หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567
พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2567

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

ผลการดำเนินงานด้านการศึกษาในรอบ 3 เดือน และทิศทางการดำเนินงานด้านการศึกษา

เรื่องใหม่ ...น่าโหลด...(วันนี้)

1.การเพิ่มเนื้อหา  วิชา หน้าที่พลเมือง ชั่วโมง การเขียนรหัสวิชา
2.เครื่องแบบพนักงานราชการ  2557
-เกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา 2557 

คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

-นโยบาย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
ตัวบ่งชี้ ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ พื้นฐาน-อุดม-อาชีว 
โดย สมศ.

ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษาชุดใหม่ล่าสุด

 ติวสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่

 ติวสอบ บน ยูทูป

  (  คลิ๊ก ) สมัครติวสอบผู้บริหารภาค 4 ภาค 30 จุดปี 2557-2558 


ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 1/2558
ผลการดำเนินงานด้านการศึกษาในรอบ 3 เดือนและทิศทางการดำเนินงานด้านการศึกษา
ศึกษาธิการ - สรุปผลการดำเนินงานด้านการศึกษาในรอบ 3 เดือนของกระทรวงศึกษาธิกา (กันยายน-ธันวาคม 2557) ความก้าวหน้าตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษา และทิศทางการดำเนินงานด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การบริหารงานของพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
1. การดำเนินงานด้านการศึกษาช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล
จากการที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 โดยได้กำหนดนโยบายไว้ 11 ด้าน เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 มาตรา 19  ที่ระบุให้รัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ
กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะที่มีภารกิจในการจัดและส่งเสริม สนับสนุนการศึกษา เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการนำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยมีบทบาทหลักดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในข้อที่ 4  นโยบายการศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม  นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังเป็นส่วนราชการที่สำคัญในการร่วมขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายที่ 1 การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์  นโยบายที่ 2 นโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ  นโยบายที่ 7 นโยบายการส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน   นโยบายที่ 8 นโยบายการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม และนโยบายที่ 10 นโยบายการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 3 เดือน นับตั้งแต่ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกรและพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันแรกที่กระทรวงศึกษาธิการ ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 จนถึงเดือนธันวาคม 2557 ได้มีผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ดังนี้
 นโยบายที่ 1 การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
- ได้จัดงาน “เทิดไท้พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ 3 – 5ธันวาคม 2557 ณ บริเวณโดยรอบกระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดกิจกรรมสาธารณะประโยชน์และปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน
- จัดกิจกรรมคาราวานจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ โดยให้หน่วยงานในสังกัดทุกแห่งในส่วนกลางจัดข้าราชการออกไปบำเพ็ญประโยชน์ในสถานที่ต่างๆ อาทิ วัด โรงพยาบาล บ้านพักคนชรา
จัดโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์ความรักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ โดยจัดประชุมผู้บริหาร กศนทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอในภูมิภาค เพื่อสร้างความรู้ ความตระหนัก เทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในชาติ รวมทั้งสามารถนำไปถ่ายทอดแก่ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทุกภาคส่วน 
นโยบายที่ การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ
- ดำเนินโครงการรณรงค์และแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยเข้าไปสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกัน
ยาเสพติดแก่เด็กปฐมวัยในโรงเรียนอนุบาล และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งทั่วประเทศ 20,000 แห่ง
จัดกิจกรรมป้องกันเด็กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงให้มีภูมิคุ้มกันยาเสพติด ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ในโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนทุกแห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน
จัดทำคู่มือจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6  และส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับโรงเรียนและสถานศึกษาเป้าหมายทุกแห่งทั่วประเทศ ที่เป็นสถานศึกษาขยายโอกาสมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา ทั้งสังกัดภาครัฐและเอกชน 
- ดำเนินโครงการ To Be Number One โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษามาอย่างต่อเนื่อง
- ดำเนินการจัดตั้งและการดำเนินงานศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) หรือ “กระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า” ณ สำนักงานศึกษาธิการ ภาค 12 จังหวัดยะลา โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้การดำเนินงานทุกหน่วยในพื้นที่ให้มีเอกภาพและบูรณาการงานของกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและความสันติสุขอย่างยั่งยืน  พัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้มีคุณภาพ จัดค่ายพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ จัดค่าย O–NET .6 และ ป.6 จัดกิจกรรมสนับสนุนการฝึกอาชีพในโรงเรียนและกิจกรรมเข้าค่ายอาเซียนสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา จัดสรรเงินอุดหนุนสถาบันศึกษาปอเนาะ สำหรับเป็นค่าบริหารจัดการสถาบันศึกษาปอเนาะ จำนวน 373แห่ง จัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกเพื่อผลิตและพัฒนาอาจารย์และบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐบาลที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 จังหวัด นอกจากนี้ได้มีการพัฒนาชุดนวัตกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย หลักสูตร 350 ชั่งโมงอ่านออกเขียนได้ เพื่อให้เป็นหลักสูตรต้นแบบในการสอนภาษาไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพัฒนาครูเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการสอนภาษาไทย จำนวน 4 หลักสูตร 
นโยบายที่ 4 การศึกษาและการเรียนรู้ ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
มุ่งมั่นที่จะนำการศึกษามาสร้างสังคมไทยให้เข้มแข็งอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม โดยเร่งปฏิรูปการศึกษาและยกระดับคุณภาพการศึกษาซึ่งใช้ผลประเมินเป็นโจทย์ในการพัฒนา นำแนวทางการสอบ PISA มาใช้ขับเคลื่อนระบบการวัดและประเมินสมรรถนะผู้เรียน
- ดำเนินโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พัฒนาทักษะการเรียนรู้ และคุณลักษณะการเป็นพลเมืองไทยที่ดี โดยกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปการเรียนรู้ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาผ่านการจัดกระบวนการเรียนรู้ในสถานศึกษา โดยใช้ระบบ Coaching Team และTeacher’s Feedback
ดำเนินกิจกรรมยกระดับคุณภาพการศึกษาในเขตเป้าหมาย เพื่อยกระดับผลทดสอบระดับชาติ (O-NET) ของผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 ดำเนินการส่งเสริมผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ (เด็กอัจฉริยะเพื่อเป็นกำลังสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดในอนาคต 
          ด้านการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส 
ศธ.ได้ดำเนินโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าเครื่องแบบนักเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในภาคเรียนที่ 2/2557 และภาคเรียนที่ 1/2558 มีผู้เรียนได้รับการสนับสนุน จำนวน 11,591,627 คน
- ดำเนินการกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในปีการศึกษา 2557 สำหรับผู้กู้ยืมรายใหม่จำนวน 54,946 ราย
โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้ว จำนวน 4 รุ่น มีผู้ได้รับทุน 3,093 คน ให้ไปเรียนต่อในสาขาตามที่สนใจในต่างประเทศ และมีการปรับแนวทางการดำเนินงานที่การส่งเสริมให้ไปเรียนสายอาชีวศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการด้านกำลังคนของประเทศในสายอาชีวะจำนวนมาก ทั้งภาคอุตสาหกรรม การไฟฟ้า และเกษตรกรรม โดยเฉพาะผู้ที่จบสายอาชีวะโดยตรงจากต่างประเทศ
ดำเนินงาน กศน.ตำบล จำนวน 7,424 แห่ง โดยจัดบริการการศึกษาให้แก่เด็กที่ตกหล่น ยากจน และไร้ที่พึ่ง อันเนื่องมาจากอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล หรือยากลำบากในการคมนาคม ติดต่อสื่อสารเด็ก/เยาวชนที่ออกกลางคันจากระดับการศึกษาภาคบังคับ กลุ่มผู้จบการศึกษาภาคบังคับแต่ไม่ได้เรียนต่อ กลุ่มเด็ก/เยาวชนเร่ร่อน/ไร้บ้าน กลุ่มเด็ก/เยาวชน/บุตรกรรมกรก่อสร้าง
          ด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
นำเทคโนโลยีสารสนเทศผ่านโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมเข้ามาใช้ โดยจัดการเรียนการสอนโดยใช้ระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัด สพฐจำนวน 15,369 โรง ครอบคลุมผู้เรียน จำนวน 1,015,974 คน และได้เตรียมการขยายไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้การศึกษานอกระบบในวัดแบบไม่เป็นทางการ เชื่อมโยงระหว่างบ้าน-วัด-โรงเรียน (บวร) เข้าด้วยกัน โดยการจัดการเรียนการสอนในขั้นพื้นฐาน อาทิ จัดการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย จัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จัดค่ายพักแรมลูกเสือเนตรนารี เป็นต้น การจัดการศึกษาต่อเนื่อง (ฝึกอาชีพระยะสั้น)
- ดำเนินโครงการจัดการความรู้เพื่อสร้างเสริมความเข้มแข็งชุมชน โดยส่งเสริมจัดการศึกษาของวิทยาลัยชุมชนในระดับต่ำกว่าปริญญา การศึกษาเพื่ออาชีพ และจัดการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรเพื่อพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น ซึ่งมีเป้าหมายการให้บริการ 15,025 คน ใน 44 ชุมชนทั่วประเทศ
            การส่งเสริมค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ 
ดำเนินการจัดกิจกรรมค่าย “เยาวชนคนรุ่นใหม่ใฝ่ค่านิยม” โดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็นนักศึกษา ประชาชน จำนวน 64,900 คน ใน 928 อำเภอทั่วประเทศ
ดำเนินโครงการส่งเสริมความเป็นพลเมือง โดยผ่านทักษะการอ่านคำกลอน “ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ” สำหรับผู้เรียนประถมศึกษา การเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาล "มหาวิทยาลัยโปร่งใส บัณฑิตไทยไม่โกงโดยใช้หลักค่านิยม 12 ประการ คุณธรรมเป็นพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้ เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ครอบครัว ศาสนา และชุมชน ในการพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง รวมทั้งจัดทำบทเรียนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม
- กิจกรรมการพัฒนาผู้บริหารและครูเอกชนในระดับจังหวัด เรื่อง การคิดวิเคราะห์การเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ความพอเพียง การเสริมสร้างค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ที่มีเป้าหมายเป็นผู้บริหารและครู จำนวน 30,180 คน 
            ด้านการส่งเสริมอาชีวศึกษาเพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะโดยเฉพาะในท้องถิ่นที่มีความต้องการแรงงาน และพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานวิชาชีพ 
ออกประกาศเรื่อง มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เพื่อให้การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน มีมาตรฐานไม่ต่ำกว่ากรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ และมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษา
- จัดงาน “อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย” เพื่อสร้างค่านิยมอาชีวศึกษา เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคี ส่งเสริมสนับสนุนให้มีผู้เข้าเรียนอาชีวศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทวิภาคีให้มากขึ้น
ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถานประกอบในการพัฒนาและผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษา อาทิ ร่วมกับหอการค้าเยอรมัน-ไทย หอการค้าไทย และกลุ่มมิตรผล เพื่อผลิตกำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรและภาคบริการ โดยนำร่องในวิทยาลัยเทคนิคและวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 6 แห่ง ใน 3 จังหวัด ข้อตกลงความร่วมมือกับศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) เพื่อพัฒนากำลังคนด้านการควบคุมเรือประมง ในระยะเวลา 3 ปี มีสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการ จำนวน  4 แห่ง   ข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชนโดยร่วมกันพัฒนาหลักสูตรผลิตกำลังคนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประเภทวิชาพาณิชยกรรม สาขาธุรกิจค้าปลีก เพื่อป้อนอุตสาหกรรมค้าปลีกของประเทศ
          การพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพและมีจิตวิญญาณของความเป็นครู เน้นครูผู้สอนให้มีวุฒิตรงตามที่สอน
- ดำเนินโครงการผลิตครูมืออาชีพ ในรูปแบบประกันการมีงานทำ เพื่อผลิตครูคุณภาพและแก้ไขปัญหาขาดแคลนครู ในปี 2557 มีนิสิตนักศึกษาครูที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 5 และกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษา ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,047 คน ซึ่งได้รับการบรรจุเข้ารับราชการครูเรียบร้อยแล้ว
- ดำเนินการพัฒนาครูผู้สอนในทุกระดับการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน อาทิ จัดทำหลักสูตรเพื่ออบรมครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (ครู สควค.)เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เตรียมการพัฒนาบุคลากรด้านการวัดผลประเมินผลที่เน้นการคิดวิเคราะห์ตามแนวทาง PISA วิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ความรู้ สามารถนำไปจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การแก้ไขปัญหาความขาดแคลนครู  ศธ.ได้จัดทำประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง กำหนดประเภทวิชาและสาขาวิชาขาดแคลน ด้านอาชีวศึกษา(9 ประเภทวิชา 86 สาขาวิชาจัดทำแนวทางปฏิบัติในการออกหนังสืออนุญาตปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กรณีผู้มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีสาขาวิชาขาดแคลน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วยที่มีเหตุพิเศษ ปรับหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน  ปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งครูผู้ช่วย และพัฒนาระบบเกณฑ์มาตรฐานอัตรากำลังครูในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอาชีวศึกษา
นโยบายที่ 7 การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
ได้มีการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยจัดทำแผนยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงภายหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (post 2015) .. 2559 – 2563
- จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอาเซียนศึกษาในหน่วยงานในสังกัด เพื่อประสานและขับเคลื่อนความเข้าใจ ส่งเสริมต้นแบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงด้านภาษา
จัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม
พัฒนาโรงเรียนมาตรฐานสากล หลักสูตรภาษาอังกฤษ EP MEP EIS ในสถานศึกษา
จัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
ดำเนินการพัฒนาทักษะการเรียนการสอน ด้านภาษาอังกฤษและ ภาษาประเทศเพื่อนบ้าน โดยพัฒนาครูวิทยากรแกนนำการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ English Bilingual Education (EBE)
จัดค่ายวิชาการภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนภายในเดือนมกราคม 2558 
นโยบายที่ 8 การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม
มุ่งเน้นการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เพื่อเชื่อมโยงการเรียนรู้กับการทำงาน การให้บุคลากรด้านการวิจัยของภาครัฐสามารถไปทำงานภาคเอกชน และสามารถสร้างสังคมนวัตกรรม โดยสนับสนุนทุนให้แก่มหาวิทยาลัยภายใต้โครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา 70 แห่ง รวมทั้งสิ้น 538 โครงการ สนับสนุนผลงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้โดยสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมไปถึงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
ดำเนินโครงการบูรณาการการยกระดับการพัฒนาและส่งเสริมนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยพัฒนาและขยายผลอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์สำหรับเยาวชน
 - ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าโครงการอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ปีการศึกษา 2557 ซึ่งมีนักเรียนสมัครสอบเข้าแข่งขันจำนวน 131,740 คน
ดำเนินโครงการพัฒนาและส่งเสริมการผลิตครูผู้มีความสามารถพิเศษ ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) โดยสรรหาผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 1,136 คน 
นโยบายที่ 10 การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
ได้กำหนดมาตรการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป...) ในการให้ความรู้กับบุคลากรในสถาบันการศึกษา และกระบวนการจัดการโดยการวางระบบ และให้ ป..จังหวัดมีส่วนร่วมกับโครงการขนาดใหญ่
 - ดำเนินโครงการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา “ป้องกันการทุจริต” โรงเรียนสุจริต
จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอผลงาน Best Practice “โรงเรียนสุจริต ผลิตนวัตกรรม นำสู่การปฏิบัติ” โดยมีผู้ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วยนักเรียน ครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์/นักวิชาการ 


2. ความก้าวหน้านโยบายด้านการปฏิรูปการศึกษา
 1) ยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา
 กระทรวงศึกษาธิการเป็นองค์กรหลักที่มุ่งจัดและส่งเสริมการศึกษาให้ประชาชนมีความรูความสามารถ มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนาตนเองเสริมสร้างสังคมคุณธรรม พัฒนาสังคมฐานความรูและสามารถยืนหยัดในเวทีโลกบนพื้นฐานของความเป็นไทย โดยมีการจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง เพื่อทำหนาที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและกำกับดูแลการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทการศึกษา กำหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา ส่งเสริมและประสานงานการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการกีฬาเพื่อการศึกษา ติดตามตรวจสอบและประเมินผล
 แต่จากการปฏิบัติราชการพบสภาพปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญคือ การกระจายโอกาสทางการศึกษายังไมเป็นธรรมและทั่วถึง เกิดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงบริการการศึกษา มาตรฐานและการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในทุกระดับกำหนดจากส่วนกลาง ซึ่งไมสอดคลองกับสภาพปัจจุบันและความแตกต่างของแต่ละท้องถิ่น การส่งเสริมการจัดการศึกษายังไมเหมาะสมกับการศึกษาแต่ละระดับและประเภท นโยบายการผลิตผู้สำเร็จการศึกษาไมสอดคลองกับทิศทางความต้องการของตลาดแรงงานนโยบายการบริหารจัดการศึกษาขาดความต่อเนื่องและชัดเจน เนื่องจากมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง
 โครงสร้างการจัดระเบียบบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการยังไมสอดคลองกับภารกิจและไมเป็นเอกภาพ การตัดสินใจการบริหารและจัดสรรงบประมาณรวมศูนย์กลางไว้ในส่วนกลาง สถานศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานมีปริมาณไม่เพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการในทุกระดับและทุกสาขาวิชา
 ดังนั้น จากสภาพปัญหาอุปสรรคต่างๆ จึงเป็นกรอบกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปการศึกษา ดังนี้
1. เพิ่มและสร้างโอกาสทางการศึกษาในสังคมไทยอย่างเท่าเทียม
2. ปฏิรูปการเรียนรู้และยกระดับคุณภาพการศึกษา
3. เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และส่งเสริมการวิจัยพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
4. ผลิตและพัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ
5. ปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
6. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทันสมัย
2) เป้าหมายการปฏิรูปการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่จัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาของชาติ ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ และการพัฒนาประเทศโดยรัฐบาลมุ่งจัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ โดยให้ความสำคัญทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษาทางเลือกไปพร้อมกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ
1. สร้างคุณภาพคนไทยให้สามารถเรียนรู้ พัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ ประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้ ด้วยความใฝ่รู้และทักษะที่เหมาะสม
2. คนไทยเป็นคนดีมีคุณธรรม
3. สร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ เพื่อสร้างสัมมาชีพในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนากำลังคนให้เป็นที่ต้องการเหมาะสมกับพื้นที่
สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหน่วยงานดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ ได้กำหนดจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายหลักของการปฏิรูปการศึกษาไว้ คือ สร้างระบบการศึกษาของไทยเป็นที่ยอมรับและเกิดความมั่นคงยั่งยืน  สร้างโอกาสทางการศึกษาในสังคมไทยอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานสากล  ยกสถานะวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ครูเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และบูรณาการการปฏิบัติราชการทุกระดับเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกันและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
3) ผลการดำเนินงานที่สำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
คณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์  นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์  - นายตวง อันทะไชย  นางทิชา ณ นคร นายมีชัย วีระไวทยะ
คณะกรรมการ  โดยมีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ นายกฤษณพงศ์  กีรติกร และพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ โดยมีกรรมการอีก 21 คน เช่น - พลเอก สุทัศน์  กาญจนานนท์กุล  - นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ - นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา  - นายวิจารณ์ พานิช  - นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์  - นายสมชัย ฤชุพันธุ์ - นางประภาภัทร นิยม - นายวรากรณ์ สามโกเศศ  - นางสิริกร มณีรินทร์  - นายนคร ตังคะพิภพ  - นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ - นายอมรวิชช์ นาครทรรพ  - นายสมพร ใช้บางยาง  - นางสุทธศรี วงษ์สมาน - นายแพทย์กำจร ตติยกวี - นายกมล  รอดคล้าย  - นายชัยพฤกษ์  เสรีรักษ์ - นายพินิติ รตะนานุกูล เป็นกรรมการและเลขานุการ
นายประวิต เอราวรรณ์  นายชาญ ตันติธรรมถาวร และนายเฉลิมชนม์  แน่นหนา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว มีหน้าที่จัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะเพื่อปฏิรูปด้านการศึกษา เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับด้านการศึกษาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบหมายบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการตามที่เห็นสมควร รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงานเพื่อดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย
คณะกรรมการดังกล่าว ได้ประชุมครั้งแรกไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ โดยที่ประชุมได้หารือถึงกรอบการปฏิรูปการศึกษา เพื่อต้องการให้การปฏิรูปการศึกษาเป็นนโยบายพื้นฐานของทุกรัฐบาล ที่ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ควรดำเนินการตามกรอบ เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาของไทยเกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน และไม่ถูกแทรกแซงจากระบบการเมือง ทั้งยังเห็นพ้องในหลักการว่าควรมี คณะกรรมการระดับชาติ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการปฏิรูปการศึกษา ทั้งระยะเร่งด่วน (ปี) ระยะปานกลาง (1-3 ปี) และระยะยาว (5-10 ปี)
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่างๆ ในคณะกรรมการชุดนี้ คณะ เพื่อเป็นกลไกการดำเนินงานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อาทิ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาระบบงบประมาณและทรัพยากรเพื่อการศึกษาคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการและการติดตามประเมินผลคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายการศึกษาคณะอนุกรรมการด้านการกระจายอำนาจด้านการปฏิรูปหลักสูตร ด้านการผลิตและพัฒนาครู เป็นต้น
ประการสำคัญ คือ ได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการปฏิรูประบบการเรียนรู้สู่ผู้เรียน (Education Reform Lab & Coaching Lab) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ดำเนินการเพื่อนำร่องการกระจายความรับผิดชอบ (หรือกระจายอำนาจ) ลงสู่เขตพื้นที่การศึกษา เป็นเวลา 3ปีต่อเนื่อง (พ.ศ.2558-2560) ในเขตพื้นที่การศึกษา 20 เขตๆ ละ 15 โรงเรียน ครอบคลุมโรงเรียนแกนนำซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีผลการเรียนรู้ต่ำเป็นกลุ่มเป้าหมายการดำเนินงาน รวมทั้งสิ้น 300 โรง โดยให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาวิเคราะห์สถานภาพและตั้งโจทย์การพัฒนาโรงเรียนดังกล่าว พร้อมทั้งจัดให้มีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (Reform Lab) และปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน (Coaching Lab) จากนั้นจึงจะร่วมกันเลือกประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้คณะทำงาน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และนักประเมินผลติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะทุกๆ เดือน และ เดือนต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 7 มกราคม 2558 ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ให้การปฏิรูปการศึกษาเป็นการวางรากฐานที่ดีต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ ของประเทศอย่างยั่งยืน จึงจะให้มีการประชุมหารือร่วมกันมากขึ้น ทั้งในส่วนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการทั้ง 7 คณะ อาจเป็นเดือนละ 1-2 ครั้ง

3. ทิศทางการดำเนินงานด้านการศึกษาในอนาคต
การศึกษาสร้างคน คนสร้างชาติ” เป็นคำพูดที่ชี้ให้เห็นว่าการศึกษานั้นมีความสำคัญต่อการพัฒนาคนและประเทศ เพราะคนถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนทรัพยากรในด้านอื่นๆ ของชาติ หากประเทศใดประชาชนมีความรูสูง มีความฉลาดทั้งด้านปัญญา อารมณ์และจิตสำนึกเพื่อสังคม มีความเข้มแข็งทางภูมิปัญญามากพอที่จะช่วยกันแกไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ย่อมส่งผลให้ประเทศนั้นมีความเจริญตามไปด้วย
จึงสรุปไดาการศึกษาเป็นกลไกที่สำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาชาติ เนื่องจากการศึกษาจะช่วยให้ประชาชนอ่านออกเขียนได คิดวิเคราะห์เป็น เรียนรูคุณธรรมจริยธรรม ความเป็นพลเมือง และการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมตลอดจนถึงทักษะในการประกอบอาชีพและทักษะทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยให้มีความสามารถในการแข่งขัน ลดความเหลี่อมล้ำในสังคมในระยะยาว
 กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่จัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาของชาติ ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ และการพัฒนาประเทศ โดยรัฐบาลมุ่งจัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ โดยให้ความสำคัญทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษาทางเลือกไปพร้อมกัน เพื่อสร้างคุณภาพของคนไทยให้สามารถเรียนรู้ พัฒนาตนได้เต็มตามศักยภาพ ประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้โดยมีความใฝ่รู้และทักษะที่เหมาะสม เป็นคนดีมีคุณธรรม สร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ โดยเน้นการเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาชีพในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนากำลังคนให้เป็นที่ต้องการเหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจบริการ
จึงได้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในภาพรวม และทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาในอนาคต ดังนี้
แนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในภาพรวม
1. การพัฒนาและปฏิรูปการศึกษา จะต้องยึดหลักการมีส่วนร่วม การกระจายอำนาจ และความต้องการของทุกภาคส่วนในสังคม มีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งเป็นไปตามกระบวนการของสภาปฏิรูปแห่งชาติและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และแนวนโยบายของคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การดำเนินงานเป็นที่ยอมรับและเกิดความมั่นคงยั่งยืนในระบบการศึกษาของไทย
2. การสร้างโอกาสทางการศึกษาในสังคมไทย จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรมโดยการน้อมนำแนวทางการพัฒนาระบบการจัดการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ได้โดยสะดวก และสามารถพัฒนาและประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างเท่าเทียม
3. การพัฒนาระบบการจัดการศึกษาและการพัฒนาหลักสูตรทางการศึกษา จะต้องให้ความสำคัญกับการยกระดับความรู้ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และปลูกฝังคุณธรรม การสร้างวินัย ปลูกฝังอุดมการณ์ความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การมีจิตสาธารณะ ความตระหนักถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด อุดมการณ์ และความเชื่อ รวมทั้งรู้คุณค่าและสืบสานวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย
4. การส่งเสริมและยกสถานะของครูซึ่งเป็นบุคลากรหลักในระบบการศึกษา จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงในสังคม เป็นบุคลากรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างที่ดี ในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม มีภูมิความรู้และทักษะในการสื่อสารถ่ายทอดความรู้ที่เหมาะสม มีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพครู ตลอดจนมีฐานะและคุณภาพชีวิตที่ดีสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมไทยในปัจจุบัน
5. การบริหารและการปฏิบัติราชการกระทรวงในทุกระดับ จะต้องให้ความสำคัญกับการบูรณาการการปฏิบัติของทุกหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและประสานสอดคล้องกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับงานด้านการศึกษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว และตรงกับความต้องการของสังคม
ทิศทางในการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาในอนาคต
การขับเคลื่อนการศึกษาในอนาคต กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มีผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นคณะที่ปรึกษา เช่น ศาสตราจารย์นายแพทย์กระแส  ชนะวงศ์  มีพลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ
กรอบแนวทางการขับเคลื่อนด้านการศึกษาภาพรวม
1. การปฏิรูปครู โดยที่ผลการวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า “ครู” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการศึกษา การปฏิรูประบบครู เพื่อให้ได้ครู ดี เก่ง และมีคุณธรรม จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครูขึ้น ซึ่งกรอบเพื่อดำเนินการแนวทางและมาตรการสำคัญ มีดังนี้
ปรับระบบบริหารบุคคล เนื่องจากเป็นกระบวนการสำคัญที่จะทำให้ได้ครูและผู้บริหารที่เก่ง ดี มีคุณธรรม โดยต้องมีการปรับทั้งระบบ ได้แก่ การสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้มีความดี ความเก่งจากทุกสาขา โดยเฉพาะสาขาขาดแคลน และนักเรียนทุนให้มาเป็นครูได้
ปรับระบบการผลิตและการพัฒนา โดยให้มีกระบวนการปลูกฝังจิตวิญญาณความเป็นครู  ให้มีการพัฒนาครูอย่างเป็นระบบ โดยเน้นพัฒนาด้านสมรรถนะในการสอน จัดให้มีคูปองการพัฒนาครู
ปรับเกณฑ์การโยกย้าย เพื่อให้ครูและผู้บริหารได้มีระยะเวลาในการพัฒนานักเรียน และโรงเรียนให้ก้าวหน้าอย่างเหมาะสม ซึ่งมีการดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์แล้ว
จัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาครู คณาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา ระยะ 5-10 ปี  เพื่อบริหารจัดการในการกำหนดการลด/เพิ่ม กระจายครูที่เหมาะสมรวมทั้งวางระบบผลิตและพัฒนาและมาตรการจูงใจ แผนพัฒนาสมรรถนะ และความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ตลอดจนแนวทางการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิผล
ปรับระบบการจูงใจ เพื่อดึงดูดและธำรงรักษาครูและผู้บริหารที่มีความรู้ ความสามารถ ความดี ให้อยู่ในระบบ ตลอดจนให้เกิดระบบที่เป็นธรรมเช่นปรับระบบฐานเงินเดือนครู
2. การปฏิรูปการเรียนรู้ โดยผลการวิจัยชี้ชัดว่า การศึกษาจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งคือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ จึงมีแนวทางและมาตรการในการดำเนินการระยะต่อไป ดังนี้
ส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามศักยภาพและความหลากหลายของผู้เรียน ตลอดจนเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานและคุณภาพแก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ด้วยการส่งเสริมเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ส่งเสริมการศึกษาทางเลือก ขยายผลต้นแบบ/รูปแบบที่ดีพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต โทรทัศน์เพื่อการศึกษา
ขับเคลื่อนการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระบวนการเรียนการสอน ที่เน้นความเป็นพลเมือง ประวัติศาสตร์ ระเบียบ วินัย ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ทักษะในศตวรรษที่ 21 อาชีพและภาษาอังกฤษ อย่างต่อเนื่องจากระยะเร่งด่วน
จัดทำโครงการนำร่องโครงการปฏิรูประบบการเรียนรู้สู่ผู้เรียน (Education Reform Lab & Coaching Lab) เป็นการกระจายอำนาจลงสู่เขตพื้นที่การศึกษานำร่อง 20 เขต โรงเรียนแกนนำ 300 โรงเรียน และปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ในสาระวิชาหลักให้สูงขึ้นกว่าเดิม ฯลฯ
 3. การเพิ่มและกระจายโอกาสอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง เท่าเทียม เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชน มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยมีแนวทาง ดังนี้
พัฒนาเครือข่ายโรงเรียนให้เข้มแข็ง เพื่อช่วยกันยกระดับและพัฒนาคุณภาพ
พัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโรงเรียนชายขอบ ตลอดจนแก้ไขปัญหาคุณภาพของโรงเรียนขนาดเล็ก
เพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม เช่น ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษาร่วมกับภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) เพื่อสนับสนุนการกระจายโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพ ขอความร่วมมือให้ทุกสื่อจัดรายการเพื่อการศึกษาในช่วงที่เหมาะสม
ปรับระบบกองทุนต่างๆ ทั้งระบบ เพื่อส่งเสริมผู้ด้อยโอกาสและการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง เช่น วิจัยให้ได้ข้อสรุปในเรื่องระบบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ระบบการจัดสรรทุน เพื่อให้มีเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อน และได้พัฒนาบุคลากรที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในภาพรวม
4. การปฏิรูประบบการบริหารจัดการศึกษา โดยที่การบริหารจัดการเป็นแกนในการดำเนินการปฏิรูปการศึกษาให้มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ ในระยะปานกลาง และระยะยาวต้องมีแนวทางและมาตรการเพื่อขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่องได้แก่
ขยายผลการกระจายอำนาจการบริหารจัดการ โดยใช้โรงเรียน/พื้นที่เป็นฐานให้ครอบคลุมมากขึ้น และเพิ่มอิสระในการบริหาร สามารถตรวจสอบได้
ปรับระบบการบริหารการอาชีวศึกษาให้มีเอกภาพ เนื่องจากปัจจุบันอาชีวศึกษาเอกชนและอาชีวศึกษาของรัฐ แยกการบริหารจัดการ ไม่มีความเชื่อมโยงกันทำให้ยังมีความลักลั่น
แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง สร้างความโปร่งใสในแวดวงการศึกษา พร้อมปลูกจิตสำนึกสร้างวัฒนธรรมธรรมาภิบาล
5. การผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อให้การผลิตและพัฒนากำลังคนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ ควรมีแนวทางและมาตรการ ดังนี้
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชนและภาคประชาสังคม เพื่อให้มีส่วนร่วมพัฒนาโรงเรียนดี-อาชีวะดี-ครูดี-สื่อดี และเรื่องอื่นๆให้มากขึ้น อันจะส่งผลให้การผลิตกำลังคนเชื่อมโยงกับความต้องการของตลาดแรงงานมากขึ้น
ขยายผลการจัดหลักสูตรทวิภาคี และสหกิจศึกษา โดยให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการสนับสนุนโรงเรียนในโรงงาน เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้นและมีความเป็นมาตรฐานสากล
จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (กรอ.อศ.) โดยส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมจัดและสนับสนุนการอาชีวศึกษาอย่างจริงจัง
จัดให้มีหลักสูตรทักษะอาชีพควบคู่สามัญในระดับมัธยมศึกษา อันจะช่วยเพิ่มกำลังแรงงานระดับกลาง และเป็นการเพิ่มช่องทางแก่เด็กและเยาวชนที่มีเป้าหมายเข้าสู่ระบบแรงงานระดับกลางด้วย
พัฒนาระบบค่าตอบแทนตามสมรรถนะ ความรู้ ความสามารถ และเร่งใช้ระบบคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อให้ค่าตอบแทนสะท้อนสมรรถนะของแรงงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระบบการจ้างงาน และส่งเสริมค่านิยมในการเรียนสายอาชีพ
ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษา ตลอดจนเชื่อมโยงการวิจัยและนวัตกรรมกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ
ผลิตและพัฒนาอาจารย์ระดับปริญญาเอกเพื่อพัฒนาคุณภาพด้านวิชาการระดับสูง
ผลิตกำลังคนตอบสนองความต้องการเร่งด่วนและการพัฒนาประเทศ โดยร่วมมือผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาตอบสนองภาคการผลิตและบริการในสาขาจำเป็นและขยายโอกาสทางการศึกษา และยกระดับแรงงานไทยร่วมกับสถานประกอบการ โดยพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนร่วมกับสถานประกอบการ
ปรับภาพลักษณ์อาชีวศึกษา โดยเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจระบบการเรียนอาชีวศึกษา โอกาสในการทำงาน และความก้าวหน้าของอาชีพในรูปแบบต่างๆ  เปิดสอนหลักสูตรหรือฝึกอาชีพระยะสั้นในสถานศึกษา เพื่อส่งเสริมให้มีการเข้าเรียนต่อในสายอาชีวศึกษา และเพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต
ยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศที่มีศักยภาพให้มากขึ้น โดยจัดทำความร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา พัฒนาทักษะวิชาชีพกับประเทศเพื่อนบ้าน
6. การปรับระบบการใช้ ICT เพื่อการศึกษาโดยที่ปัจจุบันระบบ ICT มีความก้าวหน้าและมีผลต่อการเรียนรู้อย่างมาก ในระยะต่อไปควรมีแนวทางและมาตรการเพื่อขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
การจัดให้มีระบบ BOI การศึกษา เพื่อยกเว้นภาษี-อากรการนำเข้าอุปกรณ์ สื่อเพื่อการศึกษา
ขยายผลระบบ Free Wifi ในสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างไม่จำกัดเวลา และสถานที่
พัฒนากองทุนเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ
7. การพัฒนาการศึกษาระหว่างประเทศ โดยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกลุ่มประเทศในอาเซียนในระดับภูมิภาค ด้วยการจัดทำแผน กรอบแนวการดำเนินงานความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างประเทศ ในการเสริมสร้างคุณภาพและโอกาสทางการศึกษา การเคลื่อนย้ายพรมแดน การจัดการศึกษาให้เป็นสากล
ข้อมูล สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี สรุป/รายงาน

ที่มา ; เว็บ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ


โดย www.tuewsob.com (ผอ.นิกร เพ็งลี)
อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ 
เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)
เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ
... ห้อง ติวสอบ (กรณีศึกษา) 
ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkruthailand.blogspot.com
ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

  (  คลิ๊ก ) สมัครติวสอบผู้บริหารภาค 4 ภาค 30 จุดปี 2557-2558 



ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม