังกฤษของประเทศอยู่ในระดับต่ำมาก คืออยู่ในอันดับที่ 48 จาก 63 ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และอยู่ในอันดับที่ 5 ของประเทศอาเซียน ซึ่งมีคนไทยเพียง 10 % หรือ 6.54 ล้านคน ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้บุคคลของเราสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับนานาประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดกลุ่มปัญหาที่ต้องดำเนินการในช่วงของการปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งสิ้น 31 ปัญหาหลัก ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการ 63 โครงการเพื่อขับเคลื่อนงานใน 6 ด้านหลักที่สำคัญ คือหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้-การผลิตและพัฒนาครู-การผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ-การบริหารจัดการกระทรวงศึกษาธิการ-การทดสอบ การประเมิน การประกันคุณภาพและการพัฒนามาตรฐานการศึกษา-ICT เพื่อการศึกษาผ่านโครงการ ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าในหลายโครงการ ดังนี้ โครงการที่ดำเนินการแล้วและมีผลลัพธ์แล้ว 16 โครงการ, โครงการที่เริ่มทำแล้ว แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน 35 โครงการ, โครงการที่เตรียมจะดำเนินการ 12 โครงการ
ในโอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลอีกครั้ง โดยขอให้ทุกคนรักษาความดีความภาคภูมิใจนี้ไว้ ตลอดจนเผื่อแผ่ไปยังครูผู้อื่นต่อๆ ไปด้วย ซึ่งก็คาดหวังว่าครูที่ได้รับรางวัลในปีต่อไปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะยิ่งเราสามารถขยายครูดีครูเก่งได้มากเท่าไร การขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปประเทศก็ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น
ที่มา ; เว็บ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
( คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
เตรียมสอบครูผู้ช่วย
เตรียมสอบผู้บริหารสถาน+การศึกษา
เตรียมสอบครูผู้ช่วย
ฟรี... ห้องเตรียม-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
ฟรี... ห้องเตรียม-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น