เรื่องใหม่น่าสนใจ
-คู่มือ 4 ชุด นโยบาย บริบริหาร ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
http://academic.obec.go.th/web/node/1/77/govdoc_sec_detail/296
-เกณฑ์ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ โดย สมศ.
-เกณฑ์การย้ายครู พ.ศ.2558 http://www.otepc.go.th/images/document/2558/v16-2558.pdf
- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558
http://tuewsob.blogspot.com/2015/05/4-10-1-57.html
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ โดย อ.นิกร
ข้อสอบออนไลน์ ( พัฒนาความรู้ครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ โดย อ.นิกร
เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่
ตามล่า“ฆาตกร” ใคร?ยิงMH17
“Almaz Antey” ...บริษัทผู้ผลิตขีป-นาวุธรุ่นบุค (BUK) ซึ่งถูกระบุว่าเป็นขีปนาวุธที่ใช้ยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH17 ตกบริเวณชายแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซียเมื่อ 14 เดือนก่อน...เปิดแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
วันวิสาข์ ชูชนม์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ตามติดสถานการณ์การแถลงข่าวในครั้งนี้ รายงานว่า การแถลงใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง และมีผู้สื่อข่าวจากประเทศต่างๆทั่วโลกที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้มากกว่า 200 คน รวมกับผู้สื่อข่าวจากรัสเซียอีก 100 กว่าคน...รวมเป็น 300 กว่าคน
ถือเป็นการเปิดฉากทั้งสงครามการรบ...และสงครามข่าวสารอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย...!!
ยานน์ โนวิคอฟ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ เจเอสซี คอนเซินน พีวีโอ “อาสมาซ–แอนเทซ” ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ของรัสเซีย ก่อตั้งโดยประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2545 และทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์จาก 17 ภูมิภาคของรัสเซีย ทั้งองค์การวิจัยและผลิตขีปนาวุธ สถาบันวิจัยและพัฒนาสร้างระบบการป้องกันการโจมตีทางอากาศจากขีปนาวุธทางอากาศในวิถีใกล้ วิถีกลาง และวิถีไกล
รวมทั้งเป็นองค์กรที่ผลิตและพัฒนาระบบเฝ้าระวังการตรวจเรดาร์ ระบบการควบคุมขีปนาวุธอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ยืนยันว่า MH17 ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ Buk ซึ่งผลิตโดย Almaz Antey ของรัสเซีย รุ่น 9m38 หัวรบ 69 H314 ซึ่งเป็นหัวรบรุ่นที่รัสเซียเลิกใช้มาตั้งแต่ปี 1986 แล้ว
มิคคาฮิล มาเลเชฟสกี้ ที่ปรึกษาด้านการออกแบบขีปนาวุธของอาสมาซ แอนเทซ สาธิตการยิงจรวดใส่แบบจำลองเครื่องบิน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2558 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2558 เพื่อดูแนววิถีจรวดและการแตกกระจายของสะเก็ดของหัวจรวด พร้อมทั้งตรวจดูและเปรียบเทียบแนวมุมการปะทะ ขนาดของสะเก็ดและระเบิดที่ทำให้เกิดรูขนาดต่างๆในส่วนต่างๆของเครื่องบิน
“เรายืนยันว่า MH17 ถูกยิงจากภาคพื้นดินด้วยขีปนาวุธบุคแน่นอน มากกว่า 90% และน่าจะเป็นขีปนาวุธบุครุ่น 9m38 หัวรบ 69 H314 ซึ่งมีอายุการใช้งาน 25 ปี และรัสเซียเลิกใช้หัวรบรุ่นนี้ไปตั้งแต่ปี 1986 แล้ว” มิคคาฮิล บอก
ขณะที่ ยานน์ โนวิคอฟ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Buk รุ่นนี้เป็นรุ่นโบราณที่กองทัพรัสเซียเลิกใช้แล้ว ถ้าจะมีใช้น่าจะเป็นของกองทัพยูเครน
ไม่สรุปแต่ก็เหมือนสรุป...!!
รัสเซียยังแถลงด้วยว่า จากการเช็กมุมองศา ขีปนาวุธดังกล่าวน่าจะยิงจากเมืองเล็กๆทางด้านตะวันออกของยูเครน ที่ชื่อ Zaroshenskoye ซึ่งเป็นพื้นที่ในการดูแลของกองทัพยูเครน ขณะที่ก่อนหน้านี้ยูเครนพยายามแถลงว่า เครื่องบิน MH17 น่าจะถูกยิงในเขต Zanshenoya ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยูเครนซึ่งรัสเซียหนุนหลังยึดเป็นฐานที่มั่นอยู่
ซึ่งเมืองทั้งสองเมืองนี้อยู่ใกล้กันมาก...!!
โนวิคอฟยังบอกด้วยว่า รัสเซียเลือกที่จะแถลงข่าวในวันเดียวกับที่ Dutch Safety Board (DSB) ของเนเธอร์แลนด์จะแถลงข่าวเรื่องเดียวกันนี้ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
เป็นการบอกในทำนองว่า ตั้งใจที่จะแถลงวันนี้...เพื่อจะได้รู้กันไปเลยว่าข้อมูลของใครจะมีความหนักแน่นกว่ากัน
ถือเป็นการชิงพื้นที่ความได้เปรียบใน “สงครามข่าวสาร” ซึ่งผิดวิสัยของรัสเซียที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมากนัก แต่ครั้งนี้รัสเซียตั้งใจ...ที่จะปลดแอกตัวเองออกจากความเป็นผู้ร้าย
อาชญากรของโลก...ที่สื่อตะวันตกมักจะสื่อสารให้เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด
การแถลงข่าวของรัสเซียได้ผลในระดับหนึ่ง ตรงที่มีเสียงเล็ดลอดออกไปจากดินแดนหลังม่านเหล็กแห่งนี้อยู่พอสมควร แต่กระนั้นก็ตาม สื่อตะวันตกอย่างบีบีซี ซีเอ็นเอ็น ก็ยังคงสื่อสารในทำนองที่ว่า ใครๆก็รู้และเชื่อว่าว่ารัสเซียเป็นคนทำ มีแต่รัสเซียเท่านั้นล่ะที่ไม่เชื่อ
ทั้งๆที่การแถลงข่าวของ Dutch Safety Board ในเย็นวันเดียวกันนั้น แทบไม่มีเนื้อหาสาระหรือข้อมูลอะไรที่ใหม่ไปกว่าที่เคยแถลงมาก่อนหน้านี้เลย
ทนง ขันทอง คอลัมนิสต์อาวุโสของเดอะเนชั่น ซึ่งเข้าร่วมการแถลงข่าวที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ให้ความเห็นว่า ข้อสรุปของ Dutch Safety Board ไม่ได้ชัดเจนขนาดที่จะฟันธงว่าใครเป็นคนยิงเครื่องบิน MH17 ตก แค่พยายามสรุปบางอย่างที่ไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก
เช่น บอกว่า MH17 โดนยิงจากภาคพื้นดินโดยขีปนาวุธ Buk ที่ผลิตโดย Almaz Antey ของรัสเซีย เป็นหัวจรวดรุ่น 3N314M โดยยิงทะลุห้องนักบินทำให้สะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วประตูด้านซ้ายบริเวณที่กัปตันนั่งและลำตัวเครื่องบิน บริเวณที่ยิงอยู่ทางตะวันออกของยูเครน ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นบริเวณไหน บอกเพียงว่าอยู่แห่งใดแห่งหนึ่งในพื้นที่ 320 ตารางกิโลเมตร
ตอบกว้างๆ แต่มีนัยของการพุ่งเป้าไปที่รัสเซียว่าเป็น “ผู้ร้าย” ในกรณีนี้อีกตามเคย
คำถามที่ตามมาก็คือ ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการสู้รบระหว่างกบฏแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลังอยู่ แต่เพราะเหตุใดยูเครนจึงยังเปิดน่านฟ้าบริเวณนั้น หรือมีการส่งสัญญาณให้นักบินบินเข้าไปในบริเวณดังกล่าวเพื่อจะโยนความผิดให้รัสเซีย เพราะไม่ว่าจะแถลงกี่ครั้ง ฝั่งตะวันตกซึ่งมีทั้งอียูและสหรัฐอเมริกาหนุนอยู่นั้น ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ทหารยูเครนเป็นคนยิง หรือกบฏยูเครนที่รัสเซียหนุนหลังอยู่เป็นคนยิง
ที่สำคัญคือ ขณะนี้กล่องดำที่จะเป็นกุญแจสำคัญอีกดอกหนึ่งในการไขปริศนา MH17 ซึ่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็ยังไม่มีการเปิดเผยการถอดรหัสข้อมูลของกล่องดำออกมา และอังกฤษเองก็ปฏิเสธที่จะให้หน่วยงานระหว่างประเทศด้านการบินอย่าง Inter-national Civil Aviation Organization เข้าร่วมสืบสวนสอบสวนด้วย แม้เวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม
คำถามที่ต้องคิดต่อคือ ขณะที่เทคโนโลยีในโลกก้าวหน้าไปมากขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่จะยังพิสูจน์ข้อมูลในกล่องดำไม่ได้ และสหรัฐอเมริกาเองซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้ง 777 ก็ไม่เคยให้ข้อมูลดาวเทียมที่จะช่วยในการสืบสวนอะไรเลย นอกจากออกมากล่าว
ประณามรัสเซียแต่เพียงอย่างเดียว
“มันผิดปกติ ผิดสังเกต...กว่าที่ควรจะเป็น...”
และแม้ว่าจะมีการแถลงข่าวชนิดที่ว่าทั่วโลกจับตา แต่ท้ายที่สุดแล้วจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ใครเป็นคนยิง MH17 ตก ซึ่งหากสรุปได้ว่าใครยิง...สิ่งที่จะตามมาก็คือ การลากตัวฆาตกรที่ฆ่าคนถึง 298 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 80 คน มาลงโทษให้ได้
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องบินตก...แต่เป็นการฆาตกรรมระดับโลกที่มีคนตายถึงเกือบ 300 คน...
หรือนี่...กำลังเป็นการทำสงครามในรูปแบบใหม่ระหว่างโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกากับรัสเซีย หรือ...เป็นกลิ่นอายของสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เริ่มโชยแตะจมูกเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว.
“Almaz Antey” ...บริษัทผู้ผลิตขีป-นาวุธรุ่นบุค (BUK) ซึ่งถูกระบุว่าเป็นขีปนาวุธที่ใช้ยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH17 ตกบริเวณชายแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซียเมื่อ 14 เดือนก่อน...เปิดแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
วันวิสาข์ ชูชนม์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ตามติดสถานการณ์การแถลงข่าวในครั้งนี้ รายงานว่า การแถลงใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง และมีผู้สื่อข่าวจากประเทศต่างๆทั่วโลกที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้มากกว่า 200 คน รวมกับผู้สื่อข่าวจากรัสเซียอีก 100 กว่าคน...รวมเป็น 300 กว่าคน
ถือเป็นการเปิดฉากทั้งสงครามการรบ...และสงครามข่าวสารอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย...!!
ถือเป็นการเปิดฉากทั้งสงครามการรบ...และสงครามข่าวสารอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย...!!
ยานน์ โนวิคอฟ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ เจเอสซี คอนเซินน พีวีโอ “อาสมาซ–แอนเทซ” ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ของรัสเซีย ก่อตั้งโดยประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2545 และทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์จาก 17 ภูมิภาคของรัสเซีย ทั้งองค์การวิจัยและผลิตขีปนาวุธ สถาบันวิจัยและพัฒนาสร้างระบบการป้องกันการโจมตีทางอากาศจากขีปนาวุธทางอากาศในวิถีใกล้ วิถีกลาง และวิถีไกล
รวมทั้งเป็นองค์กรที่ผลิตและพัฒนาระบบเฝ้าระวังการตรวจเรดาร์ ระบบการควบคุมขีปนาวุธอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ยืนยันว่า MH17 ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ Buk ซึ่งผลิตโดย Almaz Antey ของรัสเซีย รุ่น 9m38 หัวรบ 69 H314 ซึ่งเป็นหัวรบรุ่นที่รัสเซียเลิกใช้มาตั้งแต่ปี 1986 แล้ว
มิคคาฮิล มาเลเชฟสกี้ ที่ปรึกษาด้านการออกแบบขีปนาวุธของอาสมาซ แอนเทซ สาธิตการยิงจรวดใส่แบบจำลองเครื่องบิน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2558 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2558 เพื่อดูแนววิถีจรวดและการแตกกระจายของสะเก็ดของหัวจรวด พร้อมทั้งตรวจดูและเปรียบเทียบแนวมุมการปะทะ ขนาดของสะเก็ดและระเบิดที่ทำให้เกิดรูขนาดต่างๆในส่วนต่างๆของเครื่องบิน
“เรายืนยันว่า MH17 ถูกยิงจากภาคพื้นดินด้วยขีปนาวุธบุคแน่นอน มากกว่า 90% และน่าจะเป็นขีปนาวุธบุครุ่น 9m38 หัวรบ 69 H314 ซึ่งมีอายุการใช้งาน 25 ปี และรัสเซียเลิกใช้หัวรบรุ่นนี้ไปตั้งแต่ปี 1986 แล้ว” มิคคาฮิล บอก
ขณะที่ ยานน์ โนวิคอฟ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Buk รุ่นนี้เป็นรุ่นโบราณที่กองทัพรัสเซียเลิกใช้แล้ว ถ้าจะมีใช้น่าจะเป็นของกองทัพยูเครน
ไม่สรุปแต่ก็เหมือนสรุป...!!
รัสเซียยังแถลงด้วยว่า จากการเช็กมุมองศา ขีปนาวุธดังกล่าวน่าจะยิงจากเมืองเล็กๆทางด้านตะวันออกของยูเครน ที่ชื่อ Zaroshenskoye ซึ่งเป็นพื้นที่ในการดูแลของกองทัพยูเครน ขณะที่ก่อนหน้านี้ยูเครนพยายามแถลงว่า เครื่องบิน MH17 น่าจะถูกยิงในเขต Zanshenoya ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยูเครนซึ่งรัสเซียหนุนหลังยึดเป็นฐานที่มั่นอยู่
ซึ่งเมืองทั้งสองเมืองนี้อยู่ใกล้กันมาก...!!
โนวิคอฟยังบอกด้วยว่า รัสเซียเลือกที่จะแถลงข่าวในวันเดียวกับที่ Dutch Safety Board (DSB) ของเนเธอร์แลนด์จะแถลงข่าวเรื่องเดียวกันนี้ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
เป็นการบอกในทำนองว่า ตั้งใจที่จะแถลงวันนี้...เพื่อจะได้รู้กันไปเลยว่าข้อมูลของใครจะมีความหนักแน่นกว่ากัน
ถือเป็นการชิงพื้นที่ความได้เปรียบใน “สงครามข่าวสาร” ซึ่งผิดวิสัยของรัสเซียที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมากนัก แต่ครั้งนี้รัสเซียตั้งใจ...ที่จะปลดแอกตัวเองออกจากความเป็นผู้ร้าย
อาชญากรของโลก...ที่สื่อตะวันตกมักจะสื่อสารให้เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด
การแถลงข่าวของรัสเซียได้ผลในระดับหนึ่ง ตรงที่มีเสียงเล็ดลอดออกไปจากดินแดนหลังม่านเหล็กแห่งนี้อยู่พอสมควร แต่กระนั้นก็ตาม สื่อตะวันตกอย่างบีบีซี ซีเอ็นเอ็น ก็ยังคงสื่อสารในทำนองที่ว่า ใครๆก็รู้และเชื่อว่าว่ารัสเซียเป็นคนทำ มีแต่รัสเซียเท่านั้นล่ะที่ไม่เชื่อ
ทั้งๆที่การแถลงข่าวของ Dutch Safety Board ในเย็นวันเดียวกันนั้น แทบไม่มีเนื้อหาสาระหรือข้อมูลอะไรที่ใหม่ไปกว่าที่เคยแถลงมาก่อนหน้านี้เลย
ทนง ขันทอง คอลัมนิสต์อาวุโสของเดอะเนชั่น ซึ่งเข้าร่วมการแถลงข่าวที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ให้ความเห็นว่า ข้อสรุปของ Dutch Safety Board ไม่ได้ชัดเจนขนาดที่จะฟันธงว่าใครเป็นคนยิงเครื่องบิน MH17 ตก แค่พยายามสรุปบางอย่างที่ไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก
เช่น บอกว่า MH17 โดนยิงจากภาคพื้นดินโดยขีปนาวุธ Buk ที่ผลิตโดย Almaz Antey ของรัสเซีย เป็นหัวจรวดรุ่น 3N314M โดยยิงทะลุห้องนักบินทำให้สะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วประตูด้านซ้ายบริเวณที่กัปตันนั่งและลำตัวเครื่องบิน บริเวณที่ยิงอยู่ทางตะวันออกของยูเครน ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นบริเวณไหน บอกเพียงว่าอยู่แห่งใดแห่งหนึ่งในพื้นที่ 320 ตารางกิโลเมตร
ตอบกว้างๆ แต่มีนัยของการพุ่งเป้าไปที่รัสเซียว่าเป็น “ผู้ร้าย” ในกรณีนี้อีกตามเคย
คำถามที่ตามมาก็คือ ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการสู้รบระหว่างกบฏแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลังอยู่ แต่เพราะเหตุใดยูเครนจึงยังเปิดน่านฟ้าบริเวณนั้น หรือมีการส่งสัญญาณให้นักบินบินเข้าไปในบริเวณดังกล่าวเพื่อจะโยนความผิดให้รัสเซีย เพราะไม่ว่าจะแถลงกี่ครั้ง ฝั่งตะวันตกซึ่งมีทั้งอียูและสหรัฐอเมริกาหนุนอยู่นั้น ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ทหารยูเครนเป็นคนยิง หรือกบฏยูเครนที่รัสเซียหนุนหลังอยู่เป็นคนยิง
ที่สำคัญคือ ขณะนี้กล่องดำที่จะเป็นกุญแจสำคัญอีกดอกหนึ่งในการไขปริศนา MH17 ซึ่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็ยังไม่มีการเปิดเผยการถอดรหัสข้อมูลของกล่องดำออกมา และอังกฤษเองก็ปฏิเสธที่จะให้หน่วยงานระหว่างประเทศด้านการบินอย่าง Inter-national Civil Aviation Organization เข้าร่วมสืบสวนสอบสวนด้วย แม้เวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม
คำถามที่ต้องคิดต่อคือ ขณะที่เทคโนโลยีในโลกก้าวหน้าไปมากขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่จะยังพิสูจน์ข้อมูลในกล่องดำไม่ได้ และสหรัฐอเมริกาเองซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้ง 777 ก็ไม่เคยให้ข้อมูลดาวเทียมที่จะช่วยในการสืบสวนอะไรเลย นอกจากออกมากล่าว
ประณามรัสเซียแต่เพียงอย่างเดียว
ประณามรัสเซียแต่เพียงอย่างเดียว
“มันผิดปกติ ผิดสังเกต...กว่าที่ควรจะเป็น...”
และแม้ว่าจะมีการแถลงข่าวชนิดที่ว่าทั่วโลกจับตา แต่ท้ายที่สุดแล้วจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ใครเป็นคนยิง MH17 ตก ซึ่งหากสรุปได้ว่าใครยิง...สิ่งที่จะตามมาก็คือ การลากตัวฆาตกรที่ฆ่าคนถึง 298 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 80 คน มาลงโทษให้ได้
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องบินตก...แต่เป็นการฆาตกรรมระดับโลกที่มีคนตายถึงเกือบ 300 คน...
หรือนี่...กำลังเป็นการทำสงครามในรูปแบบใหม่ระหว่างโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกากับรัสเซีย หรือ...เป็นกลิ่นอายของสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เริ่มโชยแตะจมูกเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว.
ที่มา ; เว็บ นสพ.ไทยรัฐ
ฟรี... ห้องเตรียม-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
ฟรี... ห้องเตรียม-ครูผู้ช่วย
-ผู้บริหาร-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
(พัฒนาความรู้เตรียมครู-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
" ติวสอบดอทคอม " โดย อ.นิกร
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
(พัฒนาความรู้เตรียมครู-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น