เพื่อไทย วิจารณ์ร่าง รธน. ไม่รับอำนาจอธิปไตยเป็นของ ปชช. ชี้ เปิดโอกาสสืบทอดอำนาจมีรัฐบาลอ่อนแอ ซัด องค์กรอิสระ-ศาลรัฐธรรมนูญ ควบคุมรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง อ้าง ยากแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ
วันที่ 29 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอความเห็นมาโดยตลอดว่า ประเทศไทยต้องมีรัฐธรรมนูญที่ดี มีความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล เคารพในสิทธิมนุษยชน ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม มีดุลยภาพและความรับผิดชอบขององค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยอย่างเหมาะสม ให้ความเคารพในอำนาจตัดสินใจของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และผลักดันการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม
พรรคเพื่อไทย ได้เคยเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งสรุปสาระสำคัญโดยย่อ ดังต่อไปนี้
1.) ต้องยึดหลักการประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง มิใช่เป็นของบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นการเฉพาะ
2.) วางกลไกการบริหารจัดการประเทศทุกองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย สามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้หลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล โดยมีระบบตรวจสอบที่เหมาะสมซึ่งประชาชนมีส่วนร่วม
3.) ต้องให้อำนาจประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งผู้แทนโดยตรง และผู้นำฝ่ายบริหารต้องมาจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้ง ที่สังคมไทยคุ้นเคยเข้าใจดีและไม่มีปัญหา มีแต่จะยิ่งสร้างความยุ่งยาก มีปัญหา และไร้ประสิทธิภาพ
4.) รัฐธรรมนูญ ต้องอยู่บนพื้นฐานที่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ไม่ควรกำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากจนเกินไป
เมื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน และได้เผยแพร่ต่อประชาชนให้ได้รับทราบ เห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ปรากฏไม่เป็นประชาธิปไตยตามหลักสากล และไม่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ประชาชนตกผลึกแล้วประชาชนถูกลิดรอนสิทธิ์ อำนาจอธิปไตยของประชาชนถูกลิดรอน และถูกควบคุมกำกับโดยองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสินชะตาอนาคตของประเทศ จะมีรัฐบาลที่อ่อนแอ ขาดเสถียรภาพ ไม่อาจพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง คิดนโยบายระยะยาวไม่ได้ ไม่อาจแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนได้ โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.) สร้างระบบเลือกตั้ง ที่จะนำไปสู่การมีรัฐบาลผสมที่อ่อนแอ ตัดสิทธิ์ของประชาชนที่มีโอกาสได้แยกเลือกผู้สมัครเขตออกจากการเลือกพรรคการเมือง สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน บังคับประชาชนให้ลงคะแนนเลือกเฉพาะผู้สมัครเขต รัฐบาลอ่อนแอไม่อาจแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศ และไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ
2.) ระบบเลือกตั้งใหม่จะนำไปสู่ความอ่อนแอของพรรคการเมือง นำไปสู่การต่อรองทางการเมือง และจะนำไปสู่การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิใช่ ส.ส.เป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดจะนำไปสู่การถดถอยของประชาธิปไตยและอำนาจของประชาชน
3.) เพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนฝ่ายการเมือง และฝ่ายต่างๆ วินิจฉัยตีความรัฐธรรมนูญ ได้อย่างกว้างขวาง มีสิทธิ์ขาดในการตีความรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยสร้างวิกฤติให้กับประเทศมาแล้วมากมายหลายครั้ง เคยตัดสินคดีที่แสดงถึงการใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉลหลายต่อหลายคดี ศาลรัฐธรรมนูญจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายตัวแทนของประชาชน
4.) ให้องค์กรอิสระ (กกต., ปปช., สตง.) มีอำนาจเหนือรัฐบาลและรัฐสภา โดยการชี้ทิศทางและความเป็นไปในการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้รัฐบาลและรัฐสภา ขาดความเป็นอิสระในการบริหารราชการแผ่นดินและในการตรากฎหมาย องค์กรเหล่านี้จะทำหน้าที่ต่อต้านนโยบายของรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศและประชาชนได้
5.) การให้ ส.ว.ทั้งหมดมาจากการสรรหาของคนเพียงกลุ่มหนึ่ง แสดงถึงการไม่เคารพในสิทธิ์ของประชาชนที่จะเลือกผู้แทนของตนเอง และความถดถอยของประชาธิปไตยไปมากกว่ารัฐธรรมนูญปี 50 เสียอีก ทั้งนี้ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มอำนาจปัจจุบันได้สร้างระบบตัวแทนของตนเองเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป
6.) กำหนดกลไกการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้ไม่อาจแก้ไขได้เลย เพราะต้องใช้เสียงวุฒิสภาซึ่งมาจากการสรรหาอย่างน้อยหนึ่งในสาม และเสียงจากทุกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 จะทำให้เกิดปัญหาวิกฤติรัฐธรรมนูญขัดขวางการพัฒนาการเมืองและการพัฒนาประเทศอย่างสำคัญ
แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามที่ กรธ.อ้างเสมอ แต่ก็ได้เห็นแล้วว่าผู้ร่างมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบเพียงใด ดังจะเห็นได้ว่าไม่มีมาตรการและระบบตรวจสอบในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 เลยแม้แต่น้อย เปิดโอกาสให้มีการรับผลประโยชน์ตอบแทนได้หลายทาง หลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน
นอกจากนั้น ก็มุ่งควบคุมแต่เฉพาะภาคการเมือง ละเว้นที่จะกำหนดมาตรการอื่นๆ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตจากฝ่ายอื่นๆ เช่น การกำหนดให้ฝ่ายอื่นๆ ซึ่งใช้อำนาจรัฐ ตลอดจนองค์กรอิสระทั้งหลาย และข้าราชการระดับสูง เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ และเมื่อโครงสร้างของระบบการเมืองและการปกครองประเทศ ซึ่งเป็นโครงสร้างระดับบนมีปัญหาและประชาชนไม่มีสิทธิ์มีเสียงในกระบวนการได้มาซึ่งองค์กรตรวจสอบต่างๆ แล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะเกิดวิกฤติทางอำนาจตามมา อันจะทำให้การแก้ปัญหาการทุจริตไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง และโดยที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นในบรรยากาศแห่งการเสแสร้ง รับฟังความคิดเห็นในระดับหนึ่งเพื่อให้ดูชอบธรรม แต่ไม่สนใจข้อเสนอแนะที่ให้ยึดหลักสากลและเชื่อมั่นในวิจารณญาณของประชาชน จึงเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายกว่าร่างเดิม มีการสืบทอดอำนาจแบบแยบยล และเพิ่มอำนาจให้องค์กรต่างๆ ขึ้นมากมาย เพื่อครอบงำรัฐบาลที่ถูกออกแบบมาให้อ่อนแอ กำหนดให้ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งต้องถูกตรวจสอบและรับผิดชอบทุกอย่าง
แต่คณะรัฐประหารและองค์กรสืบทอดอำนาจทำอะไรก็ได้ทุกอย่างโดยให้ถือว่า ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งหมดและเป็นที่สุด ห้ามฟ้องร้ององค์กรที่มาจากการเลือกตั้งต้องดำรงตนอยู่ในหลักนิติธรรม แต่องค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่นอกหลักนิติธรรมได้ที่กล่าวนี้ยังไม่รวมถึงเนื้อหาของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะกำหนดอำนาจหน้าที่ขององค์การต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญที่อาจจะหมกเม็ดอีกมาก
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำลายหลักการอันดีงามที่ประเทศเคยยึดถือ ถอยหลังลงคลอง และยังทำให้ความคิดแบบเผด็จการอำนาจนิยมสามารถกดหัวประชาชนต่อไป ยากที่ประเทศจะกลับคืนสู่สันติสุขได้พรรคเพื่อไทยจึงไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดังที่ปรากฏนี้
พรรคเพื่อไทยขอเรียนย้ำว่า รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขาดความต่อเนื่องของนโยบาย ขาดความเชื่อมั่นของต่างชาติ ผลจากการรัฐประหารที่ผ่านมาเป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน การบริโภคหยุดชะงัก การลงทุนหดหาย การลงทุนภาครัฐขาดประสิทธิภาพ การส่งออกหดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจฐานรากตกต่ำ ประชาชนยากลำบากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พรรคเพื่อไทย หวังว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญและผู้มีอำนาจทั้งหลาย จะได้ตระหนักถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากว่าร่างรัฐธรรมนูญเช่นนี้มีผลบังคับใช้ และควรหาทางแก้ไขเสียเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังคงยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายพอที่จะยอมรับได้ และไม่เป็นต้นตอแห่งวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
รัฐบาลประชาธิปไตยที่เข้มแข็งเท่านั้น ที่จะสามารถได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่น และเกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศและชีวิตของพี่น้องประชาชนได้
พรรคเพื่อไทย 29 มกราคม 2559.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น