เรื่องใหม่ ...น่าโหลด...(วันนี้)
-1.ปฎิทินและเกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา สพฐ.ปี 2558
3.เครื่องแบบพนักงานราชการ 2557
-เกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา 2557
- คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
-นโยบาย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
- ครม.ประยุทธ์ 1 ที่ http://tuewsob.blogspot.com/2014/08/blog-post_29.html
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
- ตัวบ่งชี้ ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ พื้นฐาน-อุดม-อาชีว
โดย สมศ.
-นโยบาย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
- ครม.ประยุทธ์ 1 ที่ http://tuewsob.blogspot.com/2014/08/blog-post_29.html
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
- ตัวบ่งชี้ ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ พื้นฐาน-อุดม-อาชีว
ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ล่าสุด
ProProfs - ข้อสอบออนไลน์ ชุด 300 รอบรู้ ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน »Online quiz software
ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษา) ชุดใหม่ล่าสุด
ProProfs - ข้อสอบออนไลน์ ชุด 300 รอบรู้ ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน »Online quiz software
ติวสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่
ติวสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่
สะพัดถอดถอน 150เสียง โหวตลับเชือดปู
วิปคุมเกมให้ลงมติรวด3คนวันนี้ ระทึก‘ขุนค้อน-นิคม’รอด-ไม่รอด คสช.ขู่เรียกม็อบป่วนรายงานตัว
“ยิ่งลักษณ์” แถลงปิดคดีสอย ยันจำนำข้าวช่วยชาวนาไม่มีโกง อัด ป.ป.ช.ใช้พยานล้วนปฏิปักษ์การเมือง ครวญไม่อยากเห็นประเทศขัดแย้ง ทำลายล้างกันอย่างไร้หลักการ-ขาดความเป็นธรรม ด้าน “วิชา” ตอกย้ำซ่อนเร้นทุจริตซื้อใจชาวนา เหน็บรัฐบาลจำนำข้าว ชาวนาจำนำชีวิต ประเทศจำนำหนี้ ปลุกกระแสสร้างประวัติศาสตร์ถอดถอนได้จริง สะพัดสนช.เท 150 เสียงเชือดอดีตนายกฯ ขณะที่ “ขุนค้อน-นิคม” คะแนนสูสีรอวัดดวง วิปฯ สนช.ผวาเสียงโหวตแตกแถว ชงเปลี่ยนลงมติรวดเดียว 3 คน “ประวิตร” ฮึ่ม “ขวัญชัย-ก่อแก้ว” ใช้สมองก่อนขู่นองเลือด ปัดรัฐบาลไม่ได้เข้ามาแก้แค้นไล่ล่าใคร คสช.ขู่เรียกรายงานตัวม็อบแดงปลุกปั่น “ทนายปู” ขอความเป็นธรรม อสส. จวก ป.ป.ช.รวบรัดมติฟ้องอาญาจีทูจีข้าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงปิดคดีสำนวนถอดถอน กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมขอความเป็นธรรม ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองขัดแย้ง ทำลายล้างกันโดยไร้หลักการ ขณะที่มีกระแสข่าวสะพัดมีแนวโน้มสูงที่จะถูกสมาชิก สนช.ลงมติถอดถอน
ตร.-ทหารตรึงเข้มรอบรัฐสภา
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ที่รัฐสภา บรรยากาศบริเวณโดยรอบรัฐสภา ก่อนการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อแถลงปิดคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยปละละเลยจนเกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล บก.น.1 สนธิกำลังร่วมกับทหารวางกำลังตั้งจุดตรวจ ตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าของ บก.น. 4 จำนวน 1 กองร้อย ตลอดแนวถนนอู่ทองใน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น. 1 จำนวน 1 กองร้อยรักษาการ ส่วนแยกขัตติยาณีก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการควบคุมฝูงชนอีก 1 กองร้อยตั้งจุดตรวจร่วมกับตำรวจนอกเครื่องแบบและทหารจาก พัน.ร.ศสร. และพัน. ป. 1 รอ. กว่า 50 นาย เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วร่วมดูแลความเรียบร้อย พร้อมตรวจบุคคลเข้าออกอาคารรัฐสภาอย่างเข้มงวด ซึ่งยังไม่พบกลุ่มมวลชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ ผบก.น.1 กล่าวว่า ยังไม่มีการข่าวว่าจะมีกลุ่มมวลชนใดมาเคลื่อนไหว จะประเมินสถานการณ์ทุกวัน กรณีมีมวลชนออกมามากกว่า 6 คน มาชูป้ายหรือปราศรัยใช้เครื่องเสียง ต้องประเมินว่าเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ โดยจะพูดคุยทำความเข้าใจก่อน
เสื้อแดงให้กำลังใจ “ปู”-ไร้ป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้ารัฐสภา ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ กระจายกำลังควบคุมพื้นที่บริเวณถนนอู่ทองใน ตลอดทั้งเส้นเพื่อสกัดกั้นกลุ่มมวลชนเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯพบว่า มีมวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ป้ายรถเมล์ ฝั่งตรงข้ามอ้างว่ามาให้กำลังใจ หญิงรายหนึ่งนำป้ายข้อความว่า “ไม้ตีสุนัขเกเรอันธพาล” เจ้าหน้าที่ขอร้องให้เก็บ พร้อมถ่ายภาพและบัตรประชาชนทุกรายไว้ทำประวัติ
“ยิ่งลักษณ์” ยิ้มลั่นพร้อมแจงเต็มที่
ต่อมาเวลา 09.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปถึงรัฐสภา โดยรถโฟล์กสวาเกน สีดำ เลขทะเบียน ฮน 333 กรุงเทพมหานคร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีอดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยรอต้อนรับกว่า 10 คน อาทิ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.ศึกษาธิการ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มาทำข่าวแน่นขนัด โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวก่อนการแถลงปิดคดีว่า พร้อมชี้แจงแถลงปิดคดี จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่ต้นให้ประชาชนและสมาชิก สนช.รับทราบ ส่วนเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ไม่ได้ตอบข้อซักถามต่อ สนช.ด้วยตัวเอง ข้อบังคับการประชุมก็เปิดให้ จึงมอบให้รัฐมนตรีมาชี้แจงแทน ไม่มีเจตนาอย่างอื่น วันนี้ตนพร้อมชี้แจงต่อสภาฯ เมื่อถามย้ำว่า หากที่ประชุม สนช.มีข้อเรียกร้องให้กลับมาชี้แจง 35 คำถาม พร้อมตอบในที่ประชุม สนช. หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า วันนี้ตนพร้อมตั้งใจชี้แจงเต็มที่ในรายละเอียด เพื่อให้ผู้รับฟังพิจารณาตัดสิน หวังว่าคงให้ความเป็นธรรมด้วย
สนช.เปิดเวทีแถลงปิดคดี “ปู”
กระทั่งเวลา 10.00 น. จึงเริ่มการประชุมสนช. มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเป็นการรับฟังคำแถลงปิดสำนวนด้วยวาจาของคู่กรณีคือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้กล่าวหา กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา จากนั้นนายพรเพชรได้เชิญทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ห้องประชุม มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนจากฝ่าย ป.ป.ช. ขณะที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยมีทีมทนายความ 4 คน และอดีตรัฐมนตรี 5 คน นั่งประกบ
“วิชา” ซัดซ่อนทุจริตซื้อใจชาวนา
จากนั้นนายวิชาเริ่มแถลงปิดคดีว่า ขอยืนยันว่า สนช.มีอำนาจเต็มที่ถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่ง และตัดสิทธิการเมือง 5 ปี และยืนยันว่า ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ ไม่ได้ละเว้นหลักนิติธรรม โครงการรับจำนำข้าวเป็นการกำหนดราคารับจำนำข้าวสูงกว่าตลาด มีการรับจำนำราคาตันละ 15,000 บาท จากราคาตลาด 7,500 บาท ใช้กลไกการเมืองซื้อใจชาวนาจนชนะการเลือกตั้ง แต่มีวาระซ่อนเร้นในการทุจริตเชิงนโยบาย จากการไต่สวนโครงการนี้ในทุกระดับจะมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง เล่นแร่แปรธาตุกันมากมาย ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ตรวจสอบยากที่สุด มีการระบายข้าวของรัฐในราคาถูก แบบรัฐต่อรัฐ แต่ความจริงเป็นการนำไปขายต่อให้พวกพ้องภายในประเทศ
งัดใบเสร็จอนุ กก.ปิดบัญชีมัดผิด
นายวิชากล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีมีคำเตือนถึงผู้ถูกกล่าวให้ยกเลิกโครงการ แต่ผู้ถูกกล่าวหายืนยันต้องดำเนินโครงการต่อไป เพราะเป็นสัญญาประชาคมยกเลิกไม่ได้ ซึ่ง ป.ป.ช.จับทุจริตเชิงนโยบายโครงการนี้ได้ชัดเจนที่สุด เท่าที่เคยมีการจับทุจริตมา แม้ผู้กล่าวหาจะอ้างว่ามีกลไกตรวจสอบการทุจริต แต่เป็นเพียงเครื่องบังหน้าว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่เกี่ยวข้องการทุจริต ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่าผู้ถูกกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยมีใบเสร็จเป็นหลักฐาน คือรายงานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ที่สรุปว่าโครงการขาดทุนจำนวนมาก ความเสียหายในการระบายข้าวและการจัดเก็บข้าวในโกดังส่งผลเสียต่อประเทศ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภาวะหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว คาดว่าขาดทุน 7 แสนล้านบาท จะต้องใช้หนี้เป็นเวลากว่า 30 ปี ถึงรุ่นหลาน แม้ผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้งข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี แต่บุคคลที่เป็นคณะอนุกรรมการปิดบัญชีไม่มีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้าคณะอนุกรรมการชุดนี้มีเจตนาปิดบัญชีไม่ถูกต้อง ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องดำเนินการทางวินัย อาญา จะปล่อยไว้ทำไม แต่ผู้ถูกกล่าวหาตระหนักดีว่าคณะอนุกรรมการชุดนี้ ทำโดยถูกต้องตามอำนาจหน้าที่
เหน็บ ปทช.รับกรรมจำนำหนี้
นายวิชากล่าวว่า จากการไต่สวนยังพบว่ามีชาวนาหลายรายไม่สามารถรอคอยเงินค่าจำนำข้าวได้ จนตัดสินใจฆ่าตัวตาย และยังมีข้าวค้างในโกดังจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวฤดูกาลถัดไป ทำให้ชาวนาถูกกดราคาข้าว แต่ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ และผู้ถูกกล่าวหาก็ยังไม่เคยขออภัยต่อชาวนา เพียงแต่กล่าวว่าโครงการนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวนา เหมือนกับรัฐบาลจำนำข้าว ชาวนาจำนำชีวิต สุดท้ายประเทศจำนำหนี้ ป.ป.ช.ยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบว่า ขั้นตอนของโครงการได้สร้างความเสียหายตลอดมา ทั้งนี้ เรื่องคุณธรรม จริยธรรม มีความสำคัญที่สุดในการบริหารราชการแผ่นดิน มีคำกล่าวว่าบุคคลที่ขาดสติปัญญา แต่มีคุณธรรม จริยธรรม พอจะชดใช้ให้เห็นว่าเป็นคนดี และทำประโยชน์แก่แผ่นดิน แต่คนมีสติปัญญา เฉลียวฉลาด แต่ขาดคุณธรรม จริยธรรม จะก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง ความเสื่อมทรามในบ้านเมือง กระบวนการถอดถอนเป็นการเริ่มต้นให้เห็นว่า ผู้ใดมารับผิดชอบในฐานะผู้นำสูงสุด โดยเฉพาะตำแหน่งนายกฯต้องมีคุณธรรม จริยธรรมสูงสุดกว่าคนอื่น เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นประพฤติปฏิบัติตาม ขอคารวะบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าให้ช่วยทำประวัติศาสตร์การถอดถอนครั้งนี้ให้ปรากฏผลเป็นจริง
“ปู” งัด 6 ปมหักล้างข้อกล่าวหา
ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีว่า ขอให้ สนช.ใช้ดุลพินิจถูกต้อง เที่ยงธรรม เพื่อประโยชน์ต่อประเทศ ไม่จำยอมต่อการชี้นำของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขอโต้แย้งสำนวน ป.ป.ช. ดังนี้ 1.เรื่องฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว 2.การถอดถอนตนซ้ำซ้อน ทั้งที่ไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอน หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ 3.การชี้มูลความผิดตนใช้เวลา 101 วัน ไม่ใช่ 1 ปี 10 เดือน ตามที่ ป.ป.ช.กล่าวอ้าง 4.ที่ผ่านมานายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. พยายามชี้นำให้สังคมเข้าใจผิด เช่น เรื่องข้าวหาย 2 ล้านตัน เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย เพราะทั้ง อ.ต.ก.และ อคส.ยืนยันความมีอยู่จริง การนำกรณีการระบายข้าวจีทูจีมาปนในสำนวนถอดถอน ทำให้เข้าใจผิดว่าการระบายข้าวเกี่ยวข้องกับคดีถอดถอน รวมถึงรายงานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ครั้งที่ 4 ที่ระบุว่าขาดทุน 5.18 แสนล้านบาท ก็ยังมีข้อโต้แย้งทางบัญชี เพราะยังมีข้าวในสต๊อกที่ยังระบายได้อีกจำนวนมาก 5. ป.ป.ช.ตัดพยานที่ตนเสนอไป 18 ราย เหลือ 6 ราย ซึ่งเป็นพยานสำคัญ 6.พยานที่ ป.ป.ช.ใช้ 7 คนนั้น 4 ใน 7 คน เป็นพยานที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับรัฐบาล เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายนิพนธ์ พัวพงศกร ผู้รับจ้างทำงานวิจัยให้ ป.ป.ช. นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย ที่เพิ่งตั้งขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.57 และร่วมชุมนุมกับ กปปส.ขับไล่รัฐบาล
โต้แหลกไม่ทำระบบการคลังพัง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่า โครงการจำนำข้าวส่งผลกระทบต่อระบบการเงิน การคลังของประเทศ ยืนยันว่าไม่จริง แต่ก่อให้เกิดรายได้ต่อชาวนา นำไปสู่การใช้จ่ายต่อเนื่อง มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 3.1 แสนล้านบาท ส่วนที่ระบุว่าโครงการขาดทุน แต่เหตุใดยังดำเนินการต่อ เห็นว่าข้อมูลการขาดทุนทางบัญชีของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ยังมีข้อโต้แย้งอยู่หลายเรื่อง แต่ผลประโยชน์ที่ชาวนาได้รับจากโครงการมีมูลค่าสูงกว่ามาก มีความคุ้มค่า จึงไม่จำเป็นต้องยุติโครงการ
ตั้งด่านสกัดทุจริตทุกวิถีทาง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีความจริงใจปราบทุจริตโครงการจำนำข้าว ไม่เคยละเลยป้องกันทุจริต เพราะเป็นวาระแห่งชาติ มีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามโครงการ กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพปราบทุจริต การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าว การตั้งคณะกรรมการปราบปรามทุจริตโครงการจำนำข้าว จนฟ้องคดีได้ 276 คดี รวมถึงการจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงผ่าน ธ.ก.ส. ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาด ก็ไม่ใช่การผูกขาดหรือบิดเบือนกลไกการตลาด เพราะข้าวที่ชาวนานำมาร่วมโครงการ เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของผลผลิตรวมในประเทศ จึงยังมีข้าวอยู่ในตลาดอีกครึ่งหนึ่ง เอกชนค้าขายได้ตามปกติ จึงไม่ใช่การผูกขาด และไม่ใช่การทำลายกลไกการตลาด
ไม่เคยเกียร์ว่างปล่อยให้โกง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยละเลยต่อคำแนะนำของหน่วยงานต่างๆ เรื่องโครงการจำนำข้าว โดยมีหนังสือแจ้งกลับ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.55 ว่า ครม. มีมาตรการและกลไกการควบคุมดูแล มีระบบตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริต มีการแต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯในขณะนั้น เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบป้องกันและปราบปรามการทุจริตโครงการจำนำข้าว และยังมีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ตามที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องการระบายข้าว เมื่อเดือน พ.ย.56 รวมถึงพยายามลดราคาจำนำข้าวจาก 15,000 เหลือ 12,000 บาท แต่ได้รับการต่อต้านจากหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ตลอดจนมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโครงการจำนำข้าว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบโครงการ ในฐานะนายกรัฐมนตรีไม่เคยละเลยเพิกเฉยในการตรวจสอบการดำเนินโครงการ
โวยมีวาระแฝงการเมืองเล่นงาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยเรื่องการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ทำในรูปแบบมติ ครม.ตนไม่ได้ดำเนินการตามลำพังในฐานะนายกฯหรือประธาน กขช. แต่เหตุใดจึงถูกดำเนินคดีโดยลำพัง ทั้งที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายไม่ได้บัญญัติความรับผิดชอบ การดำเนินคดีตนเป็นวาระซ่อนเร้น เป็นวาระการเมืองที่เห็นชัดว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 57 แล้ววันรุ่งขึ้น 8 พ.ค. จะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดต่อทันที และวันนี้ ป.ป.ช.ก็มาอ้างความบังเอิญเรื่องการชี้มูลการระบายข้าวแบบจีทูจี เพื่อชี้นำสังคม และกดดัน สนช.ว่า ตนมีพฤติกรรมส่อทุจริต ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯและประธาน กขช.ครบถ้วน ตามขั้นตอนกฎหมาย และรัฐธรรมนูญทุกประการ ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.
ไม่คิดโกง ไม่ยอมให้ชาวนาหลังหัก
“ดิฉันไม่เคยคิดโกง ไม่ปล่อยปละละเลย หรือมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต วันนี้เพื่อขอความเป็นธรรมต่อ สนช.ไม่ใช่ต่อตัวดิฉัน ขอโอกาสให้คนจนมีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ ให้ชาวไร่ชาวนาลืมตาอ้าปาก มีรายได้ที่เป็นธรรม คุ้มค่าเหนื่อย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ จะให้ประเทศและชาวนาหลังหักไม่ได้ ไม่ควรปล่อยให้เขาเหล่านั้นใช้ชีวิตตามยถากรรม ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับปฏิบัติ หากพื้นที่ใดมีปัญหา ต้องแก้ปัญหาเป็นจุด แต่กลับเหมาต้องยกเลิก และเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ ขอย้ำว่าอย่ามองเหรียญเพียงด้านใดด้านหนึ่ง โดยไม่มองให้ครบทุกมิติ ทั้งเรื่องรายได้ และโอกาสที่หายไปของชาวนา ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศ หากเทียบโครงการรับจำนำข้าวกับการแจกเงินโดยตรง นอกจากจะไม่ส่งเสริมอาชีพการปลูกข้าวแล้ว กลับเป็นการให้คนรอรับการช่วยเหลือ เพียงเพื่อบอกว่า ไม่ยอมที่จะขาดทุนกับคนจน การคิดเช่นนั้นเมื่อไรชาวนาจะยืนบนขาตัวเองได้” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
ทวงความเป็นธรรมสร้างปรองดอง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนเป็นเด็กที่เติบโตจากต่างจังหวัด ได้รับการศึกษาจนมีอาชีพและประสบความสำเร็จ ขันอาสาเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติ เมื่อได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนก็ตั้งใจเข้ามาทำงาน มีความซื่อสัตย์สุจริต ที่สำคัญ ไม่ต้องการเห็นประเทศมีความขัดแย้งทางการเมือง จนต้องใช้วิธีการทำลายล้างที่ไร้หลักการ และขาด ความเป็นธรรมอย่างที่ตนประสบอยู่ ตนพร้อมพิสูจน์ตัวเองในการทำงาน แต่ต้องขอความเป็นธรรมเพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย การบังคับใช้เป็นธรรม อันเป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นนิติธรรม และเพื่อให้การปฏิรูปและการปรองดองที่แท้จริงเกิดขึ้น เพื่อความสุข สันติกับคนไทย
23 ม.ค.ลงคะแนนลับ นับเปิดเผย
หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีเสร็จสิ้น โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.แจ้งต่อที่ประชุมถึงการลงมติถอดถอนในวันที่ 23 ม.ค.ว่า จะเริ่มเวลา 10.00 น. ในคดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ใช้วิธีลงคะแนนลับ แต่นับคะแนนโดยเปิดเผย จากนั้นจะเป็นการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้วิธีเดียวกับการถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์ ขอให้สมาชิก สนช.มาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงในวันที่ 23 ม.ค.
แจกบัตร 2 สี สนช.เข้าคูหาลงมติ
ช่วงบ่าย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.แถลงถึงขั้นตอนและวิธีการลงมติถอดถอนในวันที่ 23 ม.ค.ว่า จะเริ่มต้นเวลา 10.00 น. โดยจะลงมติกรณีนายนิคม และนายสมศักดิ์ ด้วยการลงมติลับ โดยขานชื่อสมาชิกเรียงตามตัวอักษร เพื่อรับบัตรคนละสองสีให้เข้าคูหากาช่องในช่องให้เลือกว่าจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอน และนับคะแนนโดยเปิดเผย คาดว่าใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นจะลงมติลับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไม่ให้ลงมติเปิดเผย เพราะรัฐธรรมนูญทั้งปี 40 และ 50 รวมทั้ง พ.ร.บ. ป.ป.ช.กำหนดให้เป็นการลงมติโดยทางลับ จึงไม่สามารถยกเว้นข้อบังคับการประชุมที่รัฐธรรมนูญระบุรองรับไว้ได้ต้องยึดให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ปัดล็อบบี้ในงานเลี้ยงสโมสร ทบ.
นายพรเพชรกล่าวว่าหาก สนช.มีมติถอดถอน ต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ อาทิ ป.ป.ช.และรัฐบาล ยืนยันว่าการถอดถอน สนช.ระมัดระวังมาก การลงมติถือเป็นสิทธิของสมาชิกจะใช้ดุลพินิจโดยอิสระ ไม่มีใครจะมาสั่งหรือแทรกแซงได้ ส่วน งานเลี้ยงของ สนช.เย็นวันที่ 22 ม.ค. ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ก็ไม่มีการล็อบบี้กัน ทำไม่ได้อยู่แล้ว ในงานคงไม่มีการพูดคุยเรื่องล็อบบี้ถอดถอน เพราะทุกคนเครียดกันมามากพอแล้ว คงเป็นการสังสรรค์กันมากกว่า และเป็นงานที่มีการนัดล่วงหน้านานแล้วเพื่อเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ให้กับ สนช.
วิปฯชงเปลี่ยนโหวตครั้งเดียว 3 คน
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้วิป สนช.เสนอวิธีการโหวตลงมติถอดถอนคดีนายนิคม นายสมศักดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยแยกการลงคะแนนสองครั้ง คือ ลงคะแนนคดีนายนิคมและนายสมศักดิ์พร้อมกัน ส่วนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้แยกลงคะแนนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการ หารือกับ สนช.หลายคนเห็นว่า หากแยกลงคะแนนตามวิธีดังกล่าว ผลการลงคะแนนครั้งแรกอาจจะส่งผลต่อการลงคะแนนในครั้งที่สองได้ ดังนั้น จะเสนอต่อที่ประชุมในวันที่ 23 ม.ค. ให้มีการลงคะแนนทั้ง สามคนในครั้งเดียว โดยแยกบัตรลงคะแนนเป็นสามบัตรขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.จะเห็นชอบวิธีดังกล่าวหรือไม่ เพราะจะไม่สามารถชี้นำการลงคะแนนได้
สนช.จ่อเท 150 เสียงสอย “ปู”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงมติถอดถอนคดีนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯในวันที่ 23 ม.ค. การลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียง สนช.ส่วนใหญ่เห็นคล้อยไปในทิศทางเดียวกันว่าจะลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากฟังข้อมูล ป.ป.ช.แล้วพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดชัดเจนตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตและความเสียหายขึ้นในโครงการจำนำข้าวหลายแสนล้านบาท โดยเฉพาะกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมมาตอบข้อซักถาม สนช.ด้วยตัวเอง ทำให้ สนช.หลายคนเห็นว่า สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีในวันที่ 22 ม.ค. ไม่มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือแล้ว โดย สนช.ที่เห็นตรงกัน ว่าจะถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์มีอยู่ประมาณ 140-150 เสียง ถือว่าเกิน 3 ใน 5 หรือ 132 เสียง เพียงพอที่จะถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ โดยส่วนใหญ่เป็นสนช.กลุ่ม 40 ส.ว. กลุ่มนักวิชาการบางส่วน กลุ่มอดีตข้าราชการพลเรือน และกลุ่มอดีตข้าราชการทหารที่เกษียณอายุราชการ แต่จะมีบางส่วนงดออก เสียงประมาณ 20 กว่าเสียง
“นิคม-สมศักดิ์” รอวัดดวงแต้มสูสี
ขณะที่คดีถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์พบว่า คะแนนเสียงยังก้ำกึ่งสูสีกัน ระหว่างฝ่ายที่เห็นว่าควรถอดถอนกับฝ่ายที่เห็นว่า ไม่ควรถอดถอน โดยฝ่ายที่เห็นควรถอดถอนเห็นว่า กรณีดังกล่าวทั้งสองคนมีความผิดชัดเจน โดยใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับการประชุมไปตัดสิทธิการอภิปรายของ อดีตสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่ยังมีสมาชิกจำนวนมากยังไม่ได้อภิปราย ถือว่าใช้อำนาจประธานที่ประชุมเอื้อ ประโยชน์ให้เสียงข้างมาก ขณะที่ฝ่ายที่เห็นว่าไม่ควรถอดถอนเห็นว่าข้อกฎหมายยังไม่ชัดเจนที่จะเอาผิด เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว และการตัดสิทธิผู้อภิปรายจำนวนมากเป็นการทำหน้าที่ควบคุมการประชุมที่ขณะนั้น มีการตีรวน สร้างความวุ่นวายในการประชุม เมื่อกฎหมายยังไม่ ชัดเจน ควรยกผลประโยชน์ให้จำเลย อีกทั้งผลจากการกระทำของนายนิคมและนายสมศักดิ์ยังไม่เห็นความเสียหายชัดเจน เท่ากับโครงการรับจำนำข้าว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะสุดท้ายการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อข้อกฎหมายยังไม่มีความชัดเจน จึงควรยกประโยชน์ให้จำเลยไป
รวมพลคึกสังสรรค์ปีใหม่
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ ภายใต้ชื่องาน “ราตรีคนช่างฝัน สังสรรค์ สนช.” บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก สมาชิก สนช.เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมี การล็อบบี้ลงมติถอดถอน 3 คดี ที่จะลงมติในวันที่ 23 ม.ค. โดยมี สนช.ทุกสายทั้งสายทหาร สายนักธุรกิจ นักวิชาการ และกลุ่ม 40 ส.ว.เข้าร่วมงาน อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา พล.อ.นพดล อินทปัญญา นายกล้านรงค์ จันทิก โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.กล่าวว่า เป็นงานเลี้ยงปีใหม่ พบปะสังสรรค์ของ สนช.ไม่มีการคุยเรื่องถอดถอน ไม่มีทฤษฎีสมคบคิด แต่เป็นความบังเอิญที่กำหนดวันไว้ก่อน แล้วมาตรงกับวันลงมติถอดถอน เรื่องถอดถอนว่ากันจบแล้วในที่ประชุม
ขณะที่ พล.ท.พิศนุ พุทธวงศ์ สนช.นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวว่า เป็นงานเลี้ยงที่นัดหมายนานแล้ว ไม่มีการพูดคุยเรื่องถอดถอน และไม่ขอแสดงความเห็น เพราะไม่สามารถทราบความคิดในใจของใครได้ ส่วนตนจะโหวตอย่างไรไม่ขอเปิดเผย
“ยิ่งลักษณ์”โล่งใจเคลียร์หมดทุกเม็ด
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงปิดคดีโดยวาจา เมื่อเวลา 12.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมคณะเดินลงมายังโถงอาคารรัฐสภาชั้น 1 โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากดักรอสัมภาษณ์บริเวณบันไดทางลง จนเบียดเสียดกันชุลมุน ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ. สภาและ รปภ.ส่วนตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กว่า 10 คน ต้องแหวกกลุ่มสื่อมวลชนออกมาเพื่อส่งขึ้นรถตู้ส่วนตัว ระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังก้าวขึ้นรถ นางเรือนแก้ว ศรีหาคิม อดีตข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและพวก 4-5 คน นำช่อดอกไม้มามอบให้เป็นกำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ก่อน ขึ้นรถกลับว่า ขออนุญาตไม่พูดอะไรตอนนี้ คงตอบอะไรไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ สนช. ต้องขอความเป็นธรรมด้วย เพราะได้ชี้แจงไปทั้งหมดแล้ว เมื่อถามว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจหรือยังที่ได้พูดไปหมดทุกอย่างแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า รู้สึกสบายใจ เมื่อถามว่า วันนี้จะเป็นการเดินทางมาสภาฯเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบเพียงว่า ยังไม่ขอพูดอะไรตอนนี้ ขอรอผลวันที่ 23 ม.ค.ก่อน ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับแล้วคงไม่ต้องมาฟัง เราอย่าเพิ่งพูดอะไรกันตอนนี้ดีไหม จากนั้นจึงขึ้นรถกลับออกไป โดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่นั่งปักหลักอยู่ที่ป้ายรถเมล์โบกมือให้กำลังใจก่อนแยกย้ายกลับ และนัดมาร่วมฟังผล การลงมติในวันที่ 23 ม.ค. คนใกล้ชิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ม.ค. ที่ สนช.จะมีการลงมติสำนวนการ ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะรอฟังผลการลงมติถอดถอนของ สนช.อยู่ที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค
ทนายอัด “วิชา” ให้การนอกสำนวน
ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาทีมทนายความต่อสู้คดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุม สนช.ได้เป็นอย่างดี แต่ยอมรับว่าหนักใจเรื่องการลงมติของ สนช.เพราะมี สนช.ไปตรวจสอบพยานหลักฐานในสำนวนเพียงสองคน จึงอยากให้ สนช.เข้าตรวจสอบข้อมูลก่อนการลงมติ ขอให้พิจารณาสำนวนเป็นหลัก เพราะการแถลงปิดคดีของฝ่ายผู้ร้องใช้สำนวนพรรณนาโวหาร ให้การนอกสำนวนเพื่อโน้มน้าวการตัดสินใจลงมติ และไม่สามารถชี้แจงได้ชัดในประเด็นตัวเลขของอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว
“ปึ้ง” ยังหวัง สนช.ชูมือให้ “ปู”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและ รมว.การต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อฟังการแถลงปิดคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทั้งหมดแล้วสบายใจ ตอบได้ทุกประเด็น หากเปรียบเหมือนการชกมวย ป.ป.ช.ถูกนับ 8 ทุกยก เนื่องจากใช้ความรู้สึกกล่าวหาอดีตนายกฯ ไม่มีน้ำหนัก ขณะที่อดีตนายกฯใช้หลักเหตุผลหักล้างได้หมด เชื่อมั่นว่า สนช.ที่มีเหตุผลจะตัดสินใจได้ง่าย ผลชี้ขาดมั่นใจว่าไม่ค้านสายตาประชาชนแน่นอน
โวยิ่งถูกสอย พท.คะแนนเพิ่ม
ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากผลการลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาเสียงเกิน 3 ใน 5 ถ้ามีการเลือกตั้งเมื่อใด พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนมากขึ้นแน่นอน แม้ผลการถอดถอนอาจมีผลต่อการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ถึงกับล้มหายตายจากไป ในพรรคยังมีคนเก่ง มีความรู้ความสามารถอีกมาก ค่อยไปว่ากันอีกที ใครทำอะไรประชาชนจับตาดูอยู่ ยิ่งถูกกระทำมากเขาก็มองว่าผู้ถูกกระทำได้รับความยุติธรรมหรือไม่ เอาความรู้สึกเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียง
“ขวัญชัย” ทำใจอดทนรับสภาพ
นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า สนช.220 คนจะลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่อย่างไร เชื่อว่าธงที่นำมาเป็นความชัดเจนที่สุด เพราะกลัวกลุ่มที่สนับสนุนให้ คสช.ยึดอำนาจจะออกมากวน ทำใจกันไว้แล้วต้องอดทนให้ถึงที่สุด อยู่ในภาวะต้องจำยอม ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ นี่คือกระบวนการล้มคนใกล้ชิดอดีตนายกฯทักษิณ ถูกรังแกมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันนี้ ยังไม่ยอมยุติ ประชาชนจึงรักอดีตนายกฯ ทักษิณและอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์มากขึ้น วันใดที่มีการเลือกตั้ง ประชาชนจะให้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด
“วรงค์” เย้ย “ปู” แถลงผูกคอตัวเอง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า คงได้เห็นคุณยิ่งลักษณ์มโนอยู่คนเดียวในหลายประเด็นที่จินตนาการเอง พยายามบอกว่าคดีจีทูจีเป็นคนละสำนวน หารู้ไม่ว่ายิ่งเป็นการตอกย้ำการปล่อยปละ ละเลยให้เกิดความเสียหายจากการทุจริต และที่อ้างว่าโครงการนี้ต้องการช่วยชาวนาโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรง แต่คุณยิ่งลักษณ์ไม่รู้ว่า เวลาเขาโกงชาวนา เขาตัดเป็นปริมาณข้าวเปลือกออกไป หรือถ้า เงินเข้าบัญชีชาวนาก็มีการไปข่มขู่เพื่อเอาเงินจากชาวนา จึงไม่แปลกที่ช่วยชาวนาจนฆ่าตัวตายถึง 16 ราย หวังว่าท่าน สนช.คงไม่ปรองดองกับผู้กระทำผิด ที่สำคัญคือผิดแล้วยังไม่สำนึก
“ประวิตร” โต้ไม่ได้ไล่ล่าล้างแค้นใคร
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า หาก สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะนำไปสู่การนองเลือดหรือการจลาจลว่า พูดแบบนั้นทำไม เกิดประโยชน์อะไร เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้เกี่ยว กับการบริหารประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าไปพูดแบบนี้มันไม่ดี จะต้องใช้สมองมากกว่านี้ เมื่อถามว่านายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า ถ้าถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้เลิกพูดเรื่องความปรองดองไปได้เลย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่สร้างมาแบบนี้ ฝ่ายบริหารบอกแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นเรื่องของกระบวนการที่จะดำเนินการ แต่หลังจากวันที่ 22 พ.ค. 2557 เป็นเรื่องที่เรารับ ผิดชอบทั้งหมด เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น สิ่งที่ทำมาในอดีตก็ต้องว่ากันไป รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ไปแก้แค้น ไม่ได้ไปไล่ล่า ไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างความ เกลียดชัง แก้แค้นใคร และไม่ได้เป็นศัตรูกับใครทั้งนั้น
ไม่กังวลโยงปมสอยก่อหวอดป่วน
“ผมจะไม่ปราม เขาจะต้องคิดเราพูดอย่างนี้ แล้วมันชัดเจน ไม่ใช่ว่านำปัญหาต่างๆในอดีตมาว่ากันในปัจจุบัน เพราะเรื่องของอดีตจะต้องดำเนินการตามกระบวนการ อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องดูกันต่อไปว่ามีเหตุผลอย่างไร กระบวนการที่ดำเนินการมาก็ไปว่ากันตรงนั้น ไม่ใช่นำเรื่องนี้มาทำให้เกิดความปั่นป่วนกับประเทศ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน และผมก็ไม่ได้รู้สึกกังวลว่าจะนำเรื่องนี้มาจุดกระแสเคลื่อนไหวทางการเมือง จะต้องช่วยกันไม่ว่าใครจะอยู่ฝ่ายไหน รัฐบาลไม่ได้เข้ามาเพื่อแก้แค้นใคร หรือมาเป็นศัตรูกับใคร เราเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าต่อไปให้ได้ เราทำทุกอย่างอยู่แล้ว ในเวลานี้” พล.อ.ประวิตรกล่าว
ขู่ปลุกปั่น คสช.เรียกรายงานตัว
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณี สนช.จะลงมติ ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯวันที่ 23 ม.ค.ว่า นายกฯเป็นห่วงแต่ไม่ถึงกังวล เพราะให้ คสช. และรัฐบาลไปทำความเข้าใจประชาชนแล้ว ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจแล้ว จะมีแค่นักการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น ที่ใช้สื่อในมือเป็นกระบอกเสียง บอกให้มวลชนบางสีเสื้อใจเย็นไว้ก่อน พูดอย่างนี้อยากให้บ้านเมืองกลับไปขัดแย้งอีกหรือ แต่หากเกิด ความวุ่นวาย เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อถามว่าหากมีการยุยงปลุกปั่น คสช.มีอำนาจเรียกมารายงานตัวได้หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญตอบว่า มีอำนาจเรียกมารายงานตัว ยืนยันรัฐบาลไม่มีธงไล่ล่าใคร
สับ ป.ป.ช.ร้อนรนฟ้องอาญาจีทูจี
อีกเรื่อง นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวว่า นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ หัวหน้าคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช. แถลงเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ว่า ไม่ทราบเรื่องที่ ป.ป.ช.ไปออกข่าวว่าคณะทำงานร่วมฯมีมติส่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยนายวุฒิพงศ์ยังงงว่าประชุมกันตอนไหน และยังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่ไม่สมบูรณ์ สอบพยานเพิ่มเติม 2 ปาก จึงตั้งข้อสังเกตต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะทำงานร่วมฯมีความชอบธรรมหรือไม่ เพราะนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ตอบ ข้อซักถามในสภาฯลักษณะชี้นำ ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นความลับ จุดนี้เป็นข้อพิรุธว่าเหตุใดนายวิชาจึงกล้าพูดชี้นำเช่นนั้น
ยื่นหนังสือ อสส.ขอความเป็นธรรม
นายนรวิชญ์กล่าวว่า นอกจากนี้นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.กลับให้ข่าวยืนยันว่าได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 ม.ค. มีตัวแทนฝ่าย ป.ป.ช. 10 คน และตัวแทนฝ่ายอัยการสูงสุด 3 คน และอ้าง ว่าที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าสามารถฟ้องคดีได้ จึงมีมติเสนอเรื่องส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อไป หากสิ่งที่นายสรรเสริญยืนยันเป็นจริง ก็มีคำถามว่า อัยการ 3 คน ที่ร่วมประชุมถือเป็นตัวแทนอัยการสูงสุดหรือไม่ และมติที่นายสรรเสริญอ้างเป็นมติที่ชอบของคณะทำงานชุดใหญ่หรือไม่ ดังนั้น ตนจะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดในวันที่ 23 ม.ค.เพราะผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงอดีตผู้นำของประเทศควรดำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม และอัยการสูงสุดจำเป็นที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรที่ดำรงมากว่า 100 ปี นายนรวิชญ์กล่าว
อัยการตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริง
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะทำงานร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ระหว่างฝ่ายอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้คณะทำงานฝ่ายอัยการ อยู่ระหว่างทำความเห็นเสนอนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ซึ่งเคยทำความเห็นไปแล้วบางส่วน แต่ยังไม่เรียบร้อยดี ทราบว่านายตระกูลอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการต่างจังหวัด ต้องรอให้พิจารณาอีกครั้งว่ามีความเห็นเป็นอย่างไร และวันที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น. นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนจะแถลงข่าวให้ทราบอย่างเป็นทางการ
ขอ สนช.ชะลอร่าง ป.ป.ช.ไว้ก่อน
อีกด้าน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมของ กมธ.ยกร่างฯเมื่อที่ 22 ม.ค.ว่า กมธ.ยกร่างฯ มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่...) พ.ศ. ...ซึ่ง สนช.ได้สอบถามนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯที่ได้มอบหมายให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานอนุ กมธ.พิจารณาการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะ 8 พิจารณาเบื้องต้น เห็นว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 7 มาตรา ยังมีปัญหาบางประการที่ขัดแย้งกับแนวทางหลักของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กมธ.ยกร่างฯจึงทำหนังสือขอให้ สนช.ชะลอการพิจารณาส่วนนี้ไว้ก่อน
ตัด “เฮทสปีช” กันจำกัดสิทธิสื่อ
นายคำนูณกล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่ กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาคือ การเขียนถ้อยคำที่ว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเกลียดชังกันระหว่างคนในชาติหรือศาสนา หรือการใช้ความรุนแรงระหว่างกัน” (Hate Speech) เมื่อได้สำรวจดูร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ในขณะนี้แล้วปรากฏว่ามี Hate Speech อยู่ในมาตรา (1/2/1) 1 และมาตรา (1/2/2) 14 ซึ่งอยู่ในบททั่วไป ครอบคลุมถึงพลเมืองทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นในมาตรา (1/2/2) 20 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน จึงไม่จำเป็นต้องมีอีก เพราะสื่อมวลชนถือว่าเป็นพลเมืองเช่นกัน จึงเสนอให้ตัดส่วนนี้ในมาตรา (1/2/2) 20 ออก เพื่อป้องกันการนำบทบัญญัติดังกล่าวไปอ้าง เพื่อจำกัดหรือลิดรอนสิทธิสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร โดยบทบัญญัติดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการใช้สิทธิบุคคลทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินไทย คือ คนไทยและคนต่างชาติ
สปช.เดินหน้าดัน 34 วาระปฏิรูป
เมื่อเวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิปสปช.) แถลงว่าในวันที่ 26 ม.ค. สปช.จะประชุมเพื่อพิจารณารายงานของ กมธ.วิสามัญฯที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ออกแบบอนาคตประเทศไทยจากเวทีวิสัยทัศน์สู่แผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศเมื่อวันที่ 19-20 ม.ค. โดยสรุปแนวทางการปฏิรูปได้ 34 วาระ เพื่อมอบหมายให้คณะ กมธ.ปฏิรูปทั้ง 18 ด้าน และที่ประชุม สปช.จะมีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่สำนักงาน ป.ป.ช.เสนอข้อแก้ไขมายัง สนช.ช่วง พ.ย.57 แต่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ส่งเรื่องมาให้ สปช.ซึ่งนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.มอบหมายให้ กมธ.ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบนำไปพิจารณา และมีมติว่าให้ สนช.นำร่างฯแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต
วอนอาเซียนร่วมต้านภัยไซเบอร์
เมื่อเวลา 09.30 น.ที่โรงแรมแชงกรีลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นประธานเปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศครั้งที่ 14 และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศครั้งที่ 15 โดยมีรัฐมนตรีและผู้แทนจากกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศเข้าร่วม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราตระหนักดีว่าอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์สร้างผลกระทบเชิงลบในวงกว้างได้มหาศาล ไม่ว่าบั่นทอนโครงสร้างพื้นฐาน หรือสร้างอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อาเซียนจำเป็นต้องมีแนวทางร่วมกันในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ เพื่อเป็นสังคมที่เปี่ยมด้วยความมั่นคงและสันติสุข อยากฝากเรื่องอาเซียนแชนแนลเป็นช่องทางไอซีเพื่อติดต่อสื่อสารถึงกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นก็ช่วยเหลือกันได้ทันที
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถ่ายรูปหมู่กับบรรดา รัฐมนตรีไอซีทีอาเซียนที่เข้าร่วมประชุม ระหว่างนั้น นายยาคอบ อิบราฮิม (Yaacob Ibrahim) รมว.ไอซีทีสิงคโปร์ได้นำสมาร์ทโฟนออกมาขอถ่ายภาพเซลฟี่กับ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีคนอื่น ทำให้ ผู้เข้าร่วมประชุมพากันปรบมือด้วยความชอบใจ
ยกฟ้อง “เฉลิม” หมิ่นศรีสุบรรณฟาร์ม
ที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่บริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม โดยนายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว ผู้รับมอบอำนาจและผู้ถือหุ้นเป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจำเลยขณะเป็นรมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์กล่าวหาบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ถือครองเอกสารสิทธิที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี 59 แปลง กว่า 1,300 ไร่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ศาลพิเคราะห์ถ้อยคำที่จำเลยให้สัมภาษณ์แม้จำเลยจะพูดว่าที่ดินดังกล่าวได้มาโดยไม่สุจริต แต่ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงใครถือว่าเป็นการแถลงข่าวในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทพิพากษายกฟ้อง
ไม่รับ “กรณ์” ฟ้องอัพตั๋วบินไทย
ขณะเดียวกัน ศาลยังได้ยกฟ้องส่วนคดีอาญาและไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง และนางวรกร จาติกวณิช ฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกฯ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.ไอซีที และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและเรียกค่าสินไหมทดแทนด้วยในกรณีพาดพิงนายกรณ์อาจมีการใช้อภิสิทธิ์ให้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) อัพเกรดบัตรโดยสารในการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งเนื่องจากการกระทำของจำเลยจึงเป็นแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม บุคคลทั่วไปสามารถกระทำได้
ตร.นัดถกทูตกีวีล่า “ตั้ง อาชีวะ”
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ช่วยทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย มาหารือเกี่ยวกับการติดตามจับกุมตัวนายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาดำเนินคดีในไทย แม้ว่าไทยกับนิวซีแลนด์จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ใช้ช่องทางการทูตได้ ในการหารือไทยจะสอบถามว่า ตั้ง อาชีวะ ได้สิทธิเป็นพลเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่
ที่มา: เว็บ นสพ.ไทยรัฐ
ที่มา: เว็บ นสพ.ไทยรัฐ
โดย www.tuewsob.com (ผอ.นิกร เพ็งลี)
อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ
เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ
... ห้อง ติวสอบ (กรณีศึกษา)
ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย (ผอ.นิกร เพ็งลี)
อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ
เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ
... ห้อง ติวสอบ (กรณีศึกษา)
ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา ที่
" ติวสอบดอทคอม " เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย (ผอ.นิกร เพ็งลี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น